ผู้จัดการรายวัน 360 - “เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา” ย้ำหนักแน่นซื้อหุ้น “ไทยแอร์เอเชีย” เพราะหวังผลระยะยาวและต่อยอดธุรกิจ พร้อมขยายฐานลูกค้าชาวจีน เตรียมสร้างโอกาสและบริการใหม่ให้ธุรกิจค้าปลีก-สายการบินในลักษณะส่งสินค้าถึงที่นั่งบนเครื่องบิน เผยปี 59 มั่นใจรายได้เป็นไปตามเป้า 8.5 หมื่นล้านบาท ก่อนปรับปรุงดิวตี้ฟรีสาขารางน้ำเดือน เม.ย. 60 ด้วยงบฯ 5 พันล้านบาท ตามแผนสร้างรายได้ 1 แสนล้านบาทในปี 60
นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท “คิงเพาเวอร์” เปิดเผยถึงเหตุผลในการซื้อหุ้น บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น หรือ AAV ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นร้อยละ 55 ของสายการบิน “ไทยแอร์เอเชีย” ในสัดส่วนร้อยละ 39 มูลค่ารวมประมาณ 7,945 ล้านบาทจากนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ และครอบครัว ว่า ตนมีความสนใจลงทุนในธุรกิจสายการบินมานานแล้ว โดยก่อนหน้านี้เคยซื้อหุ้นสายการบินนกแอร์ 5% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยมากจนไม่มีส่วนร่วมในการบริหารงานจึงได้ตัดสินใจขายหุ้น โดยการลงทุนครั้งนี้คาดว่าจะได้รับรายได้จากเงินปันผลซึ่งคาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 7-8 ปี
การซื้อหุ้นครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนระยะยาวของตนเองและครอบครัวโดยไม่มีแผนซื้อมาเพื่อขายต่อแต่อย่างใด เนื่องจากมีข้อจำกัดตามกฎหมายอันเกี่ยวกับการเดินอากาศที่ได้กำหนดสัดส่วนการถือครองหุ้นว่า ผู้ถือหุ้นต้องเป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ซึ่งทำให้ยากต่อการที่จะหาผู้ที่มีความสนใจที่จะซื้อหุ้น AAV เป็นจำนวนมากได้
การซื้อหุ้นครั้งนี้ยังถือเป็นการส่งเสริมธุรกิจค้าปลีกและสายการบิน ตลอดจนสร้างโอกาสใหม่ในธุรกิจให้แข็งแกร่ง รวมถึงการพัฒนาแบรนด์ “คิง เพาเวอร์”, “ไทยแอร์เอเชีย” และสโมสร “เลสเตอร์ ซิตี้” ร่วมกันในระดับนานาชาติ โดยในอนาคตอันใกล้จะมีการทำโปรโมชันต่างๆ ร่วมกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าร้านดิวตี้ฟรีและสายการบินได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นจะเริ่มดำเนินงานแผนการจัดระบบการจัดส่งสินค้าในลักษณะ Delivery ถึงที่นั่งบนเครื่องบินให้แก่ผู้โดยสารที่มีการสั่งซื้อสินค้าจากร้านดิวตี้ฟรีผ่านช่องทางออนไลน์
“อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังถือเป็นรายได้หลักของประเทศ เพราะฉะนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสในการขยายฐานกลุ่มลูกค้าและผู้โดยสารชาวจีนซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 12-13 ล้านคนภายในปี 2559 ในขณะที่ร้านดิวตี้ฟรีคิง เพาเวอร์ มีฐานลูกค้าชาวจีนมากถึง 6-7 ล้านคนต่อปี โดยในอนาคตอันใกล้อาจมีแผนเพิ่มเที่ยวบินตรงจากมณฑลต่างๆ ในประเทศจีนสู่จุดหมายปลายทางต่างๆ ในประเทศไทย เช่น อู่ตะเภา ภูเก็ต และเชียงใหม่ เป็นต้น ”
นายวิชัยยังกล่าวถึงผลประกอบการของร้านดิวตี้ฟรี “คิง เพาเวอร์” ด้วยว่า ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 20% มากกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน จึงคาดว่า ณ สิ้นปี 2559 จะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 8.5 หมื่นล้านบาท เติบโตตามเป้าหมายปีละ 10-15% โดยมีเป้าหมายสร้างรายได้รวมของกลุ่มบริษัท “คิง เพาเวอร์” 1 แสนล้านบาทในปี 2560 (ไม่รวมรายได้จากสายการบินไทยแอร์เอเชียปีละ 3 หมื่นล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 20-25% ต่อปี)
ในปี 2560 บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนเพิ่มขึ้นตามรายได้ เริ่มจากการปรับปรุงร้านดิวตี้ฟรี สาขาซอยรางน้ำ ด้วยงบประมาณ 5 พันล้านบาท ในเดือนเมษายน 2560 หลังจากที่เปิดให้บริการครบ 10 ปี จากนั้นยังจะมีการขยายสาขาศรีวารี จ.สมุทรปราการ ในเฟส 2 บนพื้นที่ประมาณ 1 หมื่น ตร.ม. โดยเบื้องต้นยังไม่มีกำหนดงบประมาณแต่อย่างใด โดยปัจจุบันสาขาศรีวารีมีนักท่องเที่ยวชาวจีนใช้บริการปีละประมาณ 1 หมื่นคนและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 หมื่นคนในปี 2559 ขณะที่โรงแรมพูลแมนที่กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ครึ่งหนึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบในเดือนตุลาคม 2559
นายวิชัยกล่าวในตอนท้ายด้วยว่า หลังจากนี้ยังไม่มีแผนจะซื้อธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงไม่มีแผนเล่นการเมืองแต่อย่างใด เนื่องจากมีบุคลิกไม่เหมาะกับการเป็นนักการเมือง เพราะไม่ชอบออกงานสังคมและไม่ชอบพูดในที่สาธารณะ