ผู้จัดการายวัน 360 - “ธรรศพลฐ์” ยันทีมบริหารชุดเดิมเชื่อรวมกับคิงเพาเวอร์ ทำไทยแอร์เอเชีย โตก้าวกระโดดปีละ 20-25% เหตุศักยภาพสายสัมพันธ์กับจีนสุดปึ๊ก เตรียมประชุมร่วม สัปดาห์หน้า คาดปรับแผนหาเครื่องบินเพิ่มมากกว่า 5 ลำ /ปี ย้ำขาย 4.20 บาท/หุ้น พอใจทั้งสองฝ่าย ทุ่ม 1.2 หมื่นล.ตั้งโต๊ะซื้อหุ้น “วิชัย” ยันต่อยอด ”คิงเพาเวอร์-เลสเตอร์” สร้างมูลค่าเพิ่ม ดันเป้าดิวตี้ฟรี 1 แสนล. อีก 2 ปี “ซีอีโอไทยแอร์เอเชีย” แจง แชทไลน์กลุ่มนักบิน โทรขอโทษ”ยิ่งลักษณ์”แล้ว
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า การตัดสินใจขายหุ้น บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ในส่วนของครอบครัวแบเลเว็ลด์ ให้ ครอบครัวศรีวัฒนาประภา นั้น เนื่องจากเห็นว่า การรวม 2 ธุรกิจ ซึ่ง กลุ่มคิงเพาเวอร์ มีศักยภาพมาก
จะทำให้ธุรกิจของสายการบินไทยแอร์เอเชียจะเติบโตแบบก้าวกระโดด คือ 1 บวก 1 จะไม่ใช่ 2 หรือแค่ 3 แต่จะกระโดดเป็น 4 เป็น 5 เพราะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเป็นฐานลูกค้าของ 2 บริษัทเหมือนกัน
ขณะที่ราคาขายที่ 4.20 บาทต่อหุ้น ไม่อยากให้มองว่าต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน ที่ราคากว่า 6 บาทต่อหุ้น เพราะถือเป็นราคาที่เหมาะสมทางธุรกิจและเป็นราคาที่ตนพอใจ และการขายหุ้นของสายการบินไม่ได้ทำกันง่ายๆ เพราะ ตามกฎหมายไทย ต้องเป็นนิติบุคคลไทยและมีบุคคลธรรมดาถือหุ้นอยู่ไม่น้อยกว่า 51%
“กว่า 13 ปีที่ผ่านมา ไทยแอร์เอเชียล้มลุกคลุกคลาน จน 5 ปีหลัง ถึงประสบความสำเร็จ มีส่วนแบ่งการตลาดการบินในประเทศสูงสุด และมีเส้นทางครอบคลุมในภูมิภาคทั้ง CLMV ,เอเชีย จีนตอนกลาง-ใต้มากที่สุด ถือว่าได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว วันนี้ตัดสินใจขายหุ้นให้ กลุ่มคิงเพาเวอร์เพราะเราอยากโตต่อไป
รักษาอัตราเติบโตทั้งผู้โดยสารและรายได้เฉลี่ยปีละ 20% เป็นอย่างน้อย” นายธรรศพลฐ์กล่าว
โดยผู้บริหารไทยแอร์เอเชียชุดเดิมยังคงทำหน้าที่บริหารต่อไป นโยบายไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งในสัปดาห์หน้า จะมีการหารือการทำงานรวมกัน ซึ่งคิงเพาเวอร์มีฐานลูกค้าจีนและมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับบริษัททัวร์จีนเมืองจีนใหญ่มาก การบินรัศมี4 ชั่วโมง ยังมีอีกหลายเมือง หลายมณฑลที่ยังสามารถต่อยอดเปิดทำการบินได้เพิ่ม หลังจากนี้ ให้ดูที่ผลประกอบการถ้าดีขึ้น จะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นทุกคน นอกจากนี้ จะเป็นโอกาสในการขยายเส้นทางบินไปต่างประเทศได้เร็วมากขึ้นภายใต้การบริการและแบรนด์ไทยแอร์เอเชียเหมือนเดิมโดยมีคิงเพาเวอร์ช่วย ขณะเดียวกัน ผู้โดยสารจะได้รับบริการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่นการซื้อของและจัดส่งที่สะดวกมากขึ้น
***ปรับแผนเพิ่มเครื่องบิน -เปิดเส้นทางใหม่
สำหรับแผนธุรกิจการบินนั้น จะมีการเพิ่มจำนวนเครื่องบินเฉลี่ยปีละ 5 ลำ โดยประเมินสภาวะตลาด ปัจจัยราคาน้ำมันประกอบด้วย หากสามารถเปิดตลาดเพิ่มที่จีนได้โดยใช้สายสัมพันธ์ของคิงเพาเวอร์ อาจจะต้องมีเครื่องบินเพิ่มมากกว่าปีละ5 ลำก็ได้ ซึ่งประเมินว่า หลังจากปี 2560 เป็นต้นไป การเติบโตด้านรายได้และผู้โดยสารมากกว่า 20-25% ต่อปี
ดังนั้นจะมีความต้องการเครื่องบินมากกว่า 5 ลำแน่ โดยปี 2559 คาดว่าจะมีผู้โดยสารรวมประมาณ 17 ล้านคน ขณะที่มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยที่ 83%
*** ทุ่ม1.2 หมื่นล.ตั้งโต๊ะซื้อหุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์การเข้าซื้อหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ได้ประกาศจัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) จากรายย่อยทั้งหมดจำนวน 2,918.41 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 60.17% ในราคาหุ้นละ 4.20 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 12,257.33 ล้านบาท โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดเตรียมคำเสนอซื้อ และสำนักงานกฎหมายแคปปิตอบ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย
ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขอให้บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น ชี้แจงกรณีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ เนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัทได้ปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด โดยให้ชี้แจงภายในวันที่ 16 มิถุนายน 59 นี้
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้นตั้งแต่เปิดการซื้อขายหุ้นภาคเช้า ราคาหุ้น AAV ปรับตัวลดลงจากราคาเทนเดอร์ออฟเฟอร์ที่ต่ำกว่าราคาตลาด โดยเปิดตลาดที่ราคาต่ำสุด 5.55 บาท ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.45 บาท ก่อนจะเริ่มขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 6.35 บาท และปิดการซื้อขาย 6.25 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.25 บาท หรือ 4.17% มูลค่าการซื้อขาย 3,624.42 ล้านบาท
*** ต่อยอดคิงเพาเวอร์-ไทยแอร์-เลสเตอร์ฯ
นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท “คิง เพาเวอร์” เปิดเผยถึงเหตุผลในการซื้อหุ้น บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น หรือAAV ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้น 55% ของสายการบิน “ไทยแอร์เอเชีย” ในสัดส่วน 39% มูลค่ารวมประมาณ 7,945 ล้านบาท จากนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ และครอบครัว ว่า มีความสนใจลงทุนในธุรกิจสายการบินมานานแล้ว โดยก่อนหน้านี้เคยซื้อหุ้นสายการบินนกแอร์ 5% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยมากจนไม่มีส่วนร่วมในการบริหารงานจึงได้ตัดสินใจขายหุ้น โดยการลงทุนครั้งนี้คาดว่าจะได้รับรายได้จากเงินปันผลซึ่งคาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 7-8 ปี
การซื้อหุ้นครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนระยะยาวของตนเองและครอบครัว โดยไม่มีแผนซื้อมาเพื่อขายต่อ เนื่องจากมีข้อจำกัดตามกฎหมายอันเกี่ยวกับการเดินอากาศที่ได้กำหนดสัดส่วนการถือครองหุ้นว่า ผู้ถือหุ้นต้องเป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยไม่น้อยกว่า 51% ซึ่งทำให้ยากต่อการที่จะหาผู้ที่มีความสนใจที่จะซื้อหุ้นAAV เป็นจำนวนมากได้
การซื้อหุ้นครั้งนี้ยังถือเป็นการส่งเสริมธุรกิจค้าปลีกและสายการบิน ตลอดจนสร้างโอกาสใหม่ในธุรกิจให้แข็งแกร่ง รวมถึงการพัฒนาแบรนด์ “คิง เพาเวอร์”, “ไทยแอร์เอเชีย” และสโมสร “เลสเตอร์ ซิตี้” ร่วมกันในระดับนานาชาติ โดยจะมีการทำโปรโมชั่นต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าร้านดิวตี้ฟรีและสายการบิน เบื้องต้นจะเริ่มดำเนินงานแผนการจัดระบบการจัดส่งสินค้าในลักษณะ Delivery ถึงที่นั่งบนเครื่องบินให้แก่ผู้โดยสารที่มีการสั่งซื้อสินค้าจากร้านดิวตี้ฟรีผ่านช่องทางออนไลน์
“อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังถือเป็นรายได้หลักของประเทศ ความร่วมมือครั้งนี้ทำให้ขยายฐานกลุ่มลูกค้าและผู้โดยสารชาวจีนซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 12-13 ล้านคนภายในปี 2559 ในขณะที่ร้านดิวตี้ฟรีคิงเพาเวอร์ มีลูกค้าชาวจีนมากถึง 6-7 ล้านคนต่อปี อนาคตอาจมีแผนเพิ่มเที่ยวบินตรงจากมณฑลต่างๆในประเทศจีนสู่จุดหมายปลายทางต่างๆ ในประเทศไทย “
*** เป้าดิวตี้ฟรี 1 แสนล.ปี60
นายวิชัย ยังกล่าวถึงผลประกอบการของร้านดิวตี้ฟรี “คิง เพาเวอร์” ด้วยว่า ในช่วงไตรมาสแรก2559ทำยอดขายได้ 35,000 ล้านบาท โต 20% มากกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน จึงคาดว่า ณ สิ้นปี 2559 จะทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 85,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 10-15% โดยมีเป้าหมายสร้างรายได้รวมของกลุ่ม “คิง เพาเวอร์” ให้ถึง 100,000 ล้านบาทในปี 2560 (ไม่รวมรายได้จากสายการบินไทยแอร์เอเชียที่ปีละประมาณ 30,000 ล้านบาท เต
ในปี 2560 บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนเพิ่มขึ้นตามรายได้ เริ่มจากการปรับปรุงร้านดิวตี้ฟรี สาขาซอยรางน้ำ ด้วยงบประมาณ 5,000 ล้านบาท ในเดือนเมษายน 2560 หลังจากที่เปิดให้บริการครบ 10 ปี จากนั้นยังจะมีการขยายสาขาศรีวารี จ.สมุทรปราการ ในเฟส 2 บนพื้นที่ประมาณ 10,000 ตร.ม. โดยเบื้องต้นยังไม่มีกำหนดงบประมาณแต่อย่างใด
ปัจจุบันสาขาศรีวารี มีนักท่องเที่ยวชาวจีนใช้บริการปีละประมาณ 10,000 คนและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 คนในปี2559 ขณะที่โรงแรมพูลแมนที่กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ครึ่งหนึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบในเดือนตุลาคม 2559
นายวิชัย กล่าวในตอนท้ายด้วยว่า หลังจากนี้ยังไม่มีแผนจะซื้อธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงไม่มีแผนเล่นการเมืองแต่อย่างใด เนื่องจากมีบุคลิกไม่เหมาะกับการเป็นนักการเมือง เพราะไม่ชอบออกงานสังคมและไม่ชอบพูดในที่สาธารณะ
*** ซีอีโอไทยแอร์เอเชีย” โทรขอโทษ”ยิ่งลักษณ์”แล้ว
จากกรณีกลุ่มไลน์นักบิน ได้โพสต์รูป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะ ระหว่างเดินขึ้นเครื่องบิน จากนั้น มีข้อความต่อว่า “มีเหยื่อ ออน บอร์ด” และต่อมามีบุคคลเข้ามาแสดงความเห็นว่า CFIT เป็นศัพท์ทางการบิน ซึ่งเป็นนักบินของสายการบินไทยแอร์เอเชีย นั้น ล่าสุด นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า นักบินดังกล่าว เป็นเด็กเพิ่งเข้ามาเรียนนักบินไม่ถึง 3 วัน ยังไม่ผ่านการปฐมนิเทศ ซึ่งทันทีที่ทราบเรื่องเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ได้เรียกนักบินคนดังกล่าวมาตักเตือน พร้อมทั้งมีคำสั่งพักการเรียนไปก่อน นอกจากนี้ ได้ให้คณะกรรมการนักบินอาวุโสของบริษัท ทำการประเมินนักบินคนดังกล่าวมีความเป็นผู้ใหญ่และมีสถานะเพียงพอที่จะเป็นนักบินได้หรือไม่ ถ้าได้จะพิจารณาให้กลับมาเรียนใหม่ หากประเมินแล้วไม่ได้ จะต้องออกไป คาดว่าจะใช้เวลาประเมิน ประมาณ 1-2 สัปดาห์จึงจะสรุปได้
“เรื่องนี้อยากให้แยกเป็น 2 เรื่อ คือ เรื่องวุฒิภาวะ และความเป็นเด็กที่อาจจะมีความคึกคะนอง ซึ่งทางบริษัทฯจะพิจารณาไปถึงเรื่องการให้ไปสอบเวชศาสตร์ใหม่ด้วยหรือไม่ กรณีนี้อาจจะยังเป็นเด็ก เพิ่งเข้ามาเรียน ยังไม่บรรจุเป็นพนักงาน”
นายธรรศพลฐ์ กล่าวยืนยันว่า นโยบายของบริษัทฯ มีความเข้มงวดเรื่องการใช้สื่อโซเชียล มีเดียอยู่แล้ว และจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้ออกนโยบายใหม่ ไม่ว่า ใครก็ตามที่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทแม้ว่าจะเป็นแค่ฝึกหัก จะต้องผ่านคอร์สเรื่องโซเชียลมีเดียก่อน
“เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) ผมได้โทรขอโทษท่านอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์แล้ว”นายธรรศพลฐ์กล่าว
***นกแอร์ เร่งสอบสวนเหตุนักบินโพสต์ภาพปู
วานนี้ (14 มิ.ย.) สายการบินนกแอร์ ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า สายการบินนกแอร์ อยู่ในระหว่างการสอบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
**“ปู”ไม่ติดใจปม'โหม่งโลก'
วานนี้ (14 มิ.ย.) แหล่งข่าวคนใกล้ชิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังมีกระแสข่าวระบุว่านายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ จะเดินทางเข้าขอโทษน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในเช้าวันเดียวกันนี้ที่โรงแรมSCปาร์คนั้น ยืนยันไม่มีการนัดหมายกันระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับทางผู้บริหารนกแอร์ เพราะถือว่ามีความเข้าใจกันดีแล้วจากการประสานงานผ่านทางทีมเลขาฯ และจากการที่อดีตนายกรัฐมนตรีได้รับคำขอโทษจากทางนกแอร์แล้วโดยการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา