ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ใคร่สงสัยถึง “ความชอบธรรม” กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย ไม่ดำเนินการตั้งข้อหา “ฆ่าโดยไตร่ตรอง” ซึ่งมีโทษสูงสุดประหารชีวิต ต่อผู้ต้องหา “คดี 6 ทรชน รุมฆ่าชายพิการอย่างโหดเหี้ยม” ซึ่ง 4 ใน 6 รายเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคนในเครื่องแบบ ทั้งๆ ที่ปรากฏชัดหลักฐานจากคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิด และพยานให้การในที่เกิดเหตุ
ด้วยเหตุนี้ทำให้ชายผู้หนึ่งออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความชอบธรรม “ธกร อำพันธ์เปรม” ผู้นำรณรงค์แคมเปญ ‘ลูกตำรวจแล้วไง’ หนึ่งแรงสำคัญปะทุพลังมวลชนชาวโซเชียลมีเดีย ถ่ายภาพแสดงป้ายข้อความเรียกร้องความชอบธรรม และความโปร่งใสต่อกระบวนการยุติธรรม ของผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย ส่วนประเด็นใดถูกกังขาไปฟังความจากปากผู้นำแคมเปญฯ ในสัมภาษณ์พิเศษฉบับนี้
เหตุผลที่ออกมาเพราะไม่เชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
มันไม่ได้ไม่เชื่อนะ ผมเชื่อ! แต่ทำไมมันดูล่าช้า ดูประวิง อะลุ่มอล่วย ในความรู้สึกผมว่ามันช้าเกินไป ผมเชื่อในกฎหมายเพราะผมอยู่ภายใต้กฎหมาย เรื่องไม่ดีอะไรเกิด เกิดขึ้นกับผม ผมนึกถึงตำรวจก่อนอยู่แล้วแหละ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้เหตุการณ์นี้กลับกลายเป็นว่า ผู้ที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย ลูกของเขาเป็นผู้กระทำความผิด แล้วมันก็มีหลักฐานชัดเจน คลิปวิดีโอ พยาน หลายๆ อย่างซึ่งมันนำไปสู่การแจ้งข้อหาตั้งหาข้อฆ่าโดยไตร่ตรองได้ด้วยหลักฐานแล้ว เพียงแต่ว่ามันยังไม่เกิดขึ้น ผมก็เลยตั้งคำถามมันเป็นเพราะอะไร? ก็เกิดเป็นที่มาของ #ลูกตำรวจแล้วไง
รู้สึกไม่ชอบธรรมและกังขาพนักงานสอบสวนไม่ตั้งข้อหา ‘ฆ่าโดยไตร่ตรอง’ เพราะผู้ต้องหา 4 ใน 6 ราย เป็นลูกตำรวจ
ครับ สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นการช่วยเหลือหรือเปล่า? ผมอยากถามว่ามีเรื่องของการช่วยเหลือกันหรือไม่? ทางผู้ใหญ่ออกมาว่าผิดว่าไปตามผิดเราว่ากันไปตามเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายอยู่แล้ว ผมก็เชื่อแบบนั้น และผมก็เชื่อในหลักฐาน เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เชื่อในคลิปวิดีโอเช่นกัน เพียงแต่ว่าความเชื่อของท่านกับความเชื่อของประชาชนส่วนใหญ่ ทำไมมันถึงขัดกัน? แล้วในช่วงแรกเลยทำไมพยานไม่กล้าออกมา ผมเลยคิดคำพูดข้อความสั้นๆ ว่า “คนพิการถูกทำร้ายนะ คนดีๆ เนี้ยทำอะไรอยู่ ลูกตำรวจแล้วไง?” แล้วยิ่งท่านให้ข่าวว่า การตั้งข้อหานี้ฆ่าโดยไตร่ตรองมันจะเป็นการกลั่นแกล้ง ไม่มีหลักฐานแน่ชัด ตั้งข้อหารุนแรงเกินไป ไม่ถูกต้องนะ ไม่มืออาชีพ และออกมาพูดทำนองว่าจะแจ้งจับตั้งข้อผู้ที่โพสต์ในโซเชียลทั้งหลายข้อหมิ่นประมาทฯ ผมคิดว่าตรงนั้นมันปลายเหตุแล้ว มันไม่มีเหตุสมควรเลย
ผมไม่อยากให้มันเกิดความล่าช้าในการดำเนินคดี เพราะว่าเหตุการณ์นี้มันอันตรายนะ และมันก็เป็นเหตุการณ์ที่ใหม่ในสังคม ชายพิการถูกทำร้ายด้วยคน 6 คน เกิดพื้นที่ สน.โชคชัย พื้นที่นั้นน่าจะทำให้เร็วและจบเร็ว ชัดเจน เพื่อเป็นตัวอย่าง ซึ่งผมว่ามันจะดีกว่าการที่ท่านปล่อยให้เรื่องนี้มันคาอยู่ในสังคมไทย คาอยู่ในความรู้สึกของสังคมไทย ภาพลักษณ์ของทางหน่วยงานเองก็จะเสีย อะไรที่กระทำได้หรือไม่ได้ต้องมีการประชาสัมพันธ์ ผมว่าทุกคดีที่อยู่ในความสนใจต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าใจถึงขั้นตอนการดำเนินการแต่ละขั้นตอน ถ้าทำได้ผมว่าประชาชนจะรักหน่วยงานนี้มากขึ้นนะครับ
และผมต้องการเปลี่ยนสังคมด้วย โดยใช้คดีนี้เป็นตัวกระตุ้นจิตใต้สำนึกสาธารณะของทุกคนขึ้นมา ผมว่าตรงนั้นเป็นผลดีสำหรับประเทศไทย การมีจิตสาธารณะของทุกคนผมว่าเป็นผลดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะพูดถึงมันเราจะกล่าวถึงมันและเราจะเปลี่ยนแปลงมัน ด้วยความถูกต้องด้วยความเข้าใจด้วยความช่วยเหลือ ผมอยากให้ทุกคนแคร์สังคม
รักษาการ ผบช.น. ออกมายืนยันด้วยตนเองว่า การดำเนินคดีเป็นไปตามหลักฐานชอบธรรมด้วยกฎหมาย
ผมว่าถ้าท่าน (พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล) จะออกมาอธิบายให้ออกมาอธิบายถึงขั้นตอนการทำงานจะดีกว่า ไม่ต้องมาอธิบายปลายเหตุ หรือมาขยายความเพิ่มของการพูดถึงของสังคม ให้พูดถึงในประเด็นการลงมือ ขั้นตอนการดำเนินคดี หลักฐาน ผมว่ามันจะง่ายและจบเร็วกว่า แต่ตอนนี้ท่านออกมาพูดและขยายความจากการกล่าวถึงคดีของสังคม
ถามว่าหวั่นไหวเรื่องที่ท่านกล่าวเรื่องการฟ้องหมิ่นประมาทร้องผู้ที่ออกมาวิจารณ์ในโซเชียลหรือเปล่า? ไม่เลยครับ! เพราะผมคิดว่าผมทำอยู่ในกรอบของกฎหมาย กฎหมายไม่ได้บอกว่าผิด เราไม่ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรง และเราไม่สามารถห้ามผู้คนไม่ให้ใช้คำรุนแรงได้ ผมเชื่อว่าเราสามารถทำได้ ตำรวจพยายามตั้งรับแบบออกมาตอบโต้สังคม ผมว่ามันจะยิ่งรุนแรงขึ้นนะ หน่วยงานนี้กับประชาชนจะเข้มข้นกว่านี้
มีแผนการทำอะไรต่อไป
คือตอนนี้ผมเริ่มต้นในกรุงเทพฯ และผมจะทำออกไปต่างจังหวัด จะมีกิจกรรมเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งรับรองว่าไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดมาตราใดของ คสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เด็ดขาด ผมจะยกระดับให้มันหนัก มีการแสดงออกในทางที่ดีในสถานที่จริงไม่ใช่อยู่เพียงในเฟซบุ๊กแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใส่เสื้อสกรีนข้อความรณรงค์ การไปเดินเล่นการไปปรากฏตัวในที่ต่างๆ ของกลุ่มคน
ถ้ากรณีนี้ผู้เสียหายไม่ใช่คนพิการ คุณจะออกมาเคลื่อนไหวไหม
ไม่ครับ ผมออกมาเพราะว่ากรณีนี้เป็นคนพิการ เราเข้าห้องน้ำสาธารณะทุกที่ เรา จะเห็นว่ามีป้ายห้องน้ำคนพิการ จะมีช่องทางสำหรับกลุ่มคนทุพพลภาพ เราจะหา ช่องทางช่วยเขา หรืออย่างในหน่วยงานต้องรับคนพิการเข้าทำงานอย่างต่ำ 1 คน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีคนพิการถูกทำร้ายจนเสียชีวิต รูปแบบการทำร้ายกันมันแตกต่างออกไปจากเดิม มันรุนแรงมากขึ้น รูปแบบการลงมือมันน่ากลัวขึ้น
ทราบว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ออกมาเรียกร้องสิทธิเพื่อสังคม ก่อนหน้านี้เคลื่อนไหวในคดีข่มขืนด้วย
ผมออกมาทำเป็นเคสที่ 3 เคสแรก น้องแกม (คคี : ฆ่าข่มขืนเด็กหญิงบนรถไฟและโยนร่างทิ้งเพื่ออำพราง) เคสที่ 2 ข่มขืนผู้หญิงท้อง จ.พัทลุง (คดี : 4 ทรชน จ.พัทลุง ฆ่าคู่อริฝังป่าก่อนข่มขืนภรรยาผู้ตาย ขณะท้อง 3 เดือน โยนร่างทิ้งเหวแต่ผู้เสียหายรอดชีวิต) และมาถึง เคสที่ 3 รุมฆ่าชายพิการ มันเหมือนกับว่าคดีอื่นๆ เจ้าหน้าที่พยามหาหลักฐานเพิ่ม ส่งผู้ถูกกล่าวหาเข้าสู่ขั้นตอนแต่เขาให้การขัดแย้งกับหลักฐานที่เกิดขึ้น แต่คดีนี้กลับกลายเป็นว่าเรื่องยังไม่ถูกส่งฟ้องด้วยซ้ำ การตั้ง ข้อหามันไม่ต้องทำให้ถูกต้อง และตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น
ช่วยเล่ารายละเอียดที่ออกมาเคลื่อนไหวในครั้งที่ผ่านๆ มาหน่อย
เคสแรก คดีน้องแก้ม เป็นคดีสะเทือนขวัญ รุนแรงกับความรู้สึกผมมาก วันนั้นผมเลื่อนโทรศัพท์อยู่ดีๆ ก็ไปเจอข่าวน้องแก้ม อ่านภาพข่าวเห็นเนื้อข่าวเห็นภาพแล้วมันรุนแรง ผมลงจากรถไฟฟ้าแล้วเขียนป้ายอันหนึ่ง สื่อไปด้วยความรุนแรง สุดท้ายแล้ว ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมสื่อออกไปมันไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงแน่นอน มันคือตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่งผมว่าในระยะยาวมันไม่เกิดอะไรขึ้น มันรู้สึกแค้นกัน สาปแช่งกัน โจมตีกัน
ผมเลยเปลี่ยนข้อความคิดคำขึ้นมาใหม่ ที่มันกระตุ้นและเกิดการเปลี่ยนแปลงก็คือ “ฆ่าข่มขืน กี่ศพแล้วกี่ศพเล่า กฎหมายไทยทำไมไม่แก้?” มีทั้งคำถาม มีทั้งการกระตุ้นเตือน ผมทำแบบนั้นในกรณีแรก ตอนนั้นทุกคนเห็นด้วย มีการถ่ายรูปแชร์ออกไป ทุกคนเห็นแล้วนึกถึงเหตุการณ์ บางคนไม่รู้ก็จะตั้งข้อสงสัยทำไมผู้ชายคนนี้ต้องออกมายืนข้างถนน พอทุกคนเข้าใจว่าเพราะก็มาเข้าร่วมกันเยอะเลย พอผมทำออกไปประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย เพราะมันเป็นภาพเหตุการณ์ที่โหดร้าย
หลังจากเคสที่ 1 ช่วงเวลาผ่านไปนานร่วม 2 ปีกว่าเลย สถิติการข่มขืนน้อยลงไหม? ไม่น้อยลงครับ อาจจะเท่าเดิมแต่รูปแบบมันอาจจะไม่โหดร้ายเท่าเดิมแล้ว มาถึงคดีพัทลุง เคสที่ 2 ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก ข่มขืนคนท้อง โยนลงเหว ฝังทั้งเป็น ผมก็ออกมาอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ทุกคนเริ่มจำผมได้แล้วผมมันคือ ไอคอนการข่มขืนผม คือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการข่มขืนไปแล้ว ทุกคนเริ่มมองเห็นว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้มันไม่โอเค กล้าแสดงตัว เริ่มมีคนออกมาถือป้ายกับผม แล้วบังเอิญผมออกมาถือป้ายในช่วง คสช. เข้ามาพอดี เป็นประเด็นใหญ่โดนเรียกเข้าไปปรับทัศนคติ ที่นี้ คนยิ่งเข้ามาหาผมมากขึ้น ในเมื่อผมออกมาทำความถูกต้องผมออกมาตั้งคำถาม แต่ผมกลับต้องเจอแบบนี้ หลายคนก็ไม่ยอม สังคมเริ่มเปลี่ยนแล้วเริ่มแคร์กันมากขึ้น ไม่ได้แคร์คดี แต่เห็นว่าคนนี้ออกมาทำเรื่องนี้นะ รู้สึกแคร์อยากให้กำลังใจ
จนมาเคสที่ 3 ฆ่าชายพิการ ผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลยครับ ผมแค่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า พรุ่งนี้ผมจะทำแบบนี้ๆ มีคนเข้ามาคอมเมนต์มียอดไลน์จำนวนมาก ทุกคนเตรียมพร้อมหมดเลย ผมบอกให้เตรียมปากกาเตรียมทำป้ายตามผมนะ หลังจากผมถ่ายรูปโพสต์ปุ๊บไม่ถึงนาทีมีคนโพสต์ตามมา นี่แหละครับ สิ่งที่มันเกิดขึ้น สังคมมันเปลี่ยนสังคมพร้อมที่จะแคร์กันแล้ว สังคมพร้อมที่จะเห็นใจกันแล้ว และพร้อมที่จะช่วยเหลือกันแล้ว ถึงกฎหมาย การดำเนินคดี การบังคับใช้ จะเป็นเหมือนเดิมรูปแบบเดิมๆ แต่สิ่งที่มันเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้วคือความพร้อมที่จะช่วยเหลือกัน
อย่างที่ผมโพสต์ไปเมื่อวันก่อน “การต่อสู้ที่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อตัวเอง ผมเสพติดมันไปแล้ว” แล้วทุกคนก็เสพติดครับ ไม่ได้เงินครับ ไม่ได้อะไรเลย แต่เรารู้สึกว่าเราได้ทำและเราทำได้ มันเหมือนเด็กหัดเดิน เราป่วยเราต้องทำกายภาพบำบัด เราต้องพยายามเดินให้ได้อีกครั้ง และวันนึงที่เราเดินได้เราก็ดีใจ เราเดินได้แล้วนะ และเราก็จะเดินต่อไป
ออกมาเคลื่อนไหวด้วยความสงบ ถือป้ายข้อความแสดงจุดยืน
ข้อความที่ผมสื่อมันเป็นตัวอักษรสั้นๆ ไม่กี่ตัว แต่ทำไมมันไปกระตุ้นจิตใจคนไทยด้วยกันเยอะขนาดนั้น มันเป็นข้อความสั้นๆ นิดเดียวเองนะ แต่ทุกครั้งที่ผมคิดคำออกมาผมจะคิดอย่างละเอียดที่สุด ตัวอักษรแค่ไม่กี่ตัว ผมถือบนแผ่นกระดาษ มันสื่อสารได้ชัดเจน ผมเป็นคนชอบคิดครับ เป็นนักทดลองเขียนในเฟซบุ๊ก ชอบเล่นกับความรู้สึกคน เมื่อก่อนผมทำเรื่องความเอนเตอร์เทนพยายามทำให้คนหัวเราะสร้างมุก แต่พออยู่ในด้านสังคมผมก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง
2 เคส ที่ผ่านมาเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ผมคิดว่ามันยังเหมือนเดิม แต่ในฝั่งของผมฝั่งของประชาชน ผมเห็นความตั้งใจ ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ผมเห็นการกระทำในเฟซบุ๊ก การแชร์ การออกมาแสดงความคิดเห็น สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ มันคือการเปลี่ยนแปลงของสังคม การรู้สึกไม่โอเค รู้สึกว่าเราอยากอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสิ่งที่มันไม่ถูกต้อง ผมว่าตรงนี้แหละที่มันเปลี่ยน คดีอาจจะไม่เร็วขึ้น แต่สิ่งที่ผมได้ขึ้นมาคือกลุ่มคนที่พร้อมจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับความไม่ถูกต้อง กลุ่มคนที่กล้าแสดงตัวออกมาว่าเราไม่โอเคนะ กฎหมายมันควรจะเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ใช้กับเราได้ต้องใช้กับคนอื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน มันถึงจะสมบูรณ์แบบ ซึ่งตอนนี้ยังไม่เป็นอย่างนั้น แต่สิ่งที่ผมได้มันค่อยๆ เริ่มขึ้น มันเห็นกลุ่มคน พลัง และผมทำได้ดีด้วย ถ้ายังช้ากว่านี้ผมยกระดับแน่นอน
คดีล่าสุด คุณต้องการให้ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีอย่างไร
รวดเร็ว กระชับ ฉับไว ชัดเจน ผิดว่ากันตามผิดเลย กางกฎหมายออกมาดูกันเลย เอาหลักฐานมาชี้แจงกันเลย สรุปง่ายๆ การประชาสัมพันธ์ของทางตำรวจควรจะต้องมีอย่างต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องทุกคดีไม่จำเป็นผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น เอาเฉพาะคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชน คดีที่มันสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น
คุณสนับสนุนโทษประหารชีวิตในคดีอาชญากรรมรุนแรงหรือไม่
ถ้าหลักฐานนำไปสู่อย่างนั้น ก็ว่ากันตามหลักฐานครับ ไม่ได้ผลักดันเพื่อนำไปสู่การประหารชีวิตนะ ผมไม่ได้ผลักดันโดยที่ไม่มองถึงความเป็นจริง ให้เป็นหน้าที่ของศาลในการดำเนินคดี
นอกจากการรณรงค์ด้วยป้ายข้อความ ครั้งนี้จัดทำเสื้อยืดหารายได้เยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย
ในเรื่องของการผลักดันคดีเราทำได้อยู่แล้ว แต่การเยียวยามันต้องเกิดขึ้นด้วย ยกตัวอย่าง คดีพัทลุง ไม่มีการเยียวยา เราจะรอหน่วยงานภาครัฐเข้ามาเยียวยามันไม่ได้ ถ้าเรามีวิธีทำได้ก็ควรจะทำ ผมเลยทำเสื้อยืดสกรีนข้อความ “คนพิการ ถูกทำร้าย คนดีๆ ทำอะไรอยู่ ลูกตำรวจแล้วไง” ขึ้นมา รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งหลายคนพร้อมที่จะช่วยครับ
การสูญเสียครั้งนี้ แน่นอนครับครอบครัวเขารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งยังมีความโชคดีเหตุการณ์นี้มีพยานเป็นทนายเกิดต่อหน้าทนาย ในเมื่อชายพิการคนหนึ่งตายไปเรื่องก็จบแล้ว เงียบ! แต่นี่กลับกลายเป็นคดีตัวอย่างคดีสะเทือนขวัญสะเทือนวงการตำรวจ เป็นคดีที่คนทั้งประเทศสนใจมาก
มีการพูดถึงการปฏิรูปตำรวจ คุณอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ผมว่าถึงเวลาแล้วนะ ที่เราจะต้องมีขั้นตอนการทำงานที่เป็นธรรมและชัดเจน หมายถึงว่ามีการประชาสัมพันธ์และให้ประชาชนตั้งคำถามในการทำงานของตำรวจ ผมว่าแบบนั้นจะดีกว่า ท่านจะสร้างเว็บไซต์สร้างเพจอะไรขึ้นแจ้งความคืบหน้าก็ได้ ยกตัวอย่าง คดีที่ 1 การทำงานอยู่ในขั้นตอนนี้แล้วนะ ประชาชนสามารถตั้งถามได้อย่างอิสระและท่านก็ยินดีที่จะตอบในทุกๆ กรณี
เรื่องกฎหมายไม่ต้องแก้นะ แต่ต้องแก้ที่ตัวผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย การปฏิรูปตำรวจให้สังคมเป็นคนเปลี่ยนแปลงพวกท่านดีกว่า เพราะว่าไม่เปลี่ยนแปลงสังคมก็จะตั้งคำถามท่านเอง ผมเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของท่าน แต่ว่าผมไม่เชื่อมั่นว่าท่านจะปฏิบัติได้ในทุกกรณี ณ วันนี้ ผมอยากให้สังคมเปลี่ยน อยากให้ใช้โซเชียลในทางสร้างสรรค์ อยากให้เกิดความเท่าเทียมกัน..