ผู้จัดการรายวัน 360 - “วัฒนา” รอดคุก ศาลทหารให้ประกันแบบมีเงื่อนไข เจ้าตัวเผย “ลูกสาว” บินไปฮ่องกง ทนายปัด คสช.กดดัน “ประยุทธ์” ว้ากพวกชักใย นศ. ชี้เป้าว้อยส์ทีวี-นปช. ฮึ่มใช้ กม.แรงขึ้น ใครลองของเจอคุก พูดชัด “ทักษิณ” ตัวการป่วน แย้มถ้าวุ่นก็ประชามติไม่ได้ “ประวิตร” ชี้ “เสี่ยไก่” ละเมิดคพสั่ง-ผิดข้อตกลง ส่งฟ้องศาลไม่เกี่ยวอดข้าว ระบุเข้ากระบวนการยุติธรรม ทหารไม่เกี่ยวแล้ว “พลเมืองโต้กลับ” งดกิจกรรมยืนสงบนิ่ง
วานนี้ (21 เม.ย.) ที่ศาลทหารกรุงเทพ เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของคณะรักษาความสุขแห่งชาติ (คสช.) ได้นำตัว นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่อยู่ระหว่างถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา มายื่นคำร้องขออำนาจศาลทหารกรุงเทพ เพื่อฝากขังผัดที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. - 2 พ.ค. 59 ภายหลังถูกแจ้งข้อหาฝ่าฝืนเงื่อนไขประกาศ คสช. ฉบับที่ 39/2557 โดยมี นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความของนายวัฒนา พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย นายวรชัย เหมะ และมวลชนจำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจ โดยนายวัฒนามีสีหน้ายิ้มแย้ม ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารที่มีการนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณทางเข้าออกศาลทหารกรุงเทพ
** ศาลให้ประกันหลักทรัพย์ 8 หมื่น
จนเมื่อเวลา 16.30 น. คณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพ ได้ออกนั่งบังลังก์อ่านคำร้องที่เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนยื่นขอฝากขังนายวัฒนา โดยพนักงานสอบสวนให้เหตุผลว่าต้องสอบสวนพยานอีกจำนวน 5 ปาก พร้อมกับตรวจสอบประวัติอาชญากร ทั้งนี้ด้านนายวัฒนาได้คัดค้านการฝากขังโดยให้เหตุผลว่า การควบคุมตัวของทหารที่ดำเนินการกับตนนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะตนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และที่ผ่านมาไม่เคยมีพฤติกรรมหลบหนี อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ทหารดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาภายหลังจากที่มีการควบคุมตัวของตนแล้ว และมีการเปลี่ยนข้อหาไปเรื่อยๆแบบไม่สุจริต ทั้งนี้ คสช.ยังมีพฤติกรรมลุแก่อำนาจ จะแจ้งข้อหาขัดคำสั่ง คสช.เพิ่ม หากตนไม่ยอมรับประทานอาหาร ทั้งนี้คณะตุลาการศาลทหารฯได้พิจารณาเห็นว่าคำคัดค้านของนายวัฒนาเป็นข้อต่อสู้ทางคดี และเห็นว่านายวัฒนาขัดประกาศ คสช. จริง จึงอนุญาตฝากขังนายวัฒนาผัดที่ 1 เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.-2 พ.ค.59 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้คณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวจำนวน 7 คนเข้ารับฟังคำร้องด้วย โดยห้ามบักทึกภาพและจดรายละเอียดแต่อย่างใด หลังจากนั้นทางนายนรินท์พงศ์ ได้ยื่นเงินสด จำนวน 80,000 บาท เพื่อขอประกันตัวนายวัฒนา ก่อนที่ศาลจะอนุมัติให้ประกันตัว โดยมีเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆอันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ชักชวน ปลุกระดม ด้วยวิธีใดๆเพื่อให้มีการชุมนุมอันจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรือก่อให้เกิดภยันอันตรายใดๆอันกระทบต่อความเสียหายหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีงามของประชาชน หรือกระทำการใดๆเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรก่อนได้รับอนุญาตจากศาล ทั้งนี้ศาลทหารได้ทำหมายปล่อยตัวนายวัฒนาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
** ยัน คสช.ไม่ได้กดดัน “ลูกสาววัฒนา”
นายนรินท์พงศ์ กล่าวชี้แจงกรณี น.ส.วีรดา เมืองสุข บุตรสาวของนายวัฒนา เดินทางไปยังเกาะฮ่องกง ภายหลังยื่นหนังสือต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยให้ตรวจสอบการดำเนินการของ คสช.เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นแผนการเดินทางที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่มีนัยหรือการต่อรองใดๆ ส่วนที่ คสช.ตั้งข้อสังเกตว่ามีกระบวนการชักใยการเคลื่อนไหวของบุตรสาวนายวัฒนานั้น ตนเชื่อว่ามีผู้ไม่หวังดีพยายามเชื่อมโยงให้เป็นเรื่องการเมือง ทั้งนี้การแสดงออกของนายวัฒนาเป็นการแสดงออกด้านความคิดเห็น ซึ่งไม่ใช่การออกไปปลุกระดม ตนเชื่อว่าการแถลงต่อศาลในประเด็นนี้ น่าจะเป็นผลดีและศาลน่าจะรับไว้พิจารณา แต่ศาลบอกว่าให้นำประเด็นดังกล่าวไปใช้โต้แย้งในชั้นต่อสู้คดี
เมื่อถามว่า การเดินทางไปต่างประเทศของบุตรสาวนายวัฒนา ถูกกดดันจาก คสช.หรือไม่ นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบ นายวัฒนาคุยกับบุตรสาว ก็ไม่ได้มีนัยอื่นๆที่แสดงให้เห็นว่ามีการเชื่อมโยงต่อรองเกี่ยวกับการประกันตัววันนี้ เพราะข้อหาวันนี้ไม่จำเป็นต้องต่อรอง ถือเป็นเรื่องขัดคำสั่ง คสช.ตามปกติ อย่างไรก็ตามยืนยัน คสช.ไม่ได้กดดันบุตรสาวนายวัฒนา
ขณะที่ นายวัฒนา กล่าวยอมรับว่า บุตรสาวและภรรยาได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว แต่ขอเปิดเผยเหตุผลภายหลังได้รับการปล่อยตัว
** “บิ๊กตู่” ซัด “แม้ว” เบื้องหลังกลุ่มป่วน
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวว่า หน้าที่ คสช. คือการรักษาความสงบเรียบร้อยและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากใครทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดี ทั้งนี้ไม่ได้มีความเป็นห่วงองค์กรต่างประเทศจะมากดดัน โดยจะทำหนังสือชี้แจงเหตุผลว่าทำไมถึงต้องควบคุมตัวและดำเนินคดีนายวัฒนา รวมทั้งคนอื่นๆ นอกจากนี้จะชี้แจงในกรณีบุคคลอื่นๆที่หนีคดีไปยังสถานทูตทุกประเทศให้เข้าใจอีกด้วย ส่วนกลุ่มเคลื่อนไหวๆต่างนั้น ต่อไปนี้ต้องว่าตามกฎหมายที่จะแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะอาจเกิดการปลุกระดมได้ รวมถึงกรณีของกลุ่มนักศึกษา ซึ่งถามว่าอยู่กับพวกใด ใครเอารถไปส่ง ว้อยซ์ทีวีหรือ นปช.ไปส่งใช่หรือไม่ แล้วโยงกันอย่างไร ซึ่งย้ำว่าใครออกมาเคลื่อนไหวก็ต้องติดคุกและไปฟ้องศาล โดยขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่
“ไม่รู้เหรอว่าใคร มาจากไหน ใครละที่สนับสนุนกันมา ใครวางแผน ล็อบบี้ยีสต์ต่างประเทศ ใคร ก็ทักษิณ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตีผมเละอีก ต้องการแค่นี้ ประเทศก็ปั่นป่วนเหมือนเดิม สื่อก็ช่วยผมได้แค่นี้ ทำให้ยุ่งขึ้น และต้องยอมรับสิ่งที่เกิดต่อจากนี้ ถ้าสื่อจะทำแบบนี้ เลือกตั้งจะได้ไหมอยู่ที่สื่อไม่ใช่ผม ถ้าไม่เรียบร้อยผมก็จะใช้กฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างฉุนเฉียว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเกิดความวุ่นวายจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการทำประชามติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องดูว่าความวุ่นวายเกิดจากใคร และอยู่ที่เจตนาว่าบริสุทธิ์หรือไม่ ซึ่งทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับกฎหมาย หากเกิดความวุ่นวาย ก็ต้องดูว่าทำได้หรือไม่ หากทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่ทำ เหมือนกับช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่มีการประท้วงแล้วเลือกตั้งได้หรือไม่ เสนอกันไปมาจนตีกัน จนเลือกตั้งไม่ได้
** “บิ๊กป้อม” ชี้ “เสี่ยไก่” ละเมิดข้อตกลง
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของนายวัฒนาผิดประกาศของ คสช. ทั้งที่เคยลงนามและตกลงกันไว้แล้ว การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้ต้องการให้เป็นตัวอย่าง หรือเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู อย่างไรก็ตามยังไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้าหลักสูตรผู้นำสร้างชาติอย่างสร้างสรรค์ของ คสช. เพราะเรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทหารก็จะไม่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งนี้ตนยังไม่ได้รับรายงานถึงคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง บุตรสาวของนายวัฒนา ในการเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนานาชาติ
“เราไม่กดดันที่นายวัฒนาไม่ยอมทานข้าว จะให้เราทำอย่างไรได้ เขาอาจจะชอบกินมะพร้าวก็ได้” พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณีที่นายวัฒนาปฏิเสธที่จะรับประทานอาหารในระหว่างถูกควบคุมตัว โดยรับประทานเฉพาะมะพร้าวเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่องค์กรแอมแนสตี้เรียกร้องให้ คสช.ปล่อยตัวนายวัฒนา โดยไม่มีเงื่อนไข พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องภายในของใครของมัน ตนมีหน้าที่ทำให้ประเทศเกิดความสงบ ถ้าปล่อยให้คนแบบนี้มาเคลื่อนไหว ประเทศเดินต่อไปไม่ได้ แล้วความเสียหายก็จะตกไปที่ส่วนรวม ไม่ได้ตกอยู่กับ คสช. ส่วนที่นานาชาติวิพากษ์วิจารณ์ว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น นายกฯได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงในภาพรวมของประเทศว่า เรามีความจำเป็นอย่างไร รวมถึงแนวทางการปฏิบัติ ถ้าหากไม่มีคำสั่ง คสช.ออกมาก่อนคงจะไม่เป็นไร แต่มีคำสั่ง คสช.ออกมาแล้ว ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชน เพียงแต่ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมือง
** “พลเมืองโต้กลับ” งดกิจกรรมยืนสงบนิ่ง
นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับและทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวประกาศงดจัดกิจกรรมยืนสงบนิ่ง ที่บริเวณ สกายวอล์ค BTS ช่องนนทรี เนื่องจากนายวัฒนา ได้รับการประกันตัว และจะได้รับการปล่อยตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลเมืองโต้กลับยังยืนยันจุดยืนที่จะดำเนินกิจกรรมเพื่อปกป้องพลเมืองและโต้กลับกับการละเมิดสิทธิเสรีภาพโดยคณะรัฐประหารต่อไป จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา"
** ปัด “นายใหญ่” จ้างล็อบบี้ยิสต์ป่วนไทย
ทางด้าน นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมายของนายทักษิณ กล่าวยืนยันว่า นายทักษิณ ไม่ได้จ้างล็อบบี้ยิสต์ใดๆในต่างประเทศ และขออนุญาตชี้แจงว่านายทักษิณไม่ได้อยู่เบื้องหลังการดำเนินการของรัฐบาลต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศใดๆ ที่มีท่าทีต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย เพราะนายทักษิณเป็นหนูตัวเล็กๆที่ใช้ชีวิตในต่างประเทศ คงไม่สามารถที่จะไปมีอิทธิพลต่อการแสดงท่าทีขององค์กรระหว่างประเทศหรือประเทศต่างๆเหล่านั้น ตามปกติประเทศต่างๆก็จะได้รับรายงานข้อมูลและสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในไทยจากสถานทูตและสำนักงานผู้แทนของตนที่ประจำอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานปกติในช่องทางการทูต
“ท่านทักษิณไม่เคยมองใครเป็นศัตรู ท่านอยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้า เกิดการปรองดองและคนไทยมีความสุข และยังคงมีความรักและปรารถนาดีต่อประเทศและคนไทย” นายนพดล ระบุ