ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
ไม่น่าแปลกใจที่บรรดาแฟนรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง3 จะแห่ส่งข้อความให้กำลังใจ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา หลังศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 13 ปี 4 เดือน ในความผิดทุจริตค่าโฆษณาในรายการคุยคุ้ยข่าว ทางช่อง 9 ทำให้ อสมท เสียหายเป็นเงิน 138 ล้านบาท
เพราะนายทักษิณ ชินวัตรไม่ได้แตกต่างจากนายสรยุทธ โดยมีพฤติกรรมโกงเหมือนกัน แต่คนจำนวนหนึ่งก็ยังชื่นชม ยกย่องบูชาอย่างงมงาย
สังคมยังจมปรักกับความชื่นชมที่ผิวเผิน ไม่ได้ตระหนกถึงความผิดชอบชั่วดี ไม่ได้ให้ความสำคัญในพฤติกรรมของบุคคล จึงเปิดโอกาสให้นักสร้างภาพเข้ามาหากินบนความศรัทธาเต็มไปหมด
นักต้มตุ๋น 18 มงกุฎแฝงตัวอยู่ในซอกมุมต่างๆ พลางตัวปะปนอยู่ในทุกสายอาชีพ ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ อาชญากร สื่อมวลชน หรือแม้แต่พระสงฆ์ โดยมีกรรมวิธีหลอกลวงตักตวงผลประโยชน์ในทุกรูปแบบ และมีประชาชนตกเป็นเหยื่อไม่เว้นแต่ละวัน
นายสรยุทธ์ก้าวขึ้นมาเป็นพิธีกรชื่อดัง ภาพถูกสร้างขึ้นจนดูเหมือนเป็นสื่อที่มีอุดมการณ์ช่วยเหลือสังคม แต่การทุจริตค่าโฆษณา อสมท ได้เปิดโปงพฤติกรรมส่วนตัว ซึ่งตรงกันข้ามกับภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะชน
แม้คดีถือว่าไม่สิ้นสุด เพราะเพิ่งผ่านกระบวนการในศาลชั้นต้นเท่านั้น แต่คำพิพากษาจำคุก ถือว่าเพียงพอแล้วที่นายสรยุทธจะต้องแสดงความรับผิดชอบ หยุดดำเนินรายการ จนกว่าคดีจะสิ้นสุดในชั้นศาลฎีกา เพื่อเป็นบรรทัดฐานทางสังคม เพราะถือเป็นสื่อที่มีความมัวหมองแล้ว
แต่ข้อเรียกร้องทางสังคม แรงกดดันจากภาคส่วนต่างๆ ไม่อาจทำให้นายสรยุทธทบทวนตัวเองได้ และยังดำเนินรายการ “เล่าข่าว” ตามปกติ
ตระกูลมาลีนนท์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ช่อง 3 ไม่ได้มีปฏิกิริยาสนองตอบกระแสสังคมแต่อย่างใด โดยเปิดโอกาสให้นายสรยุทธดำเนินรายการต่อไป
สังคมออกแรงเรียกหาบรรทัดฐานทางวิชาชีพสื่อกันหนักหน่วงขนาดนี้ แต่ช่อง3ของตระกูลมาลีนนท์และนายสรยุทธกลับแข็งขืน ไม่ยอมทบทวนบทบาทและท่าที ทุกภาคส่วนในสังคมที่ออกมาเคลื่อนไหวคงต้องกลับไปทบทวนตัวเองแล้วว่า จะรณรงค์ ใช้บทลงโทษทางสังคมกับช่อง 3 และนายสรยุทธอย่างไรต่อไปดี
อย่างไรก็ตาม การอยู่หรือไปของรายการ “เล่าข่าว” ทางช่อง3 สำหรับนายสรยุทธขณะนี้ไม่มีความสำคัญเท่าไหร่แล้ว เพราะปัญหาหนักอกอยู่ที่ ทำอย่างไรจะหลุดพ้นคดีทุจริต
ไม่ต้องจัดรายการ “เล่าข่าว” หันหลังจากอาชีพสื่อ นายสรยุทธสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ เพราะตักตวงเงินไว้นับพันล้านบาท
แต่ก็นั่นแหละ ถึงมีเงินเป็นพันล้านบาท เมื่อถูกตัดสินจำคุก 13 ปี 4 เดือน “สรยุทธ” เหมือนต้องตกนรกทั้งเป็น เพราะทำนายดวงชะตาตัวเองไม่ถูกว่า จะไปทางไหน ชีวิตจะถึงกาลอวสาน จบสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างหรือไม่
ต้องคอยดูกันต่อไปว่า นายสรยุทธจะยืนหยัด ทนต่อการทำเป็นหน้าชื่นอกตรมอยู่หน้าจอช่อง 3ไ ด้สักกี่น้ำ จะแบกรับความทรมานกับเสียง วิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมได้อีกนานเท่าไหร่
และยังมีจิตใจคิดหาเงินต่อไปอีกหรือ ในเมื่อเห็นวิบากกรรมที่ก่อไว้ตามหลอกหลอน จนน่าจะทำให้กินไม่ได้นอนไม่ได้ไปอีกนาน
คำตัดสินของศาลชั้นต้น เป็นการขีดชะตากรรมของนายสรยุทธ จนเริ่มมีคนตั้งคำถามว่า สุดท้ายนายสรยุทธจะอยู่รอรับฟังคำพิพากษาสิ้นสุดหรือไม่ มีความเป็นไปได้ไหมที่จะเผ่นหนีออกนอกประเทศ ตามรอยนายประชา มาลีนนท์ อดีตผู้บริหารช่อง3
บทลงโทษคดีทุจริตค่าโฆษณา อสมท นั้นหนักจริงๆ โดยจำเลยที่ 1 ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ส่วนนายสรยุทธ 13 ปี 4 เดือน แต่จะเป็นคดีตัวอย่างและเป็นบรรทัดฐานในบทลงโทษคนโกง
เพราะไม่ว่าจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่ขนาดไหน มีชื่อเสียงเพียงใด หรือแม้แต่เป็นสื่อที่ประชาชนทั่วประเทศชื่นชอบ แต่เมื่อกระทำความผิด เมื่อทุจริต กฎหมายไม่อาจละเว้นได้
คดีทุจริตกำลังทยอยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนับไม่ถ้วน มีทั้งการทุจริตของข้าราชการระดับปลาซิวปลาสร้อย จนถึงการทุจริตของคนระดับรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีขอขึ้นเขียงอยู่
คำตัดสินจำคุก “สรยุทธ” น่าจะทำให้สังคมเกิดความมั่นใจว่า นับจากนี้ คนโกงจะไม่มีวันลอยนวล แต่ต้องทยอยกันเข้าคุก ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม
บทลงโทษคดี “สรยุทธ์” ไม่ใช่การเชือดไก่ให้ลิงดู แต่เป็นคดีที่ส่งสัญญาณให้สังคมรับรู้ว่า คนโกงจะไม่มีที่ให้ยืนอีกต่อไป ใครที่โกง ต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้
คดีทุจริตรอชี้ชะตาอีกมากมายก่ายกอง รวมทั้งคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งนาวสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกับนายสรยุทธ ไม่รู้จะหาทางดิ้นให้หลุดจากคดีได้อย่างไร
ใครที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีโกง ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากเตรียมทำใจ เตรียมบีบน้ำตาไว้ล่วงหน้าก็ได้ เพราะนอนคุกแน่ๆ
“สรุยทธ์”โกงระดับร้อยล้านบาทยังไม่รอดเลย คนที่โกงเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาทจะรอดได้อย่างไร