**ประเด็นไอเดียการแต่งตั้ง “ผู้กำกับ(ผกก.)ผู้หญิง”ให้นั่งเก้าอี้ “หัวหน้าโรงพัก”ที่กำลังถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางขณะนี้ ทั้งในสังคมทั่วไปและแวดวง”สีกากี”ดูเหมือนจะเป็นการตอกลิ่มรอยร้าวความขุ่นข้องหมองใจ ระหว่าง“บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่สีกากี กับ”ผบช.แป๊ะ”พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาการ ผบช.น. ให้ปริแยกแตกลึกลงอีกครั้ง
หลังจากพล.ต.ท.ศานิตย์ จุดประกายแนวคิดในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ“นายพัน”ตำแหน่ง สารวัตร(สว.)-รองผู้บังคับการ(รองผบก.) ประจำปี 2558 ที่จะเกิดขึ้นภายในเดือนเม.ย.นี้ จะจัดสรรโควตาเก้าอี้ “ผกก.”1 ตำแหน่ง จากตำแหน่งหัวหน้าสถานีตำรวจนครบาล ทั้งหมด 88 สถานี แต่งตั้ง“ผกก.หญิง”ขึ้นมาอยู่ตำแหน่งหลัก ตำแหน่งหัวหน้าโรงพัก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในนครบาล
เพราะแม้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะยอมรับไอเดียพล.ต.ท.ศานิตย์ เป็นแนวคิดที่ดี เนื่องจากตำรวจหญิงก็มีสิทธิที่จะเป็นได้ และที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็สนับสนุนความก้าวหน้าของผู้หญิงในการแต่งตั้งโยกย้าย และแต่ละครั้งมีการแต่งตั้งตำรวจหญิงให้ดำรงตำแหน่งระดับ ผกก.ในหน่วยงานต่างๆ อยู่แล้ว
**แต่....“แม่ทัพใหญ่สีกากี”ก็บอกเงื่อนไขในการแต่งตั้ง “ผกก.หญิง”เป็นหัวหน้าโรงพัก ต้องดูปัจจัยหลายๆอย่างประกอบด้วย จะได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน รวมทั้งการแต่งตั้งก็คงไม่ใช่เร็วๆนี้ ต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่น พร้อมดูสถานการณ์บ้านเมืองประกอบด้วยเหมือนลูบหลัง แล้วตบหัว !!
ขนาดถูกถามว่า แนวคิดของพล.ต.ท.ศานิตย์ จะแต่งตั้งให้ตำรวจหญิงเป็น ผกก.โรงพักนครบาลที่มีเนื้องานน้อย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังย้อนถามโรงพักไหนมีเนื้องานน้อย เพราะตัวเองเคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลมาก่อน ไม่เคยเห็นสน.ไหนงานน้อย
จับใจความท่าที แม่ทัพใหญ่สีกากี เหมือนจะแบ่งรับแบ่งสู้กับแนวคิด “ผกก.หญิง”โรงพักนครบาล
แต่ถ้าถอดรหัสคำตอบที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ถูกซักซ้ำ ก็ชัดเจนไม่ต้องตีความให้ยุ่งยาก “ไม่ซื้อ”ไอเดีย “ผบช.แป๊ะ”ที่เสนอให้”ผกก.หญิง”มาคุมโรงพัก
สอดคล้องเป็นจังหวะเดียวกับเพื่อนเลิฟร่วมรุ่น นรต.36 ของ”บิ๊กแป๊ะ”อย่าง “บิ๊กช้าง”พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 ก็ออกมาต่อต้านแนวคิดนี้เช่นกัน ด้วยเหตุผลกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นงานที่เน้นการปราบปราม จู่โจม ระดมกวาดล้าง คิดว่ายังไม่พร้อมที่จะรับหัวหน้างานเป็นผู้หญิงในขณะนี้
“ผมไม่ได้ปิดกั้นหรือกีดกันว่าผู้หญิงทำงานไม่ได้ เพียงแต่เล็งเห็นประโยชน์ขององค์กรเป็นหลัก และมองว่าขณะนี้ทางหน่วยงานผมยังไม่พร้อม ซึ่งหากอนาคตทุกอย่างลงตัว ก็อาจจะสามารถเปิดรับได้”
ไม่ใช่เรื่องแปลกกับเหตุผลและความคิดเห็นของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ หรือ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ ที่แบ่งรับแบ่งสู้แนวคิด “ผกก.หญิง”เป็นหัวหน้าโรงพัก แทนที่จะ”ปฏิเสธ”ทันทีทันใด ทั้งๆ ที่จับท่วงทำนองเนื้อหาคำพูดที่ถูกถ่ายทอดออกมา ก็ทิ้งน้ำหนักไปที่ “ไม่เอา”มากกว่า “เอา”
ตามสไตล์ “นักสืบ”ตำรวจที่จะเป็นหัวหน้าโรงพัก ต้องทำหน้างานสืบสวน ปราบปราม จับกุม ตำรวจชายจึงดูคล่องตัวและลุยมากกว่าตำรวจหญิง แต่ในมุมของพล.ต.ท.ศานิตย์ อาจจะมองในเรื่องงาน”สอบสวน”ซึ่งเป็นสายที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ เติบโตขึ้นมาว่า หากได้ขึ้นมาบริหารโรงพักก็น่าจะสามารถทำได้
มุมองใครก็มุมมองมัน ไม่มีผิด ไม่มีถูก อยู่ที่ทัศนะของแต่ละบุคคล
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจ จนไม่รู้ว่าจะเรียกว่าบังเอิญหรือจงใจก็คือ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กับ พล.ต.ท.ศานิตย์ ดูจะมีคำว่า “แต่”เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ ไม่มีอะไรราบรื่น แบบโรยด้วยกลีบกุหลาบซักครั้ง จนหลายคนในสังคมเกิดคำถาม เกิดข้อสงสัย“บิ๊กแป๊ะ”กับ”ผบช.แป๊ะ” มีอะไรขัดข้องเคืองใจ หรือมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า
**เหตุที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์เช่นนั้นก็เพราะ พล.ต.ท.ศานิตย์ ทำหน้าที่ “รักษาการ ผบช.น.”มาเกือบจะครึ่งปี หรือ 6 เดือนแล้ว ยังไม่มีทีท่าที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะแต่งตั้งให้เป็น “ผบช.น.”ตัวจริงเสียงจริงเสียที หรือพอจะแต่งตั้งหน่อย ก็มักจะมีเงื่อนไข มีข้อต่อรอง
ตั้งแต่เรื่องการแก้ปัญหาจราจรภายใน 3 เดือน เพื่อนำมาประเมินในการแต่งตั้ง หรือล่าสุดที่ แม่ทัพใหญ่สีกากี ส่งสัญญาณจะทำบัญชีแต่งตั้ง “นายพล”นอกฤดู ถึงจะชมว่า สอบผ่าน ขยัน เมื่อมีเหตุก็ลงพื้นที่ไปอำนวยการด้วยตนเอง เร็วๆนี้ คงมีการแต่งตั้ง ผบช.น. ตัวจริง แต่จะใช่ พล.ต.ท.ศานิตย์ หรือไม่ก็ทายยาก
“พล.ต.ท.ศานิตย์ ถือว่าสอบผ่าน ผมก็ได้รับฟังข่าวสารจากใน บช.น. ก็พบว่าขยันดี ตั้งใจทำงาน แต่ทุกคนก็มีทั้งข้อชม และข้อติ แต่ข้อติมีน้อย เป็นอย่างไรตัวท่านเองก็รู้ตัว ผมเป็นผบ.ตร. ก็รับฟังข้อมูลข่าวสาร”
เรียกว่าระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กับ พล.ต.ท.ศานิตย์ ทุกๆเรื่องไม่สุด ไม่ชัดเจน ล้วนแต่มี “แต่”ให้ขบคิด ให้ต้องตีความ ไม่มีอะไรที่ไฟเขียวผ่านตลอด ไม่มีอะไรที่เล่นร้องไปตามคีย์เดียวกัน
**ดูท่ารอยร้าว“2 แป๊ะ”นับวันจะยิ่งขยายลงลึกไปเรื่อยๆ...
หลังจากพล.ต.ท.ศานิตย์ จุดประกายแนวคิดในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ“นายพัน”ตำแหน่ง สารวัตร(สว.)-รองผู้บังคับการ(รองผบก.) ประจำปี 2558 ที่จะเกิดขึ้นภายในเดือนเม.ย.นี้ จะจัดสรรโควตาเก้าอี้ “ผกก.”1 ตำแหน่ง จากตำแหน่งหัวหน้าสถานีตำรวจนครบาล ทั้งหมด 88 สถานี แต่งตั้ง“ผกก.หญิง”ขึ้นมาอยู่ตำแหน่งหลัก ตำแหน่งหัวหน้าโรงพัก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในนครบาล
เพราะแม้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะยอมรับไอเดียพล.ต.ท.ศานิตย์ เป็นแนวคิดที่ดี เนื่องจากตำรวจหญิงก็มีสิทธิที่จะเป็นได้ และที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็สนับสนุนความก้าวหน้าของผู้หญิงในการแต่งตั้งโยกย้าย และแต่ละครั้งมีการแต่งตั้งตำรวจหญิงให้ดำรงตำแหน่งระดับ ผกก.ในหน่วยงานต่างๆ อยู่แล้ว
**แต่....“แม่ทัพใหญ่สีกากี”ก็บอกเงื่อนไขในการแต่งตั้ง “ผกก.หญิง”เป็นหัวหน้าโรงพัก ต้องดูปัจจัยหลายๆอย่างประกอบด้วย จะได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน รวมทั้งการแต่งตั้งก็คงไม่ใช่เร็วๆนี้ ต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่น พร้อมดูสถานการณ์บ้านเมืองประกอบด้วยเหมือนลูบหลัง แล้วตบหัว !!
ขนาดถูกถามว่า แนวคิดของพล.ต.ท.ศานิตย์ จะแต่งตั้งให้ตำรวจหญิงเป็น ผกก.โรงพักนครบาลที่มีเนื้องานน้อย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังย้อนถามโรงพักไหนมีเนื้องานน้อย เพราะตัวเองเคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลมาก่อน ไม่เคยเห็นสน.ไหนงานน้อย
จับใจความท่าที แม่ทัพใหญ่สีกากี เหมือนจะแบ่งรับแบ่งสู้กับแนวคิด “ผกก.หญิง”โรงพักนครบาล
แต่ถ้าถอดรหัสคำตอบที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ถูกซักซ้ำ ก็ชัดเจนไม่ต้องตีความให้ยุ่งยาก “ไม่ซื้อ”ไอเดีย “ผบช.แป๊ะ”ที่เสนอให้”ผกก.หญิง”มาคุมโรงพัก
สอดคล้องเป็นจังหวะเดียวกับเพื่อนเลิฟร่วมรุ่น นรต.36 ของ”บิ๊กแป๊ะ”อย่าง “บิ๊กช้าง”พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 ก็ออกมาต่อต้านแนวคิดนี้เช่นกัน ด้วยเหตุผลกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นงานที่เน้นการปราบปราม จู่โจม ระดมกวาดล้าง คิดว่ายังไม่พร้อมที่จะรับหัวหน้างานเป็นผู้หญิงในขณะนี้
“ผมไม่ได้ปิดกั้นหรือกีดกันว่าผู้หญิงทำงานไม่ได้ เพียงแต่เล็งเห็นประโยชน์ขององค์กรเป็นหลัก และมองว่าขณะนี้ทางหน่วยงานผมยังไม่พร้อม ซึ่งหากอนาคตทุกอย่างลงตัว ก็อาจจะสามารถเปิดรับได้”
ไม่ใช่เรื่องแปลกกับเหตุผลและความคิดเห็นของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ หรือ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ ที่แบ่งรับแบ่งสู้แนวคิด “ผกก.หญิง”เป็นหัวหน้าโรงพัก แทนที่จะ”ปฏิเสธ”ทันทีทันใด ทั้งๆ ที่จับท่วงทำนองเนื้อหาคำพูดที่ถูกถ่ายทอดออกมา ก็ทิ้งน้ำหนักไปที่ “ไม่เอา”มากกว่า “เอา”
ตามสไตล์ “นักสืบ”ตำรวจที่จะเป็นหัวหน้าโรงพัก ต้องทำหน้างานสืบสวน ปราบปราม จับกุม ตำรวจชายจึงดูคล่องตัวและลุยมากกว่าตำรวจหญิง แต่ในมุมของพล.ต.ท.ศานิตย์ อาจจะมองในเรื่องงาน”สอบสวน”ซึ่งเป็นสายที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ เติบโตขึ้นมาว่า หากได้ขึ้นมาบริหารโรงพักก็น่าจะสามารถทำได้
มุมองใครก็มุมมองมัน ไม่มีผิด ไม่มีถูก อยู่ที่ทัศนะของแต่ละบุคคล
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจ จนไม่รู้ว่าจะเรียกว่าบังเอิญหรือจงใจก็คือ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กับ พล.ต.ท.ศานิตย์ ดูจะมีคำว่า “แต่”เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ ไม่มีอะไรราบรื่น แบบโรยด้วยกลีบกุหลาบซักครั้ง จนหลายคนในสังคมเกิดคำถาม เกิดข้อสงสัย“บิ๊กแป๊ะ”กับ”ผบช.แป๊ะ” มีอะไรขัดข้องเคืองใจ หรือมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า
**เหตุที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์เช่นนั้นก็เพราะ พล.ต.ท.ศานิตย์ ทำหน้าที่ “รักษาการ ผบช.น.”มาเกือบจะครึ่งปี หรือ 6 เดือนแล้ว ยังไม่มีทีท่าที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะแต่งตั้งให้เป็น “ผบช.น.”ตัวจริงเสียงจริงเสียที หรือพอจะแต่งตั้งหน่อย ก็มักจะมีเงื่อนไข มีข้อต่อรอง
ตั้งแต่เรื่องการแก้ปัญหาจราจรภายใน 3 เดือน เพื่อนำมาประเมินในการแต่งตั้ง หรือล่าสุดที่ แม่ทัพใหญ่สีกากี ส่งสัญญาณจะทำบัญชีแต่งตั้ง “นายพล”นอกฤดู ถึงจะชมว่า สอบผ่าน ขยัน เมื่อมีเหตุก็ลงพื้นที่ไปอำนวยการด้วยตนเอง เร็วๆนี้ คงมีการแต่งตั้ง ผบช.น. ตัวจริง แต่จะใช่ พล.ต.ท.ศานิตย์ หรือไม่ก็ทายยาก
“พล.ต.ท.ศานิตย์ ถือว่าสอบผ่าน ผมก็ได้รับฟังข่าวสารจากใน บช.น. ก็พบว่าขยันดี ตั้งใจทำงาน แต่ทุกคนก็มีทั้งข้อชม และข้อติ แต่ข้อติมีน้อย เป็นอย่างไรตัวท่านเองก็รู้ตัว ผมเป็นผบ.ตร. ก็รับฟังข้อมูลข่าวสาร”
เรียกว่าระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กับ พล.ต.ท.ศานิตย์ ทุกๆเรื่องไม่สุด ไม่ชัดเจน ล้วนแต่มี “แต่”ให้ขบคิด ให้ต้องตีความ ไม่มีอะไรที่ไฟเขียวผ่านตลอด ไม่มีอะไรที่เล่นร้องไปตามคีย์เดียวกัน
**ดูท่ารอยร้าว“2 แป๊ะ”นับวันจะยิ่งขยายลงลึกไปเรื่อยๆ...