นายกรัฐมนตรี เสียใจอย่างสุดซึ้งเหตุไฟไหม้บ้านพักนักเรียนเชียงราย หวังเป็นบทเรียน สั่งทุกกระทรวงตรวจสอบมาตรฐานทั่วประเทศ ต้องมีแผนเผชิญเหตุ มอบฝ่ายความมั่นคงวางแผนช่วยอุบัติภัยบนที่สูง ชี้ ถ้าดูพระธรรมวินัยก็จะรู้ควรจัดการ “ธัมมชโย” ยังไง ระบุ ปัญหาเร่งรัดจ่ายงบประมาณอยู่ที่กฎระเบียบ ชาวบ้านไม่ยินยอมแค่ส่วนน้อย รับมีพวกปลุกระดมจนทำอะไรไม่ได้ บอกไปรัสเซียไม่ได้ซื้อของโดยตรง เน้นคุยเศรษฐกิจเป็นหลัก
วันนี้ (24 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเหตุการณ์ไฟไหม้หอพักนักเรียนหญิงชั้นประถมโรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยา อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 ราย เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า ตนขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน จึงได้สั่งการให้ทุกกระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้องตรวจสอบมาตรฐานของทุกอย่างทั้งหมดทั่วประเทศ ไม่ว่าจะในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานที่อาจหย่อนยานลงไปบ้าง โดยเฉพาะอุบัติภัยลักษณะต่าง ๆ ที่จะต้องมีการเรียนรู้แผนเผชิญเหตุ ไม่ใช่เมื่อเกิดเหตุขึ้นมาแล้วตกใจกัน ตนเข้าใจว่า คนเราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ทำได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นทุกคนต้องนำไปสู่กระบวนการเรียนรู้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนอุบัติภัยบนตึกสูง ที่ยังคงมีปัญหาเรื่องการดับเพลิง หรือการช่วยเหลือประชาชน ตนได้มอบฝ่ายความมั่นคงไปวางแผน ทั้งทางทหาร และการใช้เฮลิคอปเตอร์ หรือลานจอดต่าง ๆ ซึ่งได้เคยสั่งการเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกแล้ว วันนี้ก็ต้องมาทบทวนกันใหม่อีกครั้ง ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อห่วงใยเกี่ยวกับการดำเนินการเอาผิดพระธัมมชโยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในขณะนี้ว่า “ขอให้เอาธรรมมาดู เอาวินัยพระมาดูกัน แล้วก็จะรู้ว่าเราจะทำอย่างไรสำหรับชาวไทยพุทธวินัยพระเขาเขียนไว้ทั้งหมดอยู่แล้ว”
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการเร่งรัดใช้จ่ายงบประมาณที่มีปัญหาอยู่หลายอย่างว่า ปัญหาไม่ได้ติดอยู่ที่ข้าราชการ แต่ติดอยู่ที่กฎระเบียบ ตนก็ไม่อยากเร่งรัด หรือใช้มาตรา 44 ในการจัดการ ส่วนหนึ่งมาจากที่ประชาชนไม่ยินยอมบ้างเป็นส่วนน้อย รัฐบาลก็ไม่อยากไปทำร้ายประชาชน บางอย่างมีผู้ไปปลุกระดม จุดชนวนจนรัฐบาลทำอะไรไม่ได้
นายกฯ กล่าวถึงการเยือนประเทศรัสเซีย อย่างเป็นทางการว่า มีผลการพูดคุยที่ก้าวหน้า ในเรื่องการค้าการลงทุน และเศรษฐกิจเป็นหลัก ยืนยันว่า ในเรื่องของความมั่นคง ไม่ได้ไปซื้อของอะไรโดยตรง ไม่เคยพูดว่าไปซื้อของอะไรอย่างไรเท่าไหร่ เพราะพูดไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นเรื่องของคณะทำงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพ ทางกระทรวงกลาโหมเขาดำเนินการอยู่แล้ว เพียงแต่ของบประมาณ ซึ่งเขาขอมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ก็ต้องรอไปเรื่อย ๆ ส่วนที่ได้ก็ทำไป เพราะสถานการณ์โลกเปลี่ยนไป ในอนาคตเราจะไม่พร้อม ความขัดแย้งต่าง ๆ ก็ยังมีอยู่พอสมควร โดยเฉพาะในภูมิภาคแถบเรา แต่ประเทศเราไม่มี เพราะส่วนใหญ่เกี่ยวกับประเทศอื่น ๆ ทำให้มีปัญหาระหว่างกัน เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้ทุกคนอยู่กันอย่างสันติ
