“สมชาย” คาด สนช. ปัดฝุ่นร่าง พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ ให้เสรีภาพเคลื่อนไหวแต่มีขอบเขตรับผิดชอบ “ถาวร” ไม่ขัดข้องหากยึดหลักคุ้มครองผู้ชุมนุม แนะเร่งทำ กม.ปราบทุจริตดีกว่า หวั่นสื่อโดนคุม ขรก. ยิ่งโกง ย้ำหน่วยงานรัฐต้องเร่งช่วย ปชช. ที่เดือดร้อน ชาวบ้านไร้ที่พึ่ง สนช. ได้บินฟรี ต้องลงรับฟังปัญหา
วันนี้ (12 ส.ค.) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) เปิดเผยว่า จะมีการนำร่าง พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ มาปัดฝุ่นพิจารณาในสภาอีกครั้ง เนื่องจากเหตุการณ์การชุมนุมที่ผ่านมา มีเรื่องราววุ่นวายมากมาย เพราะเราไม่มีกฎหมายตัวนี้ โดยยังคงยึดหลักการเดิมคือจะมีทั้งให้สิทธิเสรีภาพในการเคลื่อนไหวเรียกร้อง แต่ต้องมีการจำกัดขอบเขตการชุมนุม เช่น คนชุมนุมจะต้องมีความรับผิดชอบในการควบคุมมวลชน ต้องขออนุญาตการเคลื่อนมวลชน และต้องมีความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องมีการสนับสนุนการชุมนุมด้วย ซึ่งในยุค สนช. ปี 49 เคยมีการผลักดันกฎหมายกำหนดว่าหากจะมีการเคลื่อนขบวนมวลชนจะต้องมีการขออนุญาต แต่มีการคัดค้านว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่ก็มีการเสนอเข้าสภาอีกครั้งในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาได้พิจารณาตามขั้นตอน และส่งกลับมายังสภาผู้แทนราษฎร แต่รัฐบาลกลับดึงไว้ จนมีการยุบสภาเสียก่อน คาดว่าจะมีการนำมาปัดฝุ่นพิจารณาอีกครั้งในสภานิติบัญญัตินี้ ซึ่งต้องรอดูว่าทาง ครม. ชุดใหม่จะเอาตามร่างเดิมหรือเขียนใหม่
ทั้งนี้ ได้มีการแก้ไขปรับเปลี่ยน เช่น การขออนุญาตต้นทาง และบอกเป้าหมายปลายทางขอผ่านจังหวัดไหนบ้าง ไม่ใช่ผู้ชุมนุมถูกจำกัดสิทธิ แต่ก็ต้องเขียนว่าผู้ชุมนุมต้องไม่ใช้สิทธิตามอำเภอใจ หรือใครอยากเผาก็เผา ใครอยากปิดการจราจรก็ปิด แต่ที่รับไม่ได้คือมีการตรวจค้นประชาชน ตนหมายรวมหมดทั้งกลุ่มเสื้อแดง กปปส. และพันธมิตรฯ หรือตำรวจต้องมีหน้าที่อำนวยความสะดวกต่อผู้ชุมนุม หรือกรณีมีผู้เสียชีวิตจะต้องถือเป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ เหมือนกรณียิงที่สะพานผ่านฟ้าฯ มีคนเสียชีวิต แต่คนร้ายหลบหนีลอยนวล
ด้าน นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) กล่าวว่า เคยมีความพยายามเสนอกฎหมายดังกล่าวมานานแล้ว หาก สนช. จะนำมาเสนอในสภานี้ ตนก็ไม่ขัดข้อง แต่ต้องยึดหลักการ คือ อำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัยไม่มีปัญหา และมีความอิสระ และคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ชุมนุม ขณะเดียวกัน หน่วยราชการที่ถูกชุมนุมเรียกร้องก็ต้องยื่นมือเข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะที่ผ่านมา หากเป็นกฎหมายที่เกิดประโยชน์กับประชาชนก็ไม่เป็นไร เพราะอย่าคิดว่าคนที่มาชุมนุมจะสุจริตทุกคน บางคนก็ชุมนุมเป็นอาชีพหรือรับงานมา ต้องเข้มงวดทุกฝ่าย ตนยอมรับว่าการชุมนุมที่ผ่านมา มีผลกระทบ แต่ขณะเดียวกัน ความรับผิดชอบทางการเมืองของผู้ทีถูกเรียกร้องผ่านการชุมนุมก็จะต้องมี
“อยากฝากไปถึง สนช. ให้เร่งรัดแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการทุจริตโดยให้ประชาชนเป็นผู้เสียหายร้องทุกข์องค์กรอิสระ หรือข้าราชการทุจริตได้ ยิ่งช่วงนี้อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ คสช. ไม่มีเสียงจากตัวแทนของประชาชน มีการทุจริตกันมากกว่าเดิม สื่อไม่กล้าโวยวายฟ้องสังคมไม่ได้ ทำให้ข้าราชการได้โอกาส”
นายถาวร ยังกล่าวว่า สนช. จะต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เหมือนกับนักการเมือง เพราะถือว่าเป็นนักการเมืองแล้ว และหากจะไม่มีคณะกรรมาธิการ จะต้องสร้างผู้รับผิดชอบเป็นรายจังหวัด 197 คน รับผิดชอบเป็นรายจังหวัดหรือรายพื้นที่ เช่น จ.สงขลา ขณะนี้เดือดร้อนเรื่องราคายางพารา ไม่มีคณะกรรมาธิการให้ร้องเรียน ไม่รู้จะไปหาใคร ไปหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คงโดนตะเพิดออกมา ประชาชนไม่มีทางออก ไม่มีที่พึ่งก็ต้องกลับมาหาพวกนักการเมืองอย่างพวกตน
“ไหนๆ พวกคุณก็ได้ขึ้นเครื่องบินฟรีแล้ว ก็ควรลงไปรับฟังปัญหาประชาชนในพื้นที่ ใช้ข้าราชการในสภามาเป็นเครื่องไม้เครื่องมือ มันอยู่ที่ตั้งใจจะแก้ปัญหาให้ประชาชนจริงหรือเปล่า หรือหัวหน้า คสช. จะมีคำสั่งใช้งานคนเหล่านี้ก็ได้ เพราะมี ม.44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ใหญ่อยู่แล้ว เมื่อมาทำงานนี้แล้วก็ต้องมีหน้าที่รับใช้ประชาชน เวลานี้ประชาชนไม่รู้จะไปพึ่งใครเดินเข้าไปหา สนช. ที่เป็นข้าราชการยังถูกตะหวาดกระเด็นออกจากห้อง ยกตัวอย่าง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ถ้าเอาชาวสวนยางจาก จ.สงขลา ไปหา จะได้เข้าพบหรือเปล่า เดี๋ยวขอให้พวกเขาทำงานเต็มที่ ผมจะพาชาวบ้านมาแถลงถึงความเดือดร้อนที่สภา และขอพบคนนั้นคนนี้ ดูว่าจะมีท่าทีอย่างไร เราต้องพึ่งเขาเพราะอำนาจอยู่กับเขา ไม่ได้ไปด่า แต่เอาคนมาพบเท่านั้น บางคนไม่มีจิตใจรับใช้ประชาชน พวกคุณไม่ได้มีหน้าที่แค่ออกกฎหมาย เมื่อบอกว่าให้ทำหน้าที่แทน ส.ส. และ ส.ว. เมื่อพวกคุณมีบทบาทเยอะก็ควรทำงานให้มันคุ้มค่าด้วย” นายถาวรกล่าว