ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -วันก่อนคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการ“โครงการบูรณาการการขุดลอกน้ำ”และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมการทหารช่าง หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กระทรวงกลาโหม และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการตามที่
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ
ขณะที่“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. บอกว่าได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดขุดลอกคูคลองและแม่น้ำที่แห้งขอด เพื่อให้มีพื้นที่รับน้ำเพิ่ม และสามารถกระจายน้ำในลำน้ำสาขาได้
“เรื่องของการเกษตรเรื่องฝน วันนี้เร่งในเรื่องแหล่งน้ำที่มันตื้นเขินมีใครเคยคิดไหมที่ผ่านมา ถ้าน้ำไม่แห้งไม่เห็นท้องน้ำตื้นเขินพอเห็นบอกรัฐบาลไม่ดูแล สั่งจัดงบฯส่วนหนึ่งให้เร่งไปขุดลอกให้ลึก อย่างน้อยจะสามารถแก้ไขชะลอและระบายน้ำได้ ตอนนี้แหล่งน้ำที่ขุดมีหลายพันแห่ง”
สำหรับการดำเนินโครงการฯ หากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายงบประมาณและไม่สามารถปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้ให้ ทส. เสนอขอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมติครม.วันที่ 12 พ.ค. 58 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ วงเงิน 1,529 ล้านบาท แบ่งเป็น
1.โครงการขุดลอกคูคลองลำน้ำธรรมชาติ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เป็นผู้รับผิดชอบจำนวน 1 จังหวัด 2 โครงการ งบประมาณ 206 ล้านบาท
2.โครงการขุดลอกคลองและแหล่งน้ำขนาดเล็ก กองทัพบก 68 จังหวัด 1,546 โครงการ งบประมาณ 1,180 ล้านบาท /กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 25 จังหวัด 56 โครงการ งบประมาณ 144 ล้านบาท
รวมทั้งกรณีจะกำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานดำเนินการ มีอำนาจเปลี่ยนแปลง/ยกเลิกสถานที่ดำเนินการ ค่าที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างภายในเขตพื้นที่จังหวัดเดียวกัน และมีอำนาจเปลี่ยนแปลงรายการ งบประมาณรายจ่ายต่างๆ ภายใต้แผนงานเดียวกันนั้น ให้ ทส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้ครอบคลุมครบถ้วน และมีความชัดเจน แต่หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสถานที่ หรือรายการที่เป็นสาระสำคัญ ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบที่เกี่ยวข้อง และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
วัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นการรักษาสภาพลำน้ำ / แหล่งน้ำ ให้สามารถเก็บกักน้ำและระบายน้ำให้ทันก่อนฤดูฝนที่จะมาถึงในเดือนมิ.ย.59 ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีน้ำใช้อย่างพอเพียง ทั้งทางด้านอุปโภค บริโภค และการเกษตรกรรม รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ บรรเทาปัญหาน้ำท่วม น้ำล้นตลิ่ง
ขณะเดียวกันครม.ยังมีมติเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 งบกลาง รายการ “ค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป” วงเงิน 539,796,600 บาท ให้ “กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบก”เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำจำนวน 54 โครงการตามนโยบายรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559
ในปี 2559 นี้ รัฐบาลยังคงมอบหมายให้ กองทัพบก เข้าสนับสนุนโครงการบริหารจัดการน้ำต่อเนื่องอีก 4 โครงการ ได้แก่ โครงการแก้มลิงกักเก็บน้ำก่อนไหลลงสู่แม่น้ำระหว่างประเทศ โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ปีงบประมาณ 2559 โครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายของรัฐบาล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 และโครงการฟื้นฟูและพัฒนา บึงบอระเพ็ด
กลับมาที่ มติครม.อีกเรื่อง ได้เห็นชอบก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ“โครงการศึกษาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อประโยชน์จากแหล่งน้ำระหว่างประเทศ”รวม 3 โครงการ วงเงินรวม 190 ล้านบาท ได้แก่
1. โครงการศึกษาทบทวนการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล วงเงิน 90 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณปี 59 จำนวน 18 ล้านบาท ปีงบประมาณ 60 จำนวน 45 ล้านบาท และปีงบประมาณ 61 จำนวน 27 ล้านบาท
2.โครงการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อรองรับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตาก วงเงิน 60 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณปี 59 จำนวน 12 ล้านบาท งบประมาณปี 60 จำนวน 30 ล้านบาท และงบประมาณปี 61 จำนวน 18 ล้านบาท
3.โครงการศึกษาความเหมาะสมการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง พื้นที่เกษตรและพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว วงเงิน 40 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณปี 59 จำนวน 8 ล้านบาท งบประมาณปี 60 จำนวน 20 ล้านบาท และงบประมาณปี 61 จำนวน 12 ล้านบาท
เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน (13 พ.ค.)พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไปลงพื้นที่ จ.ลพบุรี หารือกับผู้ว่าฯชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง โดยได้กำชับให้เร่งประสานกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับทหาร เร่งรัดดำเนินการสำรวจและขุดลอกคูคลอง หนอง บึง ในชุมชนพื้นที่แล้งน้ำให้กว้างและลึกขึ้น เพื่อรองรับน้ำในฤดูฝนอันใกล้ พร้อมกับบริหารจัดการเชื่อมโยงแหล่งน้ำในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
พร้อมกับให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดจัดทำแผนงานโครงการเร่งด่วน ในการพัฒนาแหล่งน้ำแบบบูรณาการในพื้นที่”ในแนวทางประชารัฐ” ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อรักษาป่าต้นน้ำ
ต่อเนื่องจาก ปี 2558 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบโครงการ“ขุดแหล่งน้ำขนาดเล็กในไร่นานอกเขตชลประทาน”หรือ “บ่อจิ๋ว”ทั่วประเทศ ใช้งบประมาณ 2558 จำนวน 356 ล้านบาท ขุดเพิ่ม 20,000 บ่อ มีค่าใช้จ่าย ในการขุด 20,300 บาท แบ่งเป็นรัฐบาลสนับสนุน 17,800 บาท และเกษตรกรเจ้าของที่ดินสมทบอีก 2,500 บาท โดยขุดทั่วประเทศจำนวน 56,206 บ่อ
ส่วนปี 2559 นี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้มอบหมายให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนารับผิดชอบขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล 579 แห่งในพื้นที่ภัยแล้ง และดำเนินโครงการพัฒนานอกเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา 1,042 แห่ง ด้านผู้บัญชาการทหารบก มอบหมายหน่วยขึ้นตรงดำเนินการโครงการแก้ปัญหาภัยแล้งเร่งด่วน 164 โครงการ โครงการแก้มลิง 24 แห่ง ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ จ.นครพนม และจ.มุกดาหาร โครงการขุดบ่อขนมครก ในพื้นที่ 18 จังหวัดภาคอีสาน
ด้าน“กรมทรัพยากรน้ำบาดาล”ได้รับงบประมาณปี 2559 (งบกลาง) 159 ล้านบาท เพื่อเจาะบ่อน้ำบาดาล 735 บ่อ ราคาบ่อละ 216,000 บาท ความลึกเฉลี่ย 85 เมตร ในโครงการจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้งระยะเร่งด่วน ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
แต่ที่ถูกจับตาจากฝ่ายการเมือง กลับกลายเป็น โครงการขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ที่ถูกร้องเรียนเรื่องการจ้างช่วงขุดลอกคลอง และมีกลุ่มบุคคลแอบอ้างชื่อผู้ใหญ่ในรัฐบาล เรียกรับผลประโยชน์และเก็บค่าหัวคิวโครงการขุดลอกแหล่งน้ำของอผศ.
โดย อผศ.ได้รับงานว่าจ้างพัฒนาหรือก่อสร้างปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ งานขุดลอกคูคลอง ลำรางสาธารณะ งานสร้างฝายกั้นน้ำ และงานลอกท่อระบายน้ำ จากหน่วยงานราชการ จำนวน 6 แห่ง 424 สัญญา รวมวงเงินทั้งสิ้น 1,458,847,255 บาท
ล่าสุด จากมติครม.ข้างต้น มอบหมายให้“กองทัพบก”เป็นเจ้าภาพขุดลอกคลองและแหล่งน้ำขนาดเล็ก 68 จังหวัด 1,546 โครงการ งบประมาณ 1,180 ล้านบาท โดยไม่พบว่ามีการว่าจ้าง“องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก”อีก