ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ได้นัดฟังคำพิพากษา ในคดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.3475/2558 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือ ทอม ดันดี อายุ 57 ปี อดีตนักร้องเพลงเพื่อชีวิตชื่อดังวงกะท้อน และ ซูซู เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ กระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) (3) และ (5)
พิพากษาให้จำคุก"ทอม ดันดี" เป็นเวลา 15 ปี แต่ คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ มีเหตุให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน
ทอม ดันดี เดิมมีชื่อจริงว่า พันทิวา ภูมิประเทศ ต่อมาเปลี่นยนมาใช้ชื่อว่า ธานัท ธนวัชรนนท์ เป็นชาว อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี จบการศึกษาจากประเทศฝรั่งเศส มีชื่อเสียงขึ้นมาจากการเป็นนักร้องวง ซูซู เมื่อประมาณปี 2536 ที่มีผลงานเพลงที่รู้จักอยู่หลายเพลง เช่น บ่อสร้างกางจ้อง , มยุรา, สาวมอญแม่เหมย
ในช่วงที่ยังมีชื่เเสียง นอกจากเป็นนักร้องแล้ว เขายังเป็นนักแสดง "หนังแผ่น" อีกหลายเรื่อง ในจำนวนนี้ก็มีเรื่อง "เณรแอ จอมขมังเวทย์" ที่เขารับบทเป็น เณรแอ
หลังจากนั้นยังเคยเคยพยายามทำธุรกิจถุงยางอนามัย โดยใช้ชื่อ ถุงยางอนามัยทอม ดันดี รุ่น ลีลาวดี แต่ไม่ผ่านการอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เนื่องจาก ตั้งชื่อยั่วยุให้ผู้บริโภคสินค้า เกินความจำเป็น
ในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง ทอม ดันดี ได้เข้าร่วมกับกลุ่มเสื้อแดงนปช. รับใช้ "ระบอบทักษิณ" ในขบวนศิลปิน ดารา มี วิสา คัญทัพ ไพจิตร อักษรณรงค์ จิ้น กรรมาชน อรรถชัย อนันตเมฆ ร่วมแนว
บทบาทบนเวทีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง เขาไม่เพียงเป็นศิลปิน นักร้องเท่านั้น แต่ยังมีการปราศรัยที่ดุเดือด และหมิ่นเหม่ ไปในทางหมิ่นสถาบันเบื้องสูง อยู่เนืองเนือง
จนกระทั่ง วันที่ 13 พ.ย.56 ซึ่งช่วงนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ร่วมกับมวลชนกลุ่ม กปปส. ชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ที่ถนนราชดำเนิน ขณะที่กลุ่มเสื้อแดง ก็นัดชุมนุมใหญ่ ที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก และ ทอม ดันดี ก็ขึ้นเวทีปราศรัย ตามสไตล์ที่เคยทำอยู่เป็นประจำ
เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในขณะนั้น นำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 และได้มีคำสั่ง คสช.ที่ 53/2557 เรียกให้บุคคลที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางที่เป็นภัยต่อความมั่นคงเข้ารายงานตัว เพื่อปรับทัศนคติ ซึ่งก็มีชื่อ ทอม ดันดี รวมอยู่ด้วย
แต่เขาก็ไม่เข้ารายงานตัว จึงถูก คสช.ส่งเจ้าหน้าที่ตามล่า และรวบตัวได้เมื่อวันที่ 9 ก.ค.57 ขณะขับรถ ที่ จุดตรวจบ้านวังจันทร์ จ.เพชรบุรี ถูกแจ้งข้อหา และในเบื้องต้นถูกนำตัวไปขึ้นศาลทหาร ไม่ให้ประกันตัว แต่ต่อมาได้โอนย้ายคดีไปที่ ศาลอาญา เนื่องจากมีความผิดอาญา ตาม มาตรา 112
โดยคดีของ ทอม ดันดี มีอัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 19 ต.ค.58 ระบุพฤติการณ์ความผิดว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย.56 เวลากลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกที่ยังหลบหนีได้ขึ้นเวทีปราศรัยให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำนวนมากฟัง โดยใช้ถ้อยคำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
นอกจากนี้ เมื่อระหว่างวันที่ 13 พ.ย. 56-26 เม.ย. 57 จำเลยกับพวก ยังได้นำคลิปภาพ และเสียงการปราศรัยของจำเลยกับพวก ไปเผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดีย "ยูทิวบ์" สู่สาธารณะ ทำให้ประชาชนทั่วไปทั้งใน และนอกราชอาณาจักรที่ได้รับชมเข้าใจผิด หลงเชื่อคำปราศรัยของจำเลย สร้างความเสียหายต่อสถาบันเบื้องสูง ต่อมาวันที่ 9 ก.ค. 57 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท. ติดตามจับกุมจำเลย แจ้งข้อหาดำเนินคดีในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ กระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) (3) และ (5) โดยจำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ทั้งในชั้นสอบสวน และชั้นศาล
ระหว่างการสู้คดี ทอม ดันดี ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว จึงถูกคุมขังที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมาโดยตลอด
กระทั่งเมื่อ วันที่ 30 พ.ค. 59 ซึ่ง ศาลได้นัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่าย ก่อนที่จะมีคำพิพากษา ทอม ดันดี ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อมาขึ้นศาล ซึ่งในครั้งนี้ เขาขอเปลี่ยนคำให้การเดิม จากปฏิเสธ เป็นให้การรับสารภาพ และขอให้ศาลลงโทษด้วยความเมตตา โดยจะร่วมกิจกรรมร้องเพลงปรองดอง และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ
ถัดมาอีก 2 วันคือ วันที่ 1 มิ.ย. 59 ศาลอาญาได้นัดอ่านคำพิพากษา ทอม ดันดี ซึ่งอยู่ในชุดนักโทษ ผมเริ่มออกสีดอกเลา ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยมีภรรยา เพื่อนๆในวงการเพลง รวมถึง นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก และผู้ใกล้ชิด เดินทางมาให้กำลังใจ
คำพิพากษา ระบุว่า ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยได้ปราศรัยในลักษณ์หมิ่นเบื้องสูง โดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรง เป็นการกระทำผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) (3) และ (5) เป็นการกระทำผิดรวม 3 กระทง ให้ลงโทษกระทงละ 5 ปี รวมจำคุกจำเลย 15 ปี แต่คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ มีเหตุให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 7 ปี 6 เดือน
**หลังศาลอ่านคำพิพากษา ทอม ดันดี กล่าวเพียงสั้นๆ ว่ายอมรับคำพิพากษา ไม่ยื่นอุทธรณ์แล้ว มันจบแล้ว