ตั้งประเด็นสอบ"คิง เพาเวอร์" ผูกขาดจนทุบระบบการค้าเสรีพัง เลี่ยงเข้าระบบ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ทั้งที่มูลค่าโครงการเกินพันล้าน ยังลักไก่ต่อสัญญาให้อีก 2 หน เขียนสัญญาประหลาด ให้ใช้พื้นที่“ไม่ต่ำกว่า”โดยไม่กำหนดขั้นสูงสุดไว้ แถมตีมูลค่าบริษัทต่ำ เพื่อให้เสียภาษีน้อย รัฐขาดรายได้มหาศาล
จากกรณีที่ “ผู้จัดการรายวัน 360”ได้เปิดเผย เอกสารจากหน่วยงานภาครัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งเข้าไปร่วมตรวจสอบพฤติกรรมที่เข้าข่ายการทุจริตของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ร่วมกับ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (คิงเพาเวอร์) ในการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีในสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับที่คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษากลไกปราบปรามทุจริต ในคณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบอยู่ด้วยนั้น
ผู้สื่อรายงานว่า สำหรับประเด็นการสอบสวนที่หน่วยงานดังกล่าวได้ตั้งขึ้นนั้น นอกเหนือจากความสัมพันธ์ของกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์กับข้าราชการและกรรมการรัฐวิสาหกิจแล้ว ก็ยังมีการกล่าวถึงรูปแบบการร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกรรมการรัฐวิสาหกิจ ที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มคิงเพาเวอร์ด้วย โดยระบุว่า มีการวางคนที่มีอำนาจในการตรวจสอบบริษัทขนาดใหญ่ รวมทั้งกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ไว้ทุกแห่ง ทุกระดับ ทำให้การกำกับดูแล และตรวจสอบธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งระบบไม่เข้มงวด และรัดกุมเท่าที่ควร ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรายได้ของรัฐอย่างมหาศาล ตั้งแต่การทำสัญญาสัมปทาน ที่เข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ที่กำหนดถึงโครงการมูลค่า 1 พันล้านบาทขึ้นไป ต้องมีกระบวนการพิจารณาตามขั้นตอน แต่มีความพยายามช่วยตีความ และเร่งรัดทำสัญญาในเวลาอันสั้น และคณะกรรมการ ทอท.ยังมีการต่อสัญญาให้อีก 2 ครั้ง ทั้งที่หากมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และตามสัญญาแล้ว ก็ควรยกเลิกสัญญา และใช้วิธีการประมูลอย่างโปร่งใส
นอกจากการทำสัญญาให้ใช้พื้นที่แล้ว ยังมีสัญญาให้กลุ่มคิงเพาเวอร์ บริหารพื้นที่ในท่าอากาศยานด้วย ทำให้เกิดการผูกขาด และส่งผลให้ประเทศไทยเป็นเมืองท่าปรีพอร์ตปลอดภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวเหมือนเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ในโลกไม่ได้ แนวคิดที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวในการจับจ่ายซื้อสินค้า จึงไม่เกิดขึ้น ส่งผลให้ประเทศเสียหายหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และ ทอท. เองก็ขาดโอกาสได้ผลตอบแทนจากการใช้พื้นที่เพิ่มเติม ทั้งยังมีขบวนการช่วยเหลือจนเกิดดิวตี้ฟรีขาเข้า ซึ่งขัดหลักการของร้านค้าปลอดอากร เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และเอาเปรียบร้านค้าทั่วไปในประเทศ และยังจะมีการเปิดร้านค้าปลอดอากรในเมืองหลายแห่ง รวมถึงการซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เนต เพื่อมารับสินค้าที่ท่าอากาศยานขาออกในอนาคต ต่างๆ เหล่านี้ ทอท. กลับไม่ดำเนินการให้กลุ่มคิงเพาเวอร์ จ่ายผลประโยชน์เลย และทำลายระบบการค้าเสรีในประเทศด้วย
ในเอกสารตอนหนึ่งระบุถึงพฤติการณ์ของทอท.ที่ละเว้น ไม่กำกับดูแล จนกลุ่มคิงเพาเวอร์ ใช้พื้นที่เกินสัญญา มีการให้เช่าช่วงพื้นที่ และใช้พื้นที่ในการโฆษณาเชิงพาณิชย์ จนรัฐเสียประโยชน์อย่างมหาศาล ไม่เพียงเท่านั้น ทอท. ยังละเว้นการเร่งดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลกับกลุ่ม คิงเพาเวอร์ เพื่อตรวจสอบรายรับจากผู้ได้รับสัมปทาน ทำให้ไม่ทราบว่า รายรับที่แท้จริง และผลประโยชน์ที่ควรได้จากรายรับนั้นเป็นเท่าไร มีเพียงรายงานของบริษัทเท่านั้น จึงไม่ได้ค่าตอบแทนอย่างเต็มที่ ที่คาดว่าเป็นเพียงรายรับขั้นต่ำเท่านั้น
ในด้านภาษีสรรพากร เนื่องจากมีการวางเครือข่ายไว้ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ระดับล่างจนถึงระดับบริหาร ทำให้ไม่เคยมีการตรวจสอบเชิงลึกกลุ่มคิงเพาเวอร์ โดยเฉพาะการตรวจรับระบบการลงบัญชีอิเล็คทรอนิกส์ การเลี่ยงภาษี การตรวจสอบถ่ายโอนกำไร และการตรวจสอบการนำรายจ่ายส่วนตัว มาเป็นรายจ่ายบริษัท เป็นต้น
เอกสารดังกล่าวยังได้มีการตั้งประเด็นตรวจสอบเกี่ยวกับความเสียหายต่อรายได้ของรัฐไว้ด้วย โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ผลตอบแทนที่รัฐควรได้จากการให้สัมปทานร้านค้าปลอดอากร และผลตอบแทนที่รัฐควรได้จากการชำระภาษี ในส่วนของผลตอบแทนที่รัฐควรได้ จากการให้สัมปทานร้านค้าปลอดอากรนั้น มีการย้อนไปถึงเมื่อครั้งการลงนามในสัญญาสัมปทานกับ ทอท. ที่มีการหลบเลี่ยง พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ และได้กำหนดให้กลุ่มคิงเพาเวอร์ ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ในสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินภูมิภาค เป็นเวลา 10 ปี 3 เดือน (ก.ย.48-ธ.ค.58) ในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 5,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) โดยต้องแบ่งผลประโยชน์ให้ ทอท. ร้อยละ 15 ของรายได้ในปีที่ 1-5 และเพิ่มเป็นร้อยละ 16-20 ในปีที่ 6-10 โดยมีอัตราเพิ่มปีละร้อยละ 1 ทั้งนี้ ค่าสัมปทานต้องไม่น้อยกว่ามูลค่าขั้นต่ำที่กำหนดในสัญญา
โดยพิจารณาว่า โครงการมีมูลค่าเพียง 813 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก เพราะไม่ได้มีการนำสินค้าคงคลังมาคำนวณด้วย และเมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นทักท้วงไปว่า โครงการน่าจะมีมูลค่าถึง 2,432 -2,644 ล้านบาท ก็มีความพยายามในการตีราคาสินค้าคงคลังให้ต่ำกว่าความเป็นจริง โดยคิดจากฐานยอดขายเพียงเดือนเดียว แทนที่จะคิดจากฐานยอดขาย 3.5 -4 เดือนตามสถิติการจำหน่ายสินค้าแต่ละรอบ ทั้งยังกำหนดสมมติฐานการใช้พื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไว้เพียง 5,000 ตารางเมตร ซึ่งต่ำกว่าความเป็นจริงกว่าเท่าตัว
จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าการกำหนดพื้นที่ที่ระบุในสัญญาไว้ว่าไม่ต่ำกว่า 5,000 ตารางเมตร เป็นการกำหนดเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อเอกชน และผิดจากไปจากการทำสัญญาทั่วไป เนื่องจากไม่ได้กำหนดพื้นที่สูงสุดไว้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังไม่นำพื้นที่ที่เกี่ยวข้องในท่าอากาศยานภูมิภาค อีก 3 แห่ง เข้ามาคำนวณกำหนดมูลค่า ทั้งที่อยู่ในสัญญาเดียวกัน นอกจากนี้ยังเห็นว่า การกำหนดอัตราผลตอบแทนที่ ทอท.ต้องได้รับไว้ตายตัว ไม่สอดคล้องกับการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะหลัง
“ผลของการตีราคาสินค้าคงคลังต่ำกว่าความเป็นจริง ย่อมเป็นผลทำให้โครงการมีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้การเสียภาษีนิติบุคคลต่ำกว่าความเป็นจริงอีกด้วย จากการกระทำดังกล่าว คิงเพาเวอร์ ได้ประโยชน์ 2 ทาง คือ มูลค่าโครงการและภาษีสรรพากร ต่อจากนั้นมีการต่อสัญญาอีก 2 ครั้ง เป็นสิ้นสุดปี 2560 และ 2562 ตามลำดับ การดำเนินการดังกล่าวทำให้รัฐเสียหายมหาศาล”เอกสาร ระบุ
ในส่วนของผลตอบแทนที่รัฐควรได้จากการชำระภาษีนั้น ได้ระบุถึงความบกพร่องของสำนักงานบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ กรมสรรพากร ที่ขาดการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก และให้ความสำคัญกรณีการถ่ายโอนกำไรของบริษัทในเครือ จากบริษัทที่ต้องเสียภาษีจำนวนมาก ไปสู่บริษัทที่มีภาระด้านภาษีน้อยกว่า หรือมีผลประกอบการขาดทุน เนื่องจากความคุ้นเคย เอื้อประโยชน์กันระหว่างเจ้าหน้าที่และธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ต้องเสียภาษี มีเพียงการตรวจตามระเบียบทั่วไปเท่านั้น ในขณะที่ธุรกิจทั่วไป มีการสุ่มตรวจข้อมูลเชิงลึกเป็นประจำ ทั้งยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ สามารถเลี่ยงภาษีได้ด้วยระบไอที และด้วยการตีมูลค่าของสินค้าคงคลังที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ทั้งนี้ สำนักงานบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ กรมสรรพากร ดูแลกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ประมาณ 4,000 แห่ง ครอบคลุมภาษีรายได้ของประเทศกว่าร้อยละ 50 หากละเลยการเก็บภาษีในลักษณะนี้ ก็จะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ปีละหลายเสนล้านบาท .