รายงานอาชญากรรม
เรียกเสียงฮือฮาได้ดีทีเดียวเมื่อ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. เปิดเผยผลการจับกุมตัวแก๊ง “มือบึ้ม” ช่วงการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย
“อัคคี” อภิชาติ พวงเพ็ชร อายุ 42 ปี และ “จง” วรพนธ์ ผลไม้วงษ์ดี...
โดยคดีของ “วรพนธ์” ถูกจับกุมพร้อมลูกระเบิดชนิดขว้างเอ็ม 19 เอ 2 จำนวน 1 ลูก และระเบิดชนิดขว้างอาร์จีดี 5 ลูก หลังเจ้าหน้าที่สืบทราบและติดตามจับกุมได้ที่ท้องนาอำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี โดยประเด็นนี้มีความเชื่อมโยงและเป็นเครือข่ายเดียวกับ “อภิชาติ” ผ่านทางการขนอาวุธ ส่วนคดีของ “อภิชาติ” ที่ถูกชุดสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเข้าทำการจับกุมตัว โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาระเบิดชนิดอาร์จีดี 5 จำนวน 20 ลูกมาแจกจ่ายให้เพื่อนช่วงที่มีการชุมนุมนกหวีดที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังพบอีกว่า “อภิชาติ” นั้นมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุลอบปาระเบิดใส่ขบวน กปปส.ที่เดินรณรงค์อยู่บนถนนบรรทัดทอง ขณะรอ “ลุงกำนัน” สุเทพเทือกสุบรรณ เดินตามมาสมทบนั่นเอง...
คดีบึ้มบรรทัดทอง ถือเป็นหนึ่งในคดี “ซ่อนเงื่อน” และมีหลายจุดที่ทำให้เกิดคำถามยิ่งเมื่อคดีมีการเปลี่ยนมือจากสีกากียุค “บิ๊กอู๋” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ผู้อ่อนน้อม “ครับนาย” ต่อระบอบยิ่งลักษณ์ มาสู่ช่วงเวลาของ “ลายพราง” จนหลายอย่างขาดความน่าเชื่อถือไปทันที!?!
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปดูเหตุการณ์สลดใจครั้งนั้น เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 17 มกราคมระหว่างที่กลุ่ม กปปส.กำลังเดินรณรงค์ต่อต้านรัฐบาล “ชินวัตร” ผ่านมายังถนนบรรทัดทอง ได้เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดอาร์จีดี 5 เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ “ประคอง ชูจันทร์” อายุ 46 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่หน้าอก ตัดเส้นเลือดใหญ่ ส่วนผู้บาดเจ็บมีมากถึง 40 คน
หลังเกิดเหตุด้วยความบังเอิญ กลุ่มการ์ด กปปส.และเจ้าหน้าที่ทหารพบคลังอาวุธบีบีกันคล้าย “จัดฉาก” บริเวณตึกร้างใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ พร้อมบัตรประจำตัวระบุชื่อ “วีรศักดิ์ อบถม” เจ้าหน้าที่เทศกิจกรุงเทพมหานคร ที่ถูกจับเชื่อมโยงกับ “บิ๊ก กทม.” ก่อนที่เจ้าตัวจะปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับใครทั้งสิ้น
...ในประเด็นนี้หากวิเคราะห์อย่างละเอียดจะเห็นว่า มีหลายจุดที่หละหลวม โดยเฉพาะหากวิเคราะห์ไปยังตัวหลักฐานที่พบในตึกร้างที่ง่ายและดูเบาเกินไป เพราะคงไม่มีคนร้ายโง่ที่ไหนทิ้งหลักฐานให้สาวถึงตัวไว้ในจุดเกิดเหตุแน่นอน เพราะก่อนลงมือก่อเหตุแต่ละครั้งจะต้องมีการ “วางแผน” หรือทางหนีทีไล่ไว้ระดับหนึ่งแล้ว อย่างเช่น กรณีคดีระเบิด กปปส.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่มีการเตรียมการหลบหนี หรือทิ้งเสื้อผ้าจนไปถึงมีทีมมารับพาไปกบดาน
มีเสียงลือหึ่งว่าอยู่ใต้ปีกผู้มีอำนาจละแวก “คลองเตย” ดูแล...
อย่างไรก็ตาม ช่วงนั้นทาง พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย กระบอกเสียงหน้าแดงขององค์กรตำรวจแถลงข่าวตั้งข้อสังเกตพุ่งเป้าว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการเปลี่ยนเส้นทางกระทันหันจนเป็นที่มาของเหตุสลดใจครั้งนั้น
ส่วนแนวทางการสืบสวนทางรัฐบาล “ชินวัตร” นำโดย “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และบุรุษสีกากีปักใจเชื่อว่าผู้ลงมือก่อเหตุเป็นชาย 2 คน โดยคนหนึ่งสวมหมวกสีขาวที่เดินร่วมอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ก่อนหย่อนระเบิดลงพื้นและเข้าไปหลบอยู่หลังตู้เหล็กสายโทรศัพท์บริเวณนั้นพร้อมตัดประเด็นโยนระเบิดมาจากตึกร้างทันที...หรือมองนัยหนึ่งว่าผู้ชุมนุมหรือแกนนำอาจสร้างสถานการณ์ขึ้นมานั่นเอง!
ขณะที่ในปัจจุบันทาง “บิ๊กอ๊อด” แถลงข่าวจับกุม 2 มือบึ้มครั้งล่าสุดนี้พร้อมเชื่อมโยงไปยังเหตุระเบิดหลายจุดช่วงการชุมนุมของ กปปส.ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นการก่อเหตุของกลุ่มคนเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง
ทั้งนี้มีรายงานว่า หนึ่งในผู้ต้องหาที่บุรุษสีกากีจับมาแถลงข่าวครั้งนี้ คือ “อภิชาติ พวงเพ็ชร” เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลจักรวรรดิจับกุมเมื่อวันพุธที่ 12 มีนาคม หลังเจ้าตัวพร้อมพวกอดีตหัวรุนแรงกลุ่มเสื้อแดงก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ บริเวณอาคารสำเพ็งสแควร์ ถนนราชวงศ์ ซึ่งช่วงเวลานั้นรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินรับมือการชุมนุมของกลุ่มนกหวีด
...แต่ไฉนสุดท้ายคนชื่อ “อภิชาติ” ยังกลับมามีอิสระ และถูกจับกุมซ้ำซากอีกครั้ง!
เรื่องนี้คงต้องย้อนไปถามการทำหน้าที่ของบุรุษสีกากียุค “บิ๊กอู๋” ว่ามัวทำอะไรอยู่?...หรืออีกมุมหนึ่งต้องถามว่ามีใครพยายาม “เซตภาพ” เพื่อดันตูดตัวเองขึ้นตำแหน่งใหญ่ในอนาคตหรือไม่?
อย่างไรก็ตาม หากตรวจสอบในเชิงลึกจะพบว่า “อภิชาติ” เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนช่างฝีมือทหาร โดยเจ้าตัวถือเป็นการ์ดกลุ่มเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ และอยู่ในเหตุการณ์ “ชายชุดดำ” ปรากฏตัวครั้งแรกที่แยกคอกวัว เมื่อวันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2553 และอยู่ในเหตุปะทะที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2556 ด้วย
มีความเชื่อมโยงกับคดีระเบิด กปปส.ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่ถือเป็นกลุ่มเครือข่ายเดียวกันกับกลุ่มขนอาวุธในพื้นที่ สน.บางนา ที่มีลักลอบลำเลียงเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสถานการณ์ในการชุมนุมของเหล่านกหวีด...
สุดท้ายหวังว่าคดีนี้จะถูกคลี่คลายด้วย “ข้อเท็จจริง” ไม่ใช่แค่ “เซตฉาก” อย่างที่แล้วมา!?!