ผู้บริหาร “คิงเพาเวอร์-ไทยแอร์เอเชีย” เปิดโต๊ะร่วมแถลงข่าวการขายหุ้นไทยแอร์เอเชีย โดยทั้ง 2 ฝ่ายยืนยันเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อต่อยอดธุรกิจ ขณะที่ ตลท.ได้ขอให้ผู้บริหาร AAV ชี้แจงข่าวที่เกิดขึ้นภายใน 16 มิ.ย.นี้ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้ทราบข้อเท็จจริง
นายวิชัย ศรีวัฒนาประภา ประธานกรรมการ กลุ่มคิงเพาเวอร์ ได้ร่วมแถลงข่าวกับ นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ดำเนินธุรกิจสายการบินไทยแอร์เอเชีย เพื่อชี้แจงกรณีที่ครอบครัวแบเลเว็ลด์ ได้ขายหุ้น 39% ในบริษัท AAV ให้แก่กลุ่มคิงเพาเวอร์ โดยระบุว่า การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้เป็นการลงทุนระยะยาว เนื่องจากกลุ่มคิงเพาเวอร์ มีความสนใจธุรกิจการบินที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ขณะเดียวกัน กลุ่มคิงเพาเวอร์ก็พร้อมจะนำธุรกิจการบินมาต่อยอด โดยเฉพาะการขายสินค้าดิวตี้ฟรีผ่านระบบออนไลน์ โดยมุ่งเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายวิชัย ยืนยันว่า กลุ่มคิงเพาเวอร์ พร้อมจะถือหุ้นในระยะยาว ไม่มีนโยบายนำหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งมีแผนการลงทุนในอนาคต จากปัจจุบันในปี 2559 ไทยแอร์เอเชียมีฝูงบินรวม 51 ลำ ซึ่งเห็นว่าสามารถเพิ่มฝูงบินเพื่อตอบสนองการเดินทางได้อีกในอนาคต
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ กล่าวว่า ราคาที่กลุ่มคิงเพาเวอร์ซื้อหุ้น AAV ที่ราคา 4.20 บาทต่อหุ้น ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 6 บาท ยืนยันว่า เป็นราคาที่เหมาะสม เพราะการเป็นการลงทุนระยะยาว และส่วนตัวยังทำหน้าที่บริหารต่ออีกอย่างน้อย 5 ปี หลังจากนั้น เป็นการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ การแถลงข่าวทั้ง 2 ฝ่าย ยอมรับว่า สามารถตกลงการซื้อขายได้ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 มิ.ย.) นายวิชัย กล่าวว่า นอกจากการซื้อหุ้นจากตระกูลแบเลเว็ลด์ 7,945 ล้านบาท ก็จะทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) อีกประมาณ 60% หรือกว่า 10,000 ล้านบาท
รายงานข่าวระบุว่า ราคาหุ้น AAV เช้านี้ร่วงลงไปอยู่ที่ 5.80 บาท ลดลง 0.20 บาท เมื่อเวลา 12.05 น. โดยเปิดตลาดที่ 5.55 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 5.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 5.55 บาท
โดยบริษัทได้รับแบบประกาศเจตนาในการเข้าถือหุ้นเพื่อครอบงำกิจการจาก นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้บริหารกลุ่ม King Power ซึ่งจะทำคำเสนอซื้อหุ้น AAV ส่วนที่เหลือ จำนวน 60.17% คาดจะเสนอซื้อที่ราคาหุ้นละ 4.20 บาท คิดเป็นมูลค่าราว 12,300 ล้านบาท หลังจากเมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) กลุ่มนายวิชัย ได้เข้าซื้อหุ้น AAV จำนวน 39% จากกลุ่มนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AAV เมื่อรวมกับหุ้น AAV บางส่วนที่ถือหุ้นก่อนหน้านี้ ส่งผลให้กลุ่มนายวิชัย มีหุ้น AAV ก่อนทำคำเสนอซื้อหุ้นครั้งนี้เป็น จำนวน 39.83% คาดว่าจะสามารถยื่นคำเสนอซื้อหุ้น AAV อย่างเป็นทางการในวันที่ 23 มิ.ย.59 โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เป็นผู้จัดเตรียมคำเสนอซื้อ
กรณีดังกล่าว บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ระยะสั้นการทำธุรกรรมของกลุ่มแบเลเว็ลด์ และกลุ่มนายวิชัย อาจทำให้ราคาหุ้น AAV อยู่ภายใต้แรงกดดัน เนื่องจากราคาขายต่ำกว่าราคาตลาดอย่างมาก แต่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ยังเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AAV จะยังคงบริหารบริษัทอยู่
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ประเมินว่า AAV จะได้ประโยชน์จากส่วนลดจาก King Power และจะได้ประโยชน์จากการเปิดเส้นทางไปจีน ซึ่งต้องติดตามแผนธุรกิจในอนาคตของ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ขอให้ผู้บริหาร AAV ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทขายหุ้นออกตามที่ AAV แจ้งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2559 เพื่อให้ชัดเจนว่า ครอบครัวแบเลเว็ลด์ (ประกอบด้วย นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ น.ส.ภัทรี แบเลเว็ลด์ และนางศิริธร แบเลเว็ลด์) ได้ขายหุ้น AAV ให้แก่กลุ่มนายวิชัย ศรีวัฒนประภา จำนวน 1,891.59 ล้านหุ้น (39% ของทุนชำระของ AAV) ในราคาหุ้นละ 4.20 บาท เป็นผลให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของ AAV เปลี่ยนแปลงไป
โดยกลุ่ม นายวิชัย ศรีวัฒนประภา เข้ามาถือหุ้นใน AAV จำนวน 1,931.59 ล้านหุ้น (39.82% ของทุนชำระของ AAV) และครอบครัวแบเลเว็ลด์ ถือหุ้นเหลือเพียง 242.50 ล้านหุ้น (5% ของทุนชำระของ AAV) ทั้งนี้ กลุ่มนายวิชัย ศรีวัฒนประภา มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ AAV ต่อไป
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ปรากฏข่าวเรื่องการขายหุ้นของกลุ่มนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ให้กลุ่มคิงเพาเวอร์ หรือกลุ่ม นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ตามสื่อต่างๆ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ได้ให้บริษัทชี้แจงถึงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวถึง 3 ครั้ง ระหว่างวันที่ 7 เมษายน-9 พฤษภาคม 2559 (รายละเอียดปรากฏตามข่าวของ AAV วันที่ 7 และ 25 เมษายน 2559 และวันที่ 9 พฤษภาคม 2559) ซึ่ง AAV ได้ปฏิเสธข่าวเรื่องดังกล่าว
โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2559 AAV แจ้งว่า ได้สอบถาม นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ และได้รับแจ้งจาก นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ ในเรื่องการซื้อขายหุ้น AAV ให้แก่กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ต่อมา วันที่ 13 มิถุนายน 2559 AAV แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ครอบครัวแบเลเว็ลด์ ได้ขายหุ้น AAV ให้แก่กลุ่ม นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาไม่นานนักจากช่วงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้บริษัทชี้แจงข้อมูล
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนได้ทราบข้อเท็จจริง ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ AAV ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวผ่านระบบเผยแพร่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2559
ขณะที่สื่อมวลชนบางสำนักได้ตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ กลุ่มคิงเพาเวอร์ ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS (Big lot) ในช่วงวันที่ 31 ก.ค.58 จากตระกูลเชษฐโชติศักดิ์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ จำนวน 79 ล้านหุ้น และนายเชษฐ เชษฐโชติศักดิ์ อีกจำนวน 15 ล้านหุ้น รวมทั้งหมดเป็น 94 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 9% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1 พันล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่กลุ่มคิงเพาเวอร์ ตัดสินใจลงทุนในหุ้นอาร์เอสนั้น ให้เหตุผลว่า เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพในการต่อยอดความสำเร็จจากธุรกิจสื่อไปสู่ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องในอนาคต
โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มคิงเพาเวอร์ ได้ทยอยขายหุ้น RS ออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่วันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการเทขายหุ้นออกมาครั้งใหญ่เป็นจำนวน 4.36% ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคงเหลือ 0.99% ซึ่งเป็นการเข้าถือหุ้นในระยะเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น จึงเป็นที่สนใจว่า กรณีของ AAV จะซ้ำรอยเดิมกับ RS หรือไม่