ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ระบุว่า จะจับธัมมชโยในชาตินี้ แต่ยังไม่จับวันนี้ เนื่องจากกลัวเกิดเหตุร้าย ซ้ำรอยเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเดือนพฤษภาคมปี 2553นั้น ไม่ใช่เรื่องที่นำมาล้อกันเล่นเสียแล้ว เพราะวัดธรรมกายทำท่าจะสู้จริง
ถ้ายังจำเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเดือนพฤษภาคม 2553ไม่ได้ คงต้องฟื้นความทรงจำกันเล็กน้อย เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้น สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล โดยกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังการก่อจลาจลกลางเมืองคือ แกนนำแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)หรือแกนนำคนเสื้อแดง
แกนนำคนเสื้อแดงปลุกระดมมวลชนขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยยืดพื้นที่ตั้งแต่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ไปจนถึงสวนลุมพินี มีการซ่องสุมอาวุธ ตั้งป้อมค่ายล้อมลวดหนามเหมือนสนามรบ มีกองกำลังชายชุดดำพร้อมอาวุธสงครามไว้ป้องกันพื้นที่
เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปสลายการชุมนุม จึงถูกตอบโต้ด้วยอาวุธสงคราม จนบาดเจ็บล้มตาย ทั้งฝ่ายทหาร คนเสื้อแดงหรือแม้แต่สื่อมวลชนที่ทำข่าวในพื้นที่ ก่อนที่จะเกิดการเผาบ้านเผาเมือง ตามคำสั่งของแกนนำคนเสื้อแดง
มวลชนคนเสื้อแดงที่เผาบ้านเผาเมืองตามการปลุกระดมของแกนนำนปช. ต้องชดใช้ความผิดถ้วนหน้า ถูกตัดสินติดคุกกันไปแล้ว เหลือแต่บรรดาหัวโจก นปช.ที่เป็นตัวการยุยงเท่านั้น
และหัวโจก นปช.บางคนกำลังเข้าไปก่อหวอดในวัดธรรมกายอีกครั้ง
ข้ออ้างที่ยังไม่บุกจับธัมชโย เพราะไม่อยากให้ประชาชนล้มตายนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้พูดแก้ตัว ไม่ได้พูดขอไปที แต่เป็นเรื่องที่มีเหตุผลความเป็นไปได้
เพราะวัดธรรมกายปักธงรบแล้ว โดยจำลองรูปแบบการต่อสู้ของคนเสื้อแดงที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์เมื่อปี2553มาใช้ มีการปลุกระดมมวลชนมาเป็นโล่มนุษย์ กดดันรัฐบาล มีกองกำลังไว้ตอบโต้ มีการ์ด นปช.เข้าไปปะปน และมีเครือข่ายของพรรคเพื่อไทยเป็นแนวร่วมปกป้องธัมมชโย
วัดธรรมกายที่ญาติโยมศรัทธา ควักสตางค์ทำบุญ หอบเงินไปซื้อสวรรค์ ได้ถูกแปรรูปไปแล้ว กลายเป็นป้อมค่ายที่มีการป้องกันหนาแน่น ทั้งลวดหนาม ทั้งการระดมมวลชนเป็นโล่มนุษย์ มีกองกำลัง และไม่รู้ว่า จะซ่องสุมอาวุธไว้ต่อสู้เหมือนการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ปี 2553หรือไม่
ดังนั้นจะประมาทไม่ได้ ขืนผลีผลามบุกเข้าไป อาจเจอ “ของแข็ง” สวนกลับออกมา
บนพื้นที่เขตวัดธรรมกายหลายพันไร่ บริเวณอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี วันนี้มีสภาพไม่ต่างจากรัฐอิสระ เพราะกฎหมายเอื้อมไปไม่ถึง คนที่อยู่ข้างใน ไม่ยอมรับอำนาจรัฐ แสดงตัวต่อต้าน
และประกาศกลายๆ ว่า พร้อมจะสู้ตาย ถ้าใครฝ่าดงสาวกเข้าไปจับธัมมชโย
การที่ พล.อ.ประยุทธ์กลัววัดธรรมกาย กลัวจะเกิดเรื่องบาดเจ็บล้มตายนั้น เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว เพราะวัดแห่งนี้น่ากลัวจริงๆ โดยเดินหน้าปลุกระดมสาวกและประสานทุกเครือข่ายที่เป็นแนวร่วม เพื่อท้าทายอำนาจรัฐ รวมทั้งเครือข่ายของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งลูกสมุน “ทักษิณ” ถูกส่งเข้ามาช่วย “อุ้ม” ธัมมชโยแล้ว
แต่ธัมมชโยจะดิ้นอย่างไร สาวกธรรมกายจะแข็งขืนขนาดไหน ในชาตินี้คงไม่พ้นเงื้อมือกฎหมาย โดย พล.อ.ประยุทธ์ไม่ปล่อยไว้ทำพันธุ์แน่ เพียงแต่เมื่อไหร่เท่านั้น
เพราะจะยอมให้วัดธรรมกายเป็นรัฐอิสระไม่ได้ จะยอมให้ธัมมชโยอยู่เหนือกฎหมายก็ไม่ได้เหมือนกัน
ถึงเวลา ตำรวจต้องบุกจับผู้ร้าย และไม่ต้องรอถึงชาติหน้า วันใดวันหนึ่งในอีกไม่นาน กรมสอบสวนคดีพิเศษจะต้องคุมตัวธัมมชโยมา “สึก” และดำเนินคดี
ถ้าขี่จานบินหนีไปสวรรค์ไม่ได้ ธัมมชโยจะรอดได้อย่างไร สาวกที่ปลุกระดมกันออกมา ช่วยไม่ได้หรอก เพราะถ้าช่วยได้ ป่านนี้ “ทักษิณ” คงยังอยู่ในประเทศไทย ไม่ต้องหนีระหกระเหินไปประเทศ
เพราะมวลชนและลูกสมุน “ทักษิณ” มีมากมายกว่าธัมมชโยหลายเท่า แต่ไม่สามารถช่วยให้ “ทักษิณ” ยืนอยู่เหนือกฎหมายได้
สาวกธรรมกายมีอิทธิฤทธิ์ขนาดไหน จึงจะช่วยไม่ให้ธัมมชโยต้องรับกรรมในชาตินี้
เชื่อ “แป๊ะ” ก็แล้วกัน ชาตินี้จับธัมมชโยได้แน่ เพียงแต่ขั้นตอนนี้ ลองใช้กฎของสงฆ์ดูบ้าง บิณฑบาตให้พระที่มีอำนาจไปกล่อมให้ยอมมอบตัวเสียก่อน
พึ่งพระไม่ได้ ค่อยคิดกันใหม่ว่า จะทำอย่างไรกันต่อไป เพราะปล่อยธัมมชโยลอยนวลตลอดชาติไม่ได้แน่
ต้องถามบรรดาสาวกธรรมกาย เครือข่ายธัมมชโย และหัวโจก นปช.ว่า จะชนกับกรมสอบสวนจริงหรือเปล่า จะสู้ตายจริงไหม
เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ลุยแน่ ขืนไม่จับธัมมชโย ถูกชาวบ้านโห่ตาย