ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “ส.ประมงนอกน่านน้ำไทย” ร่อนหนังสือข่มขู่ “ส.รักษ์ทะเลไทย” ให้ทำลายสื่อรณรงค์เรื่องการใช้ฟอร์มาลินในอาหารทะเล อ้างกระทบธุรกิจประมงแสนล้าน และทำให้ตลาดต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น ด้าน “บรรจง นะแส” ท้าให้ฟ้องจะได้เอาเป็นคดีตัวอย่างการต่อสู้ของประชาชนเพื่อปกป้องแหล่งอาหารทะเลโลก
นายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย เปิดเผยต่อ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ว่า วันนี้ (1 ก.ย.) ตนได้รับหนังสือข่มขู่จากสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย พร้อมสั่งให้ทำลายเอกสารเกี่ยวกับการรณรงค์เรื่องประมงพาณิชย์ใช้สารฟอร์มาลินในการรักษาความสดอาหารทะเลทั้งหมดที่สมาคมรักษ์ทะเลไทยจัดทำขึ้น ซึ่งหากไม่ดำเนินการจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมถึงทุกหน่วยงาน หรือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับในเรื่องนี้ทั้งหมด
“ผมเห็นหนังสือข่มขู่ฉบับนี้แล้วก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้กลัว หรือวิตกอะไร และได้เอามาเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะทางหน้าเฟซบุ๊กแล้วด้วย และเราคงไม่ดำเนินการตามคำสั่งอะไรทั้งนั้น หากเขาฟ้องมาจริงก็จะได้มีโอกาสเอาเป็นคดีตัวอย่างการต่อสู้ของภาคประชาชนเพื่อปกป้องท้องทะเล ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารให้แก่คนทั้งโลกเสียเลย” นายบรรจง กล่าวและเสริมว่า เรื่องนี้น่าจะมีกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่อยู่เบื้องหลังแน่นอน
ทั้งนี้ หนังสือฉบับดังกล่าวลงนามโดย นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า
“ด้วยเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2557 สมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย ได้รับหนังสือเชิญให้เข้าร่วมการเสวนา เรื่อง “ทางออกประมงไทย เมื่อมนุษย์และทะเลถูกกระทำ” ซึ่งจัดขึ้นในวันพุธที่ 27 สิงหาคม 2557 เวลา 13.00-16.30 น. ณ หอประชุมพุทธคยา กรุงเทพฯ จัดโดยองค์การอ็อกแฟม ประเทศไทย ร่วมกับสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย
เนื่องจากสมาคมฯ ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมงานเสวนาดังกล่าวด้วย และการเสวนาก็ได้มีการแจกจ่าย แผ่นพับ “อาหารทะเลสด & แปรรูป จากชาวประมงตรงสู่ผู้บริโภค สด ใหม่ ไร้ฟอร์มาลิน” ให้แก่ผู้เข้าร่วมเสวนาทุกคน เมื่อนำแผ่นพับมาอ่านดูก็พบข้อความกล่าวหาว่า “อาหารทะเลที่มาจากเรือประมงพาณิชย์ต้องใช้ฟอร์มาลิน” ซึ่งสมาชิกเรือประมงของสมาคมฯ ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มของเรือประมงพาณิชย์ที่มีอยู่โดยประมาณ 1 หมื่นลำทั่วประเทศด้วยเช่นกัน
ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่เป็นธรรมต่อเรือประมง และถือเป็นการหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรงก่อให้เกิดผลกระทบตามมา ทั้งสร้างความหวาดกลัว และสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ซื้อหรือผู้บริโภคอาหารทะเลจากเรือประมงพาณิชย์ และสร้างความเสียหายเป็นอย่างมากต่อการซื้อขายอาหารทะเล และจะส่งผลกระทบกลับไปสู่สินค้าของท่านเองด้วยในอนาคต
เมื่อผู้บริโภคหลงเชื่อไปตามเจตนารมณ์ตามแผ่นพับของท่าน และไม่ซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลกันทั้งประเทศ ทุกวันนี้เราชาวประมงได้ถูกกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศยังไม่พออีกเหรอ ถึงได้ให้ความร่วมมือมาทำลายกันเอง
ดังนั้น สมาคมฯ จึงขอประณามการกระทำของท่าน และเรียกร้องให้ท่าน และเรียกร้องให้ท่านระงับการแจกจ่ายแผ่นพับ หยุดผลิตแผ่นพับเพิ่ม และทำลายแผ่นพับที่เหลือทั้งหมดดังกล่าวโดยทันที และหากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ สมาคมฯ ในฐานะส่วนหนึ่งของผู้เสียหาย ก็จำเป็นต้องดำเนินคดีแก่ท่าน และผู้เกี่ยวข้องต่อการสนับสนุนทั้งหมดตามกฎหมาย
