ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - มีความเชื่ออยู่ลึกๆว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นผู้นำที่มีเหตุผล รับฟังประชาชนและคอยติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่เป็นประจำ วันนี้จึงต้องการสื่อไปยังท่านนายกฯ โดยเฉพาะในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำแต่ได้ฝาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันเป็นหน่วยงานสำคัญไว้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะพี่ชายและอดีตผู้บังคับบัญชาที่นับถือ ให้กำกับดูแล
เพราะวันนี้ องค์กรแห่งนี้กำลังมีปัญหา กล่าวถึงผลงานพอมีอยู่บ้าง แต่ภาพลักษณ์กำลังสาละวันเตี้ยลงๆ จนเกือบจะจมดินกันไปแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อเข้ามาร่วมเป็นร่วมตาย ทหาร-ตำรวจ ตกอยู่ในสถานะต้องจับมือปฏิรูปสังคม รวมทั้งฝ่าด่านความขัดแย้งไปจนกว่าจะถึงเลือกตั้งในปีหน้า ทำอย่างไรจะก้าวลงจากหลังเสือแบบไม่ใช่ “ตกจากตึก” ทำอย่างไรสังคมจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น...เหล่านี้คือโจทก์ข้อสำคัญ เพราะในฐานะทหารเป็นรั้ว ตำรวจเป็นบ้าน ถ้าบ้านผุ บ้านมีปลวกขึ้นมันก็อยู่ลำบาก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. คือลูกผู้ชายแท้ เรื่องไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน ถือว่าจิ๊บๆสำหรับท่าน เพราะแม้แต่ชีวิตท่านก็ไม่สน ประกาศสู้แค่ตายใครในรัฐบาลนี้กล้าอย่างลุงตู่บ้างล่ะ
คุณสมบัติข้อนี้จึงเป็นจุดแข็ง เป็นจุดที่ซื้อใจคนไทยส่วนใหญ่ไว้ แต่สรรพสิ่งในโลกนี้มันมี 2 ด้านเสมอไม่มืด ก็สว่าง ดำ-ขาว แข็ง-อ่อน เรื่องราวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เชื่อว่าทุกปัญหาท่านนายกฯรู้อยู่เต็มอก ใครของจริง ของปลอม หรือชั่วดีถี่ห่างท่านรู้หมด เว้นแต่จะพูดหรือไม่เท่านั้น
ผ่านมาเกือบ 2 ปีถ้ามีโอกาสถาม ก็อยากจะถามท่านนายกฯว่า รู้สึกหนักใจกับผลงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติบ้างหรือไม่
แน่นอน คำตอบย่อมออกมาว่า รู้สึกหนักใจ
โดยเฉพาะนายพลตัวดำๆ ที่ท่านถึงกับเอ่ยถึงความจำเป็นว่า เหตุใดต้องเอามาใกล้ตัว เอามาใช้สอย
พร้อมกับข่าวแตกคอกับนายตำรวจใหญ่คนหนึ่ง ที่รู้สึกอึดอัดกับการสอดไส้โผ แต่อีกทางหนึ่งมีพรายกระซิบบอกว่า ก็แค่ละครฉากใหญ่ มีหรือที่ 2 คนนี้จะแยกจากกัน เหมือน “อิน-จัน” ผ่าออกวันไหนมีแต่ตายกับตาย ที่ต้องสร้างเรื่องจัดฉากก็เพราะไม่อยากให้ท่านนายกฯ เกิดความเคลือบแคลงใจในบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับ รอง ผบก. - สารวัตร ในเที่ยวนี้ ...ขืนนายพลตัวดำที่ลุงตู่ เขม่นอยู่ยังมีบทบาท บี้ซ้ายบี้ขวาแบบแรงไม่ตก หรือลูกสูบไม่สะดุด คนจะซวยก็คือพี่ เชื้อ ที่มียศ-ตำแหน่งใหญ่กว่า
กอปรกับความขัดแย้งลึกๆ ในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งใครก็ทราบว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.น.1 เป็นคนของนายกฯประยุทธ์...ขยันแทบตาย ทำงานไม่หลับไม่นอน อยู่ในตำแหน่งพร้อมๆกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. แต่วันนี้ยังเป็นเพียงรักษาการ ผบช.น. อะไรจะขนาดนั้น...เกิดอะไรขึ้น...มีการขัดแข้งขัดขา หรือทำงานไม่ผ่านการประเมิน !!??
พูดถึง รรท.ผบช.น. ก็ต้องแสดงความเห็นอกเห็นใจกับท่าน (จริงๆ) เพราะ “มือ-ไม้” หรือคนทำงานที่ไว้ใจไม่มีโอกาสจับจองเก้าอี้ตัวสำคัญๆ ใน บช.น. ตัวอย่าง ผบก.191 ซึ่งตามปกติจะต้องเป็นคนของ น.1 แต่ที่เห็น และที่เป็นอยู่ พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ คือเพื่อนร่วมรุ่น นรต.35 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีต ผบช.น. ที่เอามาแหมะไว้ก่อนหน้าในสมัยที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
อีกคนคือ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สืบสวน บช.น. ก็คือเพื่อน นรต.35 เป็นมือไม้ของ “บิ๊กปู” และในตอนนี้งานส่วนใหญ่ก็คือด้านความมั่นคง ที่ไปช่วยราชการตรงส่วนนั้น วันๆมีแต่สืบค้นเรื่องการเมืองจนไม่ทราบว่าตำแหน่ง ผบก.สส.บช.น. จะหนักไปทาง “การบ้าน” หรือ “การเมือง” กันแน่
งานของ รรท.ผบช.น. ก็เลยเป็นมวยพันธุ์ขยัน สร้างผลงานด้วยลำแข้งตัวเอง ถูกนินทาบ้าง ค่อนแคะบ้าง หาว่าแย่งผลงานลูกน้องแต่สำหรับคนใจเป็นกลาง คนที่มอง พล.ต.ท.ศานิตย์ ด้วยความเข้าอกเข้าใจ อาจจะต้องเหลือบไปยังลุงตู่ เจ้าของค่าย พร้อมกับคำถามว่า ไม่สงสารเขาหรือที่ส่งมาลุยกับเสือสิงห์ กระทิง แรด ด้วยอาวุธประจำกายแค่หนังสติ๊ก !!??
กลายเป็นข้าวนอกนา มวยต่างค่าย เพราะใครๆ ก็สายตรงฟาร์มโชคชัย บรรยากาศแบบนี้อย่าปล่อยไว้นานเกินไป ท่านนายกฯ จะกระแอม หรือจะสั่งให้ชัดเจนตรงไหนก็ว่าไป เพราะตอนนี้สิ่งที่เกิดผลกระทบแล้วแน่ๆ ก็คือตำรวจส่วนใหญ่พากันเกียร์ว่าง ส่งผลไปถึงความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน
ดูข่าวเจอแต่ปล้นร้านทอง ยกตู้เอทีเอ็ม. พอดูคลิป ก็มีแต่ตำรวจทะเลาะกับประชาชน และที่น่ากังวลที่สุดก็คือ คดีประเภทลัก วิ่ง ชิง ปล้น ที่มิได้เป็นข่าว คดีชาวบ้านโดนตีนแมวงัด 3 รอบ 8 รอบ เหล่านี้ตำรวจเกือบทั้งประเทศเขาได้รับสัญญาณจากผู้บังคับบัญชาให้เป่าทิ้ง...ในฐานะผู้กำกับดูแล ”ปู่ป้อม” ว่างๆ ก็ลองถาม หรือแนะนำให้ท่านรองนายกฯ เล่นไม้แข็งกับน้องๆนุ่งๆ ทั้งหลายดูบ้าง สถิติอาชญากรรมที่ส่งมาแต่ละเดือนนั้น มันของจริงหรือของปลอม
นี่คือตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ที่อยากเรียนให้ท่านนายกรัฐมนตรี ทราบ...ขออย่าเพิ่งเชื่อคำรายงานจากตำรวจ เพราะข้อมูลที่ส่งตรงมานั้น...เบื้องหน้าเบื้องหลังของแต่ละคนใช่ย่อยซะที่ไหน...เรื่องนี้ ลุงตู่ ก็รู้ดี... เกรงว่างานราชการบ้านเมืองในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถ้ามัวเกรงใจกัน ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับส่วนรวมเรื่องการประจบประแจงในระบบราชการไทย มันมีมานานแล้ว ท่านใดที่หนักแน่น ไม่หลงกับคำเยินยอก็ยังเป็นมวยหลัก ประชาชนหวังพึ่งพิงได้ แต่ถ้าเคลิ้มๆไปด้วยระวังจะพังกันเป็นแถบ
วันก่อนมีข่าวขบวนการชเลียร์ นายกฯ จัดทำสคริป”ลุงตู่สู้ๆ” เป็นประเด็นให้เกิดการถกเถียงกันอีก ฝ่ายหนึ่งบอกว่าการชเลียร์ เป็นเรื่องดี เป็นเรื่องปกติ อีกฝ่ายเขาก็ว่าไม่เหมาะสม-ผิดปกติ แต่คำตอบน่าจะอยู่ที่ว่า ถ้าทุกคนยังเห็นแก่ตัว ทุกคนยังไม่คำนึงถึงหลักธรรมมาภิบาล หลักนิติรัฐ-นิติธรรม แค่กำลังใจหรือชเลียร์ที่ทำกันอยู่นั้น ต่อให้ท่านนายกฯ สู้จนตาย ก็ยากจะนำพาสังคมไทยไปสู่จุดที่ฝันกันได้