เชียงราย - “หม่อมหลวงปนัดดา-รมต.ประจำสำนักนายกฯ” กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ต้องร้องไห้ต่อหน้าพ่อแม่ผู้ปกครอง 17 นักเรียนเหยื่อไฟไหม้ ย้ำนายกฯ ห่วงใย ขอให้ฝ่าฟันไปให้ได้ บอกเห็นจุดเกิดเหตุแล้ว ทุกฝ่ายคงรู้จะทำอย่างไรต่อ ชี้สภาพที่เห็นมีผลต่อจิตใจมาก จี้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศใช้วัสดุทันสมัย ป้องกันเหตุซ้ำรอย
วันนี้ (24 พ.ค.) หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าตรวจดูเหตุไฟไหม้บ้านพักนักเรียนหญิงโรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยาของมูลนิธิพันธกิจสุขสันต์ (องค์กรสาธารณประโยชน์) เลขที่ 9 ม.11 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย จนทำให้เด็กหญิงชั้นอนุบาล-ป.6 เสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บ 5 คน
โดยได้เข้าพบปะกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และญาติของผู้สูญเสีย ที่หอประชุมโรงเรียนเวียงป่าเป้าวิทยาคม อ.เวียงป่าเป้า พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยให้ครอบครัวของเด็กที่เสียชีวิตรายละ 15,000 บาท, เงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัท สยามซิตี้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) 2 กรมธรรม์ กรมธรรม์ละ 100,000 บาท (กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุนักเรียนกรณีเสียชีวิต, กรมธรรม์ความรับผิดชอบของสถานศึกษา) รวมรายละ 200,000 บาท และเงินช่วยเหลือส่วนตัวจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกจำนวนหนึ่ง
หม่อมหลวงปนัดดาได้ใช้โอกาสนี้พบปะพูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิตท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลดใจ ซึ่งหม่อมหลวงปนัดดาได้พยายามปลอบใจญาตินักเรียนที่เสียชีวิต โดยเฉพาะมารดาของเด็ก ให้ทำใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้ ยืนยันว่าทุกฝ่ายเสียใจ และพร้อมเป็นกำลังใจให้
อย่างไรก็ตาม หม่อมหลวงปนัดดาเองก็ทนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ต้องร้องไห้ในบางช่วงที่พูดคุยกับผู้สูญเสียโดยเฉพาะเมื่อทราบว่าบางคนสูญเสียลูกผู้หญิงไปพร้อมๆ กันถึง 2 คน
จากนั้นหม่อมหลวงปนัดดาได้เดินทางไปดูอาคารที่เกิดเหตุไฟไหม้ดังกล่าว พบว่าไฟไหม้หนักบริเวณห้องครัวและทางขึ้นบันไดเชื่อมจากชั้น 1 ขึ้นสู่ชั้น 2 ของบ้านพัก
หม่อมหลวงปนัดดากล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการนำความห่วงใยจากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแจ้งต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้สูญเสีย ซึ่งบางคนเสียลูกหญิงไปถึง 2 คน ซึ่งเรื่องแบบนี้ทุกฝ่ายเข้าใจเรื่องอกเขาอกเรา หากใครไม่อยู่ในเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่อาจเข้าใจได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นก็ต้องพยายามฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปให้ได้
ส่วนในอนาคตทุกฝ่าย โดยเฉพาะสถานศึกษาทั้งภาครัฐ และเอกชนต้องเอาใจใส่ในเรื่องการใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความทันสมัย ไม่เก่าจนเสี่ยงต่ออันตราย เช่น หลอดไฟฟ้า สายไฟฟ้า ฯลฯ ไม่ให้ตกสมัยจนมากเกินไป ขณะเดียวกันควรมีระบบตัดไฟกรณีระบบไฟเกิดปัญหา เพื่อให้มีความปลอดภัย 100%
หม่อมหลวงปนัดดากล่าวอีกว่า สำหรับสถานที่เกิดเหตุ เมื่อดูจากสภาพแล้วก็คงจะคาดเดากันได้ไม่ยากว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป และหากจะมีการดำเนินการใดๆ ต่อ ผู้บริหารก็ต้องพิจารณาขบคิดกันให้มาก เพราะสภาพที่เห็นมีผลต่อจิตใจมาก โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพจิตที่ต้องปรับเรื่องความกลัวกันหนัก
เช่นเดียวกับสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนใน 77 จังหวัด และกรุงเทพฯ ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย ทั้งด้านมาตรการ และวัสดุอุปกรณ์กันให้มากขึ้นด้วย
วันเดียวกัน โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้เคลื่อนย้ายศพเด็กหญิงจำนวน 4 รายไปไว้ที่โรงพยาบาลเวียงป่าเป้า เพื่อเตรียมมอบให้ผู้ปกครองนำไปจัดการตามประเพณีที่ภูมิลำเนา
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 5 คนนอนพักที่โรงพยาบาลเวียงป่าเป้า ซึ่งบาดเจ็บเล็กน้อย 3 คน คือ ด.ญ.สุวนันท์ วุยยือ ชั้น ป.3, ด.ญ.นิภาพร วุยยือ ชั้น ป.3 และ ด.ญ.สุปวีร์ อาจอ ชั้น ป.6 ส่วนอีก 2 คนบาดเจ็บสาหัส ด.ญ.นรินทิพย์ อาจู ชั้นอนุบาล 3 และ ด.ญ.รดา อาเซา ชั้น ป.4 ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อาการอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว โดยหนึ่งในนั้นยังอยู่ในห้องไอซียู ขณะที่อีกคนถูกย้ายมาพักรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยทั่วไปแล้ว