ฝ่ายความมั่นคงชี้ “ธรรมกาย” เป็นมากกว่าวัด ยุทธวิธีป้องกันการจับกุมตัวพระธัมมชโย ใช้สูตรเดียวกับการชุมนุมทางการเมือง แถมมีคนเสื้อแดงปะปนกับผู้ปฏิบัติธรรม อดีตคนเพื่อไทยยังยอมรับสาวก 6 ล้านคนช่วยหนุนการเลือกตั้ง ขณะที่คนจากพรรคเพื่อไทย-นปช.ออกโรงป้อง ตอกย้ำสายสัมพันธ์เพื่อไทย-ธรรมกาย
ผ่าน 2 ปีของการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้เข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในอดีต พร้อมกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังเดินหน้าไปสู่กระบวนการลงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคมที่จะถึงนี้ การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่เคยคุมเข้มเริ่มมีการผ่อนปรนขึ้น เช่น การเปิดทางให้นักการเมืองที่ไม่มีคดีความสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจาก คสช.
แต่อีกด้านของสถานการณ์กลับมีความตึงเครียดมากขึ้น จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ขออนุมัติศาลออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในคดีความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร หลังมีชื่อเป็นผู้รับเช็คบริจาคของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา
สุดท้ายการนัดหมายเข้ามอบตัวก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อคณะลูกศิษย์แจ้งว่าพระธัมมชโยยังมีอาการป่วยกะทันหัน ขณะที่ฝ่ายรัฐยังคงแสดงเจตนาที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ทั้งในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่พร้อมให้การสนับสนุน ไปจนถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
จนทำให้คนที่วัดพระธรรมกายเกรงว่าจะมีการบุกจับตัวพระธัมมชโย จึงมีการนำเอารถตักดินเข้ามาปิดทางเข้าออกในช่วงกลางคืน และเสริมด้วยรั้วลวดหนามบนกำแพง กลายเป็นภาพที่แปลกตาสำหรับวัดพระธรรมกายไม่น้อย
ระหว่างนั้นได้พบภาพของนายกิตติศักดิ์ ศรีสุนทร คนเสื้อแดงที่เข้าใจว่าเคยเป็นการ์ดในช่วงชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ได้เข้าไปร่วมปะปนกับผู้ปฏิบัติธรรมภายในวัดพระธรรมกาย เมื่อเรื่องแดงขึ้นมาบุคคลดังกล่าวถึงออกจากวัดไปและออกมาแฉผ่านสังคมออนไลน์ว่า มีคนเสื้อแดงอ้างชื่อว่าเล็ก บ้านฉาง เป็นคนถ่ายรูปและนำไปเผยแพร่พร้อมทั้งเตือนให้คนเสื้อแดงระวังการหักหลัง
วิธีป้องกันแบบมืออาชีพ
“สังเกตหรือไม่ว่าสิ่งที่เราเห็นถึงการป้องกันตัวของวัดพระธรรมกาย เพื่อป้องกันการจับกุมตัวพระธัมมชโย ยุทธวิธีในการตั้งรับไม่แตกต่างกับการชุมนุมทางการเมืองในทุกครั้งที่ผ่านมา ถามว่าพระสงฆ์และผู้ปฏิบัติธรรมเขาเตรียมการได้ขนาดนี้เลยหรือ” แหล่งข่าวด้านความมั่นคงตั้งข้อสังเกต
สำคัญกว่านั้นคือมีหลักฐานชัดเจนว่าคนเสื้อแดงที่เคยร่วมชุมนุมในปี 2553 เคยยึดปืนจากทหาร เข้าไปร่วมปะปนกับผู้ปฏิบัติธรรมด้วย นั่นคือที่เห็น ที่ไม่เห็นจะมีอีกหรือไม่ แม้กระทั่งผู้ที่แต่งกายเป็นพระสงฆ์เป็นพระจริงทั้งหมดหรือไม่ ส่วนที่กล่าวว่าต้องการไปปฏิบัติธรรมนั้นทำไมบังเอิญอยากมาปฏิบัติธรรมในช่วงนี้
คงไม่มีใครออกมายอมรับว่ามีการเตรียมการ แต่ถ้าประเมินในด้านยุทธวิธีแล้วถือว่าเป็นเรื่องปกติ หากเงื่อนไขที่กำหนดออกมาคือไม่ต้องการให้มีการจับกุมตัวเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้ในทุกด้าน
ตอนนี้เป็นเรื่องของการชิงเหลี่ยมกันของฝ่ายวัดกับฝ่ายรัฐ พลเอกประยุทธ์ เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบกก็อ่านออกว่าสถานการณ์จะออกมาเป็นอย่างไร จึงไม่ให้มีการดำเนินการที่รุนแรง และหนึ่งในข้อกังวลภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียด พลเอกประยุทธ์ได้ให้ฝ่ายความมั่นคงไปหามาตรการในการควบคุมการเข้าออกหน้าวัดพระธรรมกายว่าจะทำอย่างไร ทั้งเรื่องการตรวจค้นอาวุธต่างๆ ให้ได้ก่อน
“ผมก็กลัวว่าจะมีคนอื่นเข้ามาแทรกแซง เข้าไปข้างในและป้ายความผิดมาที่ผมอีก” คำกล่าวของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ตอนนี้แรงกดดันจากเจ้าหน้าที่รัฐจึงลดลง เพราะถ้าใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไป โอกาสเกิดความวุ่นวายมีความเป็นไปได้สูงจากคนที่ศรัทธาในวัดพระธรรมกาย และถ้ามีการสร้างสถานการณ์ในระหว่างนั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
สายสัมพันธ์เพื่อไทย-ธรรมกาย
หากย้อนกลับไปเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2558 ที่นายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เคยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “ผลพวงของการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557” นอกจากทำลายนโยบายจำนำข้าวและทำลายล้าง ส.ส.-ส.ว.ฝ่ายประชาธิปไตยแล้ว ยังกล่าวถึงวัดพระธรรมกายด้วยว่า
รุกโจมตี วัดพระธรรมกาย อย่างดุเดือดเมามัน ด้วยข้อกล่าวหาที่ฉกาจฉกรรจ์ว่า “เป็นปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรม” ทั้งที่ผู้กระทำนั่นแหละคือ “พวกปาราชิก พวกอุตริมนุสธรรม” เหิมเกริมถึงขั้นนำเอาสากกะเบือ ดอกไม้จันทน์ กางเกงในหญิงที่เปื้อนอาจม รองเท้าแตะไปเป็นสังฆทานให้กับพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นการพุ่งปลายหอกเพื่อทำลายล้างกลุ่มพระสงฆ์ที่ ถือว่าเป็นฐานกำลังสำคัญของฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายคนเสื้อแดง ฝ่าย นปช. ฝ่ายอดีตนายกฯ ทักษิณ อย่างชัดแจ้ง
ต่อมาในวันที่ 1 มีนาคม 2558 นายแพทย์เหวงได้แก้ไขข้อความด้วยการเติมคำสองพยางค์ คือ คำว่า “พวกเขา” อยู่ตามหลัง เพื่อทำลายล้างกลุ่มพระสงฆ์ที่ “พวกเขา” ถือว่าเป็นฐานกำลังของฝ่ายประชาธิปไตย
ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ตกหล่นหรือตั้งใจแก้ไขหลังจากที่ข้อความดังกล่าวกลายเป็นหลักฐานสำคัญถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับวัดพระธรรมกาย แต่คนที่ติดตามข่าวสารทางการเมืองมาโดยตลอดก็จะเห็นถึงความสัมพันธ์ที่ชัดเจน ทั้งการที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงสมาชิกพรรคเพื่อไทยและนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ก็ไปทำบุญที่วัดแห่งนี้
อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานครอย่างนางสาวลีลาวดี วัชโรบล ก็เป็นศิษย์วัดพระธรรมกาย รวมไปถึงนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ก็ร่วมกับคณะศิษย์วัดพระธรรมกาย ถวายกำลังใจให้พระธัมมชโยเมื่อ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ช่วยเลือกตั้งได้
“อย่างการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยก็ใช้เครือข่ายของธรรมกายในการสนับสนุนการเลือกตั้ง” อดีต ส.ส.ที่เคยสังกัดพรรคเพื่อไทยกล่าว
อย่าลืมว่าฐานที่ธรรมกายราว 6 ล้านคนมีทั้งพระและฆราวาสที่มาปฎิบัติธรรม ช่วยแบบปากต่อปากได้เยอะ เมื่อท่าทีของรัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการดำเนินคดีพระธัมมชโย เราจึงได้เห็นการออกมาปกป้องวัดพระธรรมกายของคนในพรรคเพื่อไทยมากขึ้น
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เข้าพบสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เมื่อ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา กล่าวว่าเป็นการมาขอพรเนื่องในวันเกิดเท่านั้น หรือแม้แต่เฟซบุ๊กของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) จากเดิมที่เคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลก็หันมาปกป้องวัดพระธรรมกาย เพราะหากธรรมกายอ่อนแรงไป ย่อมไม่เป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทย
เหนือกฎหมาย
ในทางความมั่นคงแล้ววัดพระธรรมกายนั้นถูกจับตามาโดยตลอด อย่างเหตุการณ์ชุมนุมปี 2553 เคยมีข่าวว่ามีชายชุดดำไปหลบซ่อนในวัด ซึ่งทางวัดก็ปฏิเสธ หรือข่าวเรื่องกองกำลังต่างชาติที่จะเข้ามาเตรียมก่อเหตุในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ก็มีกระแสข่าวว่าไปฟอร์มทีมกันที่ย่านปทุมธานี แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนก็จบ จึงทำได้แค่เฝ้าติดตามเท่านั้น
กรณีที่เกิดขึ้นกับพระธัมมชโยตอนนี้เป็นแค่เรื่องคดีฟอกเงิน การไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ก็ต้องมีการออกหมายจับถือว่าเป็นขั้นตอนตามกฎหมาย เพราะผู้ต้องหารายอื่นก็ได้รับการปฏิบัติแบบนี้เช่นกัน หากรับทราบข้อกล่าวหาแล้วก็สามารถประกันตัวได้ซึ่งทางการก็ยอมให้มีการประกันตัวแล้วและเข้าไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันในชั้นศาลใช้เวลาอีกหลายปี
ส่วนข้อกังวลของลูกศิษย์เรื่องอาการป่วยของพระธัมมชโยนั้นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ไม่สามารถมารับทราบข้อกล่าวหาได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ทำให้เกิดความคล้ายกันของคดีที่ดินรัชดาที่ทักษิณ ชินวัตร ไม่มารับทราบข้อกล่าวหาจนถูกออกหมายจับและหลบหนีไปต่างประเทศ เพียงแต่กรณีพระธัมมชโยเชื่อว่ายังอยู่ที่วัดพระธรรมกาย มีการออกหมายจับแต่ยังไม่สามารถจับกุมได้ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วการเข้าไปจับกุมอาจมีผลเสียมากกว่าผลดี
ที่เหมือนกันในเวลานี้คือทั้งคุณทักษิณและพระธัมมชโยคือการปฏิเสธกฎหมายของประเทศ แม้กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายจะป่วยอยู่ก็ตาม
มากกว่าวัด
จะเห็นได้ว่านับตั้งแต่เกิดเหตุกับพระธัมมชโยจากกรณีของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ทางวัดพระธรรมกายได้มีการเตรียมการอย่างเป็นระบบ วัดนี้มีฝ่ายประชาสัมพันธ์ ไม่แตกต่างอะไรกับบริษัทใหญ่ๆ หรือพรรคการเมือง ที่จะมีฝ่ายประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณชนหรือเพื่อตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม
การปิดทางเข้าออกทั้งรถตักดินหรือนำลวดหนามมาเพื่อป้องกันการบุกจับตัวของเจ้าหน้าที่ หรือมีบุคคลเสื้อแดงบางส่วนเข้าไปปะปนกับผู้ที่เข้ามาปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเพื่อป้องกันเหตุหรือมาปฏิบัติธรรมจริง รวมถึงมีฐานมวลชนของวัดจำนวนมากเข้าตลอด นอกจากนี้วัดแห่งนี้มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินให้วัดเป็นจำนวนมาก มีสหกรณ์ออมทรัพย์ภายในวัด มีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม รวมถึงเคยมีแผนที่จะก่อสร้างคอนโดมิเนียมเสนอขายให้กับผู้มาปฏิบัติธรรม
นับได้ว่าวัดแห่งนี้มีระบบบริหารจัดการที่ไม่แตกต่างจากองค์กรขนาดใหญ่ของภาคเอกชน และการที่ฐานของผู้ศรัทธาในวัดนี้มีจำนวนมาก มีการแสดงความพร้อมที่จะปกป้องพระธัมมชโย ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา
แม้ว่าทางวัดจะออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับทางการเมือง แต่ที่ผ่านมาเราได้เห็นนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยเข้ามาเกี่ยวข้องกับวัดแห่งนี้ตลอดเวลา และช่วงเวลานี้คนของพรรคเพื่อไทยและกลุ่มนปช.ต่างก็ออกมาปกป้องวัดพระธรรมกายกันอย่างพร้อมเพรียง
ยิ่งลักษณ์เดินสายชิล
เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับวัดพระธรรมกายคงไม่มีผลต่อกระบวนการในการลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 สิงหาคมนี้มากนัก เพราะไม่สามารถรณรงค์ได้เหมือนในอดีต อีกทั้งกลไกของรัฐบาลในขณะนี้ยากที่ภาคการเมืองจะเข้าไปทำอะไรได้
“ประชามติผ่านหรือไม่ผ่านตอนนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับพรรคเพื่อไทย เพราะเป้าหมายสำคัญที่สุดคือการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ถ้าผ่านก็จะมีการเลือกตั้งเร็วขึ้น และสามารถกลับเข้ามาคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้ ทั้งเรื่องคดีความของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ หรือคดีความของสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และอาจรวมไปถึงคดีความที่เกิดขึ้นกับวัดพระธรรมกาย” แหล่งข่าวจากฝ่ายการเมืองกล่าว
จะเห็นได้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ ผ่านกิจกรรมที่ทำบนเฟซบุ๊กฉลองสมาชิก 5.3 ล้านคน กับหัวข้อ 5 เหตุผลที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องมาจังหวัดฉัน แม้จะเป็นการไปตามจังหวัดต่างๆ แต่ก็แฝงไปด้วยนัยยะทางการเมือง แตกต่างจากทางพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวหรือมีกิจกรรมใดๆ เหมือนกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งประเมินกันว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าทางพรรคเพื่อไทยคงกลับเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศอีกครั้ง
ผ่าน 2 ปีของการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้เข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในอดีต พร้อมกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังเดินหน้าไปสู่กระบวนการลงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคมที่จะถึงนี้ การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่เคยคุมเข้มเริ่มมีการผ่อนปรนขึ้น เช่น การเปิดทางให้นักการเมืองที่ไม่มีคดีความสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจาก คสช.
แต่อีกด้านของสถานการณ์กลับมีความตึงเครียดมากขึ้น จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ขออนุมัติศาลออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในคดีความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร หลังมีชื่อเป็นผู้รับเช็คบริจาคของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา
สุดท้ายการนัดหมายเข้ามอบตัวก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อคณะลูกศิษย์แจ้งว่าพระธัมมชโยยังมีอาการป่วยกะทันหัน ขณะที่ฝ่ายรัฐยังคงแสดงเจตนาที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ทั้งในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่พร้อมให้การสนับสนุน ไปจนถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
จนทำให้คนที่วัดพระธรรมกายเกรงว่าจะมีการบุกจับตัวพระธัมมชโย จึงมีการนำเอารถตักดินเข้ามาปิดทางเข้าออกในช่วงกลางคืน และเสริมด้วยรั้วลวดหนามบนกำแพง กลายเป็นภาพที่แปลกตาสำหรับวัดพระธรรมกายไม่น้อย
ระหว่างนั้นได้พบภาพของนายกิตติศักดิ์ ศรีสุนทร คนเสื้อแดงที่เข้าใจว่าเคยเป็นการ์ดในช่วงชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ได้เข้าไปร่วมปะปนกับผู้ปฏิบัติธรรมภายในวัดพระธรรมกาย เมื่อเรื่องแดงขึ้นมาบุคคลดังกล่าวถึงออกจากวัดไปและออกมาแฉผ่านสังคมออนไลน์ว่า มีคนเสื้อแดงอ้างชื่อว่าเล็ก บ้านฉาง เป็นคนถ่ายรูปและนำไปเผยแพร่พร้อมทั้งเตือนให้คนเสื้อแดงระวังการหักหลัง
วิธีป้องกันแบบมืออาชีพ
“สังเกตหรือไม่ว่าสิ่งที่เราเห็นถึงการป้องกันตัวของวัดพระธรรมกาย เพื่อป้องกันการจับกุมตัวพระธัมมชโย ยุทธวิธีในการตั้งรับไม่แตกต่างกับการชุมนุมทางการเมืองในทุกครั้งที่ผ่านมา ถามว่าพระสงฆ์และผู้ปฏิบัติธรรมเขาเตรียมการได้ขนาดนี้เลยหรือ” แหล่งข่าวด้านความมั่นคงตั้งข้อสังเกต
สำคัญกว่านั้นคือมีหลักฐานชัดเจนว่าคนเสื้อแดงที่เคยร่วมชุมนุมในปี 2553 เคยยึดปืนจากทหาร เข้าไปร่วมปะปนกับผู้ปฏิบัติธรรมด้วย นั่นคือที่เห็น ที่ไม่เห็นจะมีอีกหรือไม่ แม้กระทั่งผู้ที่แต่งกายเป็นพระสงฆ์เป็นพระจริงทั้งหมดหรือไม่ ส่วนที่กล่าวว่าต้องการไปปฏิบัติธรรมนั้นทำไมบังเอิญอยากมาปฏิบัติธรรมในช่วงนี้
คงไม่มีใครออกมายอมรับว่ามีการเตรียมการ แต่ถ้าประเมินในด้านยุทธวิธีแล้วถือว่าเป็นเรื่องปกติ หากเงื่อนไขที่กำหนดออกมาคือไม่ต้องการให้มีการจับกุมตัวเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้ในทุกด้าน
ตอนนี้เป็นเรื่องของการชิงเหลี่ยมกันของฝ่ายวัดกับฝ่ายรัฐ พลเอกประยุทธ์ เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบกก็อ่านออกว่าสถานการณ์จะออกมาเป็นอย่างไร จึงไม่ให้มีการดำเนินการที่รุนแรง และหนึ่งในข้อกังวลภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียด พลเอกประยุทธ์ได้ให้ฝ่ายความมั่นคงไปหามาตรการในการควบคุมการเข้าออกหน้าวัดพระธรรมกายว่าจะทำอย่างไร ทั้งเรื่องการตรวจค้นอาวุธต่างๆ ให้ได้ก่อน
“ผมก็กลัวว่าจะมีคนอื่นเข้ามาแทรกแซง เข้าไปข้างในและป้ายความผิดมาที่ผมอีก” คำกล่าวของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ตอนนี้แรงกดดันจากเจ้าหน้าที่รัฐจึงลดลง เพราะถ้าใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไป โอกาสเกิดความวุ่นวายมีความเป็นไปได้สูงจากคนที่ศรัทธาในวัดพระธรรมกาย และถ้ามีการสร้างสถานการณ์ในระหว่างนั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
สายสัมพันธ์เพื่อไทย-ธรรมกาย
หากย้อนกลับไปเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2558 ที่นายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เคยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “ผลพวงของการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557” นอกจากทำลายนโยบายจำนำข้าวและทำลายล้าง ส.ส.-ส.ว.ฝ่ายประชาธิปไตยแล้ว ยังกล่าวถึงวัดพระธรรมกายด้วยว่า
รุกโจมตี วัดพระธรรมกาย อย่างดุเดือดเมามัน ด้วยข้อกล่าวหาที่ฉกาจฉกรรจ์ว่า “เป็นปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรม” ทั้งที่ผู้กระทำนั่นแหละคือ “พวกปาราชิก พวกอุตริมนุสธรรม” เหิมเกริมถึงขั้นนำเอาสากกะเบือ ดอกไม้จันทน์ กางเกงในหญิงที่เปื้อนอาจม รองเท้าแตะไปเป็นสังฆทานให้กับพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นการพุ่งปลายหอกเพื่อทำลายล้างกลุ่มพระสงฆ์ที่ ถือว่าเป็นฐานกำลังสำคัญของฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายคนเสื้อแดง ฝ่าย นปช. ฝ่ายอดีตนายกฯ ทักษิณ อย่างชัดแจ้ง
ต่อมาในวันที่ 1 มีนาคม 2558 นายแพทย์เหวงได้แก้ไขข้อความด้วยการเติมคำสองพยางค์ คือ คำว่า “พวกเขา” อยู่ตามหลัง เพื่อทำลายล้างกลุ่มพระสงฆ์ที่ “พวกเขา” ถือว่าเป็นฐานกำลังของฝ่ายประชาธิปไตย
ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ตกหล่นหรือตั้งใจแก้ไขหลังจากที่ข้อความดังกล่าวกลายเป็นหลักฐานสำคัญถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับวัดพระธรรมกาย แต่คนที่ติดตามข่าวสารทางการเมืองมาโดยตลอดก็จะเห็นถึงความสัมพันธ์ที่ชัดเจน ทั้งการที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงสมาชิกพรรคเพื่อไทยและนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ก็ไปทำบุญที่วัดแห่งนี้
อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานครอย่างนางสาวลีลาวดี วัชโรบล ก็เป็นศิษย์วัดพระธรรมกาย รวมไปถึงนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ก็ร่วมกับคณะศิษย์วัดพระธรรมกาย ถวายกำลังใจให้พระธัมมชโยเมื่อ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ช่วยเลือกตั้งได้
“อย่างการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยก็ใช้เครือข่ายของธรรมกายในการสนับสนุนการเลือกตั้ง” อดีต ส.ส.ที่เคยสังกัดพรรคเพื่อไทยกล่าว
อย่าลืมว่าฐานที่ธรรมกายราว 6 ล้านคนมีทั้งพระและฆราวาสที่มาปฎิบัติธรรม ช่วยแบบปากต่อปากได้เยอะ เมื่อท่าทีของรัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการดำเนินคดีพระธัมมชโย เราจึงได้เห็นการออกมาปกป้องวัดพระธรรมกายของคนในพรรคเพื่อไทยมากขึ้น
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เข้าพบสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เมื่อ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา กล่าวว่าเป็นการมาขอพรเนื่องในวันเกิดเท่านั้น หรือแม้แต่เฟซบุ๊กของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) จากเดิมที่เคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลก็หันมาปกป้องวัดพระธรรมกาย เพราะหากธรรมกายอ่อนแรงไป ย่อมไม่เป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทย
เหนือกฎหมาย
ในทางความมั่นคงแล้ววัดพระธรรมกายนั้นถูกจับตามาโดยตลอด อย่างเหตุการณ์ชุมนุมปี 2553 เคยมีข่าวว่ามีชายชุดดำไปหลบซ่อนในวัด ซึ่งทางวัดก็ปฏิเสธ หรือข่าวเรื่องกองกำลังต่างชาติที่จะเข้ามาเตรียมก่อเหตุในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ก็มีกระแสข่าวว่าไปฟอร์มทีมกันที่ย่านปทุมธานี แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนก็จบ จึงทำได้แค่เฝ้าติดตามเท่านั้น
กรณีที่เกิดขึ้นกับพระธัมมชโยตอนนี้เป็นแค่เรื่องคดีฟอกเงิน การไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ก็ต้องมีการออกหมายจับถือว่าเป็นขั้นตอนตามกฎหมาย เพราะผู้ต้องหารายอื่นก็ได้รับการปฏิบัติแบบนี้เช่นกัน หากรับทราบข้อกล่าวหาแล้วก็สามารถประกันตัวได้ซึ่งทางการก็ยอมให้มีการประกันตัวแล้วและเข้าไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันในชั้นศาลใช้เวลาอีกหลายปี
ส่วนข้อกังวลของลูกศิษย์เรื่องอาการป่วยของพระธัมมชโยนั้นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ไม่สามารถมารับทราบข้อกล่าวหาได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ทำให้เกิดความคล้ายกันของคดีที่ดินรัชดาที่ทักษิณ ชินวัตร ไม่มารับทราบข้อกล่าวหาจนถูกออกหมายจับและหลบหนีไปต่างประเทศ เพียงแต่กรณีพระธัมมชโยเชื่อว่ายังอยู่ที่วัดพระธรรมกาย มีการออกหมายจับแต่ยังไม่สามารถจับกุมได้ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วการเข้าไปจับกุมอาจมีผลเสียมากกว่าผลดี
ที่เหมือนกันในเวลานี้คือทั้งคุณทักษิณและพระธัมมชโยคือการปฏิเสธกฎหมายของประเทศ แม้กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายจะป่วยอยู่ก็ตาม
มากกว่าวัด
จะเห็นได้ว่านับตั้งแต่เกิดเหตุกับพระธัมมชโยจากกรณีของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ทางวัดพระธรรมกายได้มีการเตรียมการอย่างเป็นระบบ วัดนี้มีฝ่ายประชาสัมพันธ์ ไม่แตกต่างอะไรกับบริษัทใหญ่ๆ หรือพรรคการเมือง ที่จะมีฝ่ายประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณชนหรือเพื่อตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม
การปิดทางเข้าออกทั้งรถตักดินหรือนำลวดหนามมาเพื่อป้องกันการบุกจับตัวของเจ้าหน้าที่ หรือมีบุคคลเสื้อแดงบางส่วนเข้าไปปะปนกับผู้ที่เข้ามาปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเพื่อป้องกันเหตุหรือมาปฏิบัติธรรมจริง รวมถึงมีฐานมวลชนของวัดจำนวนมากเข้าตลอด นอกจากนี้วัดแห่งนี้มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินให้วัดเป็นจำนวนมาก มีสหกรณ์ออมทรัพย์ภายในวัด มีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม รวมถึงเคยมีแผนที่จะก่อสร้างคอนโดมิเนียมเสนอขายให้กับผู้มาปฏิบัติธรรม
นับได้ว่าวัดแห่งนี้มีระบบบริหารจัดการที่ไม่แตกต่างจากองค์กรขนาดใหญ่ของภาคเอกชน และการที่ฐานของผู้ศรัทธาในวัดนี้มีจำนวนมาก มีการแสดงความพร้อมที่จะปกป้องพระธัมมชโย ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา
แม้ว่าทางวัดจะออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับทางการเมือง แต่ที่ผ่านมาเราได้เห็นนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยเข้ามาเกี่ยวข้องกับวัดแห่งนี้ตลอดเวลา และช่วงเวลานี้คนของพรรคเพื่อไทยและกลุ่มนปช.ต่างก็ออกมาปกป้องวัดพระธรรมกายกันอย่างพร้อมเพรียง
ยิ่งลักษณ์เดินสายชิล
เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับวัดพระธรรมกายคงไม่มีผลต่อกระบวนการในการลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 สิงหาคมนี้มากนัก เพราะไม่สามารถรณรงค์ได้เหมือนในอดีต อีกทั้งกลไกของรัฐบาลในขณะนี้ยากที่ภาคการเมืองจะเข้าไปทำอะไรได้
“ประชามติผ่านหรือไม่ผ่านตอนนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับพรรคเพื่อไทย เพราะเป้าหมายสำคัญที่สุดคือการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ถ้าผ่านก็จะมีการเลือกตั้งเร็วขึ้น และสามารถกลับเข้ามาคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้ ทั้งเรื่องคดีความของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ หรือคดีความของสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และอาจรวมไปถึงคดีความที่เกิดขึ้นกับวัดพระธรรมกาย” แหล่งข่าวจากฝ่ายการเมืองกล่าว
จะเห็นได้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ ผ่านกิจกรรมที่ทำบนเฟซบุ๊กฉลองสมาชิก 5.3 ล้านคน กับหัวข้อ 5 เหตุผลที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องมาจังหวัดฉัน แม้จะเป็นการไปตามจังหวัดต่างๆ แต่ก็แฝงไปด้วยนัยยะทางการเมือง แตกต่างจากทางพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวหรือมีกิจกรรมใดๆ เหมือนกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งประเมินกันว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าทางพรรคเพื่อไทยคงกลับเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศอีกครั้ง