รายงานอาชญากรรม
เป็นที่รู้กันดีว่า “อารีย์” อดีตหัวหน้าการ์ดเสื้อแดง เมื่อการชุมนุมปี 2553 ถือเป็นหนึ่งในแกนนำสายฮาร์ดคอร์ เพราะไม่เช่นนั้นคงเอาบรรดาหัวโจกไม่อยู่แน่นอน ฉะนั้น จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกหลายคนนำไปเชื่อมโยงกับคดีรุนแรงต่างๆ นั้นเอง...แต่เมื่อเจ้าตัวออกอาการกระสับกระส่าย ก็ยิ่งส่งกลิ่นส่อพิรุธขึ้นมาเองซะงั้น
แสงสลัวยามเย็น เคล้าคลอด้วยตัวโน้ตสูงต่ำจากบทเพลงอันไพเราะ สลับกับเสียงเป่านกหวีดเป็นระยะ...ภาพเหล่านี้ไม่มีใครคาดคิดว่า สุดท้ายตอนจบจะถูกขีดเขียนด้วย “โศกนาฏกรรม” ที่เป็นรอยด่างบนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อเด็กน้อยบริสุทธิ์ต้องมาจบชีวิตอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่!?!
เหตุการณ์คราวนั้น เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังกลุ่ม “มนุษย์” ในชุดสูท “ซาตาน” ใช้เครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มเข้าใส่พื้นที่การชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เวทีราชประสงค์
...แต่ลูกระเบิดกลับดันไปตกยังบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ราชดำริ ส่งผลให้เด็กหญิงพัชรากร ยศอุบล หรือ น้องเค้ก อายุ 6 ปี และเด็กชายกวิชญ์ ยศอุบล หรือ น้องเคน อายุ 4 ปี รวมถึง นางฐิพาพรรณ สุวรรณมณี อายุ 59 ปี เสียชีวิตอย่างเศร้าสลด...
จากวันนั้นจนถึงนาทีนี้ ก็ล่วงเลยมานานกว่า 5 เดือนแล้ว โดยล่าสุดทาง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พร้อมทีมสืบสวน ได้แถลงข่าวจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้ 4 ราย คือ ทวีชัย หรือ วี วิชาคำ อายุ 39 ปี, สุนทร หรือ ทร ผิผ่วนนอก อายุ 49 ปี, สมศรี หรือ เยอะ มาฤทธิ์ อายุ 40 ปี, ชัชวาลย์ หรือ ชัช ปราบบำรุง อายุ 45 ปี นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหาอีก 3 ราย ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ได้แก่ สุขสันต์ ล้อมวงศ์, กรรณิการ์ วงศ์ตัว และ วิเชียร สุขภิรมณ์
เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ใช้รถกระบะ 3 คันในวันก่อเหตุ โดยทาง “ทวีชัย” เป็นผู้ลงมือยิงเอ็ม 79 มาจากสะพานข้ามแยกประตูน้ำ เข้าไปที่หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ จริง โดยเป็นการก่อเหตุครั้งแรกไม่เคยฝึกอาวุธมาก่อน พร้อมได้รับค่าจ้างจำนวน 4,000 บาทต่อครั้ง
ขณะเดียวกัน คดีนี้ยังมีความเชื่อมโยงกับกรณีจับกุม “ณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม” หรือ ตุ้ย ผู้ต้องหายิงเอ็ม 79 ใส่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ, อาคารชินวัตร 3 และแยกเสาวณีย์ ถนนสวรรคโลก โดยมี 2 ผู้ต้องหาข้างต้น คือ “ชัชวาลย์” และ “ทวีชัย” รวมถึง “ยงยุทธ บุญดี” ให้ความช่วยเหลือเบื้องหลัง
นอกจากนี้ “ชัชวาลย์” หนึ่งในผู้ต้องหาคดีที่บิ๊กซี ราชดำริ ยังเปิดเผยกับสื่อมวลชนระหว่างทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยให้การซัดทอดไปยังชายที่ชื่อว่า “ต้อม ไทยวอยซ์” ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่า
เป็นลูกน้องคนสนิทของ “อารีย์ ไกรนรา” อดีตหัวหน้าการ์ดกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ชื่อ “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โดยได้รับค่าจ้างเป็นอาวุธปืน 2 กระบอก
...ไม่รู้ว่า คำบางคำไปจี้โดนจุดหรือยังไง ทาง “อารีย์” ก็ออกมาดิ้นพล่าน พร้อมฟาดงวงฟาดงาเป็นการใหญ่ ขู่ฟ้อง “ชัชวาลย์” รวมถึงสื่อมวลชนแบบไม่เลือกหน้า ที่นำชื่อของตนเองไปผูกรวมเข้ากับกลิ่นคาวเลือดครั้งนั้น...ท่ามกลางเสียงนินทาว่า งานนี้มี “ใครบางคน” ร้อนตัวขึ้นมาเองหรือเปล่า?
ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันดีว่า “อารีย์” อดีตหัวหน้าการ์ดเสื้อแดง เมื่อการชุมนุมปี 2553 ถือเป็นหนึ่งในแกนนำสายฮาร์ดคอร์ เพราะไม่เช่นนั้นคงเอาบรรดาหัวโจกไม่อยู่แน่นอน ฉะนั้น จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกหลายคนนำไปเชื่อมโยงกับคดีรุนแรงต่างๆ นั้นเอง...แต่เมื่อเจ้าตัวออกอาการกระสับกระส่าย ก็ยิ่งส่งกลิ่นส่อพิรุธขึ้นมาเองซะงั้น
โดยเรื่องนี้ทาง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ได้มีการสอบสวนในเรื่องดังกล่าว และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าสิ่งที่ “ชัชวาลย์” ซัดทอดนั้น เป็นความจริงหรือไม่ ฉะนั้น ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ ทางนายตำรวจระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการจัดฉากแน่นอน ส่วนจะเชื่อมโยงไปยัง “ผู้บงการ” เบื้องหลังได้แค่ไหนนั้น แว่วว่าก็ขึ้นอยู่ที่บุรุษลายพรางจะยอม “แบมือ” ให้พูดหรือไม่นั้นเอง...
แต่ที่แน่ๆ การก่อเหตุยิงเอ็ม79 เที่ยวนี้ ไม่ใช่แค่วันสองวัน จะหยิบอาวุธขึ้นมายิงกันได้แบบนี้ โดยเบื้องต้นต้องมีการฝึกฝน และลักลอบขนอาวุธเข้ามา ซึ่งต้องเป็นระดับขบวนการที่มีเป้าหมายชัดเจน โดยก่อนหน้านี้บุคคลที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่าอยู่เบื้องหลังอาวุธสงครามที่ผ่านมา คือ “เจ๊เพ็ญ” จักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาคดี 112 ที่หลบหนีอยู่ในต่างแดน ที่มีการสั่งการลำเลียงอาวุธเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อนำประเด็นนี้ไปรวมกับการจับกุม “ขอนแก่นโมเดล” หรือเหตุระเบิดที่มีนบุรี ยิ่งทำให้เห็นภาพกว้างของกลุ่มขบวนการแดงหัวรุนแรงเหล่านี้ ที่มีนักการเมืองบงการอยู่เบื้องหลัง ส่วนคดีระเบิดที่บิ๊กซี ราชดำริ มีรายงานว่า อาจมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดตามจุดต่างๆ ช่วงการชุมนุมของของเหล่า “นกหวีด” ที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่บ้านของแกนนำหลัก กปปส. ที่โดนเวียนเทียนยิงลองของอยู่ 3 - 4 ครั้ง ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ “กวีเสื้อแดง” ขณะที่ผู้ต้องหา 1 ใน 4 ที่ถูกจับกุมอย่าง “สมศรี” การ์ดวิทยุแดงสายฮาร์ดคอร์ ยังมีเชื่อมโยงไปยัง “ตัวเอ้” พื้นที่ภาคอีสานอีกด้วย...
สุดท้ายคดีนี้คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า บทสรุปสุดท้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจยุคลายพราง จะสามารถต่อ “จิ๊กซอว์” ไปยังบุคคลเบื้องหลังได้หรือไม่...หรือจะปล่อยให้ “ใครบางคน” ออกอาการร้อนตัวไปเองอยู่คนเดียว?!?!