เมืองไทย 360 องศา
เรียกว่า “โดน” เป็นรายแรกสำหรับการดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์โพสต์ในเฟซบุ๊กโจมตีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย เมื่อวันที่ 27 เมษายน สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้งไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง โดยผู้ที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายการลงประชามติตามมาตรา 61 เป็นรายแรกดังกล่าว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยหากมีความผิดจริงจะมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี และอาจถูกเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้ง 5 ปี
จากการให้สัมภาษณ์ของ สมชัย ศรีสุทธิยากร ย้ำว่า ต้องการให้เป็น “คดีตัวอย่าง” กับผู้ที่จงใจกระทำความผิดแบบครบองค์ประกอบ นั่นคือ ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ข่มขู่ ปลุกระดมให้เกิดความรุนแรง เป็นต้น แบบนี้ถือว่าผิดชัดเจน และที่เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีเป็นรายแรกก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าทางคณะกรรมการการเลือกตั้งเอาจริง เพื่อป้องกันความวุ่นวายปั่นป่วนตามมา
แม้ว่าเวลานี้ระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่กำหนดว่า การพูดแบบไหน รณรงค์แบบไหน มีความผิดหรือไม่ผิด ยังไม่ออกมาก็ตาม แต่ สมชัย ยืนยันว่า การดำเนินคดีดังกล่าวถือว่ามีความผิดชัดเจนครบถ้วนแล้ว
แน่นอนว่า หากพิจารณากันตามรูปการณ์แล้ว ก็พอมองออกได้ไม่ยากว่างานนี้ คือ การ “เชือดโชว์” ทำนองเตือนให้เห็นกันจะจะว่า “อย่าป่วน” เป็นอันขาด อีกทั้งการเคลื่อนไหวของคณะกรรมการการเลือกตั้งเที่ยวนี้ดูแล้ว “เข้มผิดปกติ” ผิดไปจากอาการก่อนหน้านี้แบบคนละม้วน แม้ว่าจะเป็นคณะเดียวกันก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันก็พอจะเข้าใจได้ว่า ในยุคที่อยู่ภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ต้องบอกว่านี่คือ “สถานการณ์พิเศษ” ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน คำพูดของ สมชัย ศรีสุทธิยากร ที่ย้ำว่าต้องการให้เป็น “คดีตัวอย่าง” มันก็ย่อมมีความหมายในตัวเองอยู่แล้ว ว่านี่คือ “สัญญาณเข้ม” ที่เตือนกันล่วงหน้า ลงมือก่อนที่ “คู่มือ” การลงประชามติจะออกมาเสียอีก
อย่างไรก็ดี แม้ว่าที่ผ่านมาฟังจากการให้สัมภาษณ์ของ สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง จะยืนยันในทำนองว่าตามกฎหมายการลงประชามตินั้น การแสดงความคิดเห็น แสดงออกว่ารับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ การแสดงสัญลักษณ์ที่หน้าบ้าน สามารถทำได้ หากเป็นเจตนาที่บริสุทธิ์ เป็นส่วนตัว ไม่ได้แสดงออกที่เป็นกลุ่มเพื่อให้มีผลทางการเมือง ใช้คำสุภาพ ไม่หยาบคาย ไม่ปลุกระดมข่มขู่
แต่ก็อย่างว่าแหละ ตราบใดที่คู่มือที่กำหนดระเบียบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ออกมา ความสับสนและความไม่เข้าใจย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ระหว่างชาวบ้านที่ต้องการแสดงออก กับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจและทหารที่มีอำนาจตามกฎหมายในการจับกุมดำเนินคดี เพราะเมื่อพิจารณาจากคำพูดของ สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กับคำพูดและท่าที่ของฝ่ายผู้มีอำนาจในรัฐบาลและ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ย้ำว่า ห้ามทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นไม่ว่าจะรับหรือไม่รับ ความหมายก็คือให้ทุกคนแสดงความเห็นกันในบ้าน ไม่ต้องมาพูดข้างนอก อ้างว่าปล่อยให้ชาวบ้านเขาตัดสินใจเอง นั่นคือ “ให้ทุกคนอยู่นิ่ง ๆ ถึงเวลาพอถึงวันลงประชามติก็ให้ไปลงคะแนนโหวตเองว่าจะรับหรือไม่รับ”
ท่าทีแบบนี้ก็ไม่ค่อยต่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ประกาศชัดเจนว่าห้ามทุกฝ่ายเคลื่อนไหว รวมไปถึงไม่ต้อนรับองค์กรระหว่างประเทศมาสังเกตการณ์การลงประชามติอีกด้วย
ดังนั้น หากพิจารณาจากท่าทีและคำพูดของทั้งผู้มีอำนาจและฝ่ายที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องการทำประชามติอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้งความเข้มข้นและความเข้มข้นจะมีรายละเอียดต่างกัน อาจทำให้เกิดปัญหาตามมา ที่สำคัญนั่นคือ ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมาย ที่อาจลักลั่น อาจเกิดกรณีที่นั่นทำแบบนี้ได้ แต่อีกที่หนึ่งเจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจตีความไปอีกแบบ ขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่ไม่ใช่ “บรรยากาศแบบธรรมชาติ” เริ่มเกิดความตึงเครียด อึดอัดยังไงพิกล ลักษณะเหมือนกับ “มัดมือชก” บังคับให้ชาวบ้านเดินดุ่ม ๆ ไปลงประชามติอย่างเดียว
บรรยากาศแบบนี้แหละมันน่ากลัว ที่อาจเกิดความไม่เข้าใจ หรือมีการ “จงใจ” ให้เกิดขึ้นจากฝ่ายไหนก็ได้ เพราะมันมีเงื่อนไข และองค์ประกอบที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายปั่นป่วนขึ้นมาก็ได้ เพราะในเมื่อ กกต. ส่งสัญญาณเข้ม “เชือดโชว์” ให้เห็นกันแล้ว โอกาสที่จะหลบลงใต้ดิน หรือมีการท้าท้าเรื่องการแสดงความคิดเห็นอ้างสิทธิมนุษยชนตามมา หากรายสองรายก็คงกำหราบได้ แต่หากมีรายการพร้อมใจกันท้าทาย คสช. มันก็ยุ่ง
ดังนั้น ได้แต่หวังว่าหลังจากมีคู่มือระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้งออกมาแล้วว่าอย่างไหนทำได้ และทำไม่ได้ให้ชัดเจน และที่สำคัญคงไม่สร้างบรรยากาศตึงเครียดมากเกินไป มันก็คงผ่อนคลาย แต่ถ้าในทางตรงข้าม ไม่เคลียร์รับรองว่าอุณหภูมิการเมืองต้องเดือดแน่ !!