xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

คสช.มัดมือชกยันเลือกตั้ง ได้รัฐบาลใหม่ พท.หมดพลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - มาตรการหนักขึ้นเรื่อยๆ ทั้งท่าทีของ “บิ๊กหมู”พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่กร้าวว่าจะจับหมดพวกเกะกะ ถึงขนาดแทนสรรพนามว่า ตัว เช่นเดียวกับ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ขู่ฟ่อว่า จะไม่จับแล้วปล่อยเหมือนแต่ก่อน

เรียกว่า ทำหน้ายักษ์กันทั้งคสช. กับมาตรการคุมเข้มกลุ่มป่วนในช่วงการทำประชามติ ต้องบอกว่าไม่มีเบา มีแต่ยกระดับความเข้มข้นกันเรื่อยๆ เลยจุดกระมิดกระเมี้ยนเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่อีกฝ่ายพยายามโหมโรงไปแล้ว

แม้กระทั่งโลกโซเชียลมีเดีย ที่ใครล้อเลียนท่านผู้นำในช่วงนี้ มีอันโดนไล่เก็บ ลากเข้าซังเตชั่วคราวกันหมด ขุดคุ้ยประวัติการใช้คอมพิวเตอร์ อะไรหมิ่นเหม่ผิดกฎหมายจับดะ ไม่มีเว้น พร้อมเติ่มข้อหาให้เท่าที่มีพยานหลักฐาน ขนาดของแสลงท็อปบูตอย่างพวกปัญญาชน นิสิต นักศึกษา พรวดขึ้นมาทำกิจกรรม เจอตำรวจตามประกบติดไม่ให้จัดอีเวนต์กันสะดวก กะว่าเอาให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรำคาญจนเลิกล้มความตั้งใจที่จะทำกันไปเลย โมงยามนี้เอาแค่ขยับเขยื้อนทหารก็ถึงตัวทุกคน

แล้วมันก็เป็นอะไรที่ได้ผล ผลจากการจับกุมตัว 8 มือโพสต์ ทำให้เพจล้อเลียนทางการเมืองเงียบเป็นเป่าสากไปหลายวัน เพราะกลัวภัยจะมาถึงตัวเหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่ไม่คลีน มีการกระทำความผิดลักษณะอื่นอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อาจเจอข้อหาแถมเข้าไป นอกจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 เหมือน “บุรินทร์ อินติน” กลุ่มพลเมืองโต้กลับที่เจอโดนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไปอีกกระทง หรือกระทั่งคนที่เคลื่อนไหวร่วมกับ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว”ที่วันนี้เริ่มหายๆ กันไปหลายคน 

มุกเชือดไก่ให้ลิงดู ยกระดับไม่มีผ่อนปรนของ คสช. ทำเอากลุ่มต้านซาๆ ลงไปได้เยอะทีเดียว แม้กระทั่งนักการเมืองเองยังที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ก็ไม่ได้สุดโต่ง ยกเว้นบางคนที่ก็ถูกเล็งๆ เอาไว้เหมือนกัน เสียงคนนินทาหมาดูถูกว่า คสช.มัดมือชกให้ไปทำประชามติแทบจะไม่มีความหมายอะไรกับแป๊ะแล้ว ชั่วโมงนี้สนอย่างเดียว ขอแค่ให้ร่างรัฐธรรมนูญ “ผ่าน”เป็นพอ สง่างามหรือไม่ ไม่สำคัญแล้ว

จับอาการทำทุกอย่างให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านแม้จะถูกตราหน้าเลยเถิดว่า มากกว่ามัดมือชก แต่เป็นมัดตราสังข์ มันต้องมีอะไรมากกว่าแค่ต้องการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เท่านั้น แน่นอนทางหนึ่งถ้ารัฐธรรมนูญผ่านไปได้ คสช.ก็เบาใจขึ้นเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยโรดแมปที่ตั้งใจจะให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในปี 2560 ก็เข้าใกล้เข้าจริงทุกขณะ แรงเสียดทานจากต่างชาติจะลดน้อยลง เพราะประเทศไทยกำลังเข้าสู่บรรยากาศของการเลือกตั้ง ประชาชนจะไฮไลต์ไปที่หน้าตารัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ว่าจะเป็นใคร มากกว่าสิ่งที่ คสช.กำลังทำอะไรหลังจากนั้น

การเคลื่อนไหวต่างๆ จะไม่สามารถกดดันรัฐบาลได้มากนัก เพราะประชาชนส่วนใหญ่หันไปตั้งหน้าตั้งตารอการเลือกตั้ง ตามที่รัฐบาลตีฆ้องร้องป่าวว่าจะเกิดขึ้นหลังรัฐธรรมนูญผ่าน นอกเสียจากเกิดความรุนแรงในประเทศ หรือมีการสร้างสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความตื่นตระหนกขึ้นมา ซึ่งโดยรวมแล้ว “บิ๊กตู่”กับท็อปบูต หายใจหายคอโล่งขึ้นมากกว่าตอนร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ผ่านประชามติ ที่ต้องลุ้นกันว่า จะมีตัวแปร อะไรเข้ามาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป

ข้อดีของการที่ร่างรัฐธรรมนูญผ่าน ยังทำให้รัฐบาลไม่ต้องมาพะว้าพะวงกับเรื่องนี้ สามารถหันไปทุ่มในจุดอื่นได้ คือ มีเวลามากขึ้นกว่าเก่า หลังที่ผ่านมาติดหล่มอยู่กับเรื่องรัฐธรรมนูญ มาตลอด 2 ปี จนไม่สามารถไปทำเรื่องอื่นๆได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะที่นักการเมืองก็มีเรื่องให้วิพากษ์วิจารณ์รายวัน เพราะการร่างรัฐธรรมนูญ เป็นเหมือนจุดอ่อนที่จะขยายภาพให้เห็นถึงความพยายามในการต่อทอดของ คสช.ได้อย่างชัดเจนที่สุด

ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ หากร่างรัฐธรรมนูญผ่าน แล้วคสช.ประคองสถานการณ์ไปสู่วันเลือกตั้งได้ งานจะเบาขึ้นเรื่อยๆ เพราะใครจะมาเคลื่อนไหวในช่วงเลือกตั้ง อาจเป็นการสร้างความอึดอัดใจให้กับประชาชน จะเป็นตัวร้ายในสายตาประชาชนที่อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพราะมีความหวังว่า หลายสิ่งหลายอย่างจะดีขึ้นเมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว แม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงบางคนเองที่อยากจะให้มีการเลือกตั้งใจจะขาด เพราะเบื่อหน่าย “บิ๊กตู่”อยากจะให้ไปเร็วๆ โดยไม่สนว่ากติกาอย่างที่นักการเมืองต่อต้าน มันจะเป็นจริงหรือไม่

ยิ่งถ้าการเลือกตั้งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่มีการเล่นสกปรกจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะยิ่งเป็นการสร้างพลานุภาพให้แก่ คสช. มากเข้าไปเป็นทวีคูณ ต่อให้รัฐบาลที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะเป็นรัฐบาลผสม หรือกระทั่งมีนายกฯ คนนอก ไม่ว่าจะรวมกันได้ด้วยวิธีใดก็ตาม จะดูเป็นการสมคิดกัน แต่การจะล้มรัฐบาลชุดนี้ ก็ไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่จะหาเรื่องเคลื่อนไหวยากเป็นหลายเท่า
 
อย่าลืมว่า ต่อให้หน้าตารัฐบาลชุดใหม่ จะยี๊ จะสะอิดสะเอียนเพียงใด แต่การจะปลุกม็อบมาตะเพิดอย่างที่แล้วๆ มาไม่ได้ทำง่ายๆ เหมือนตอนที่ยังเป็น“รัฐบาลทหาร”แน่ เพราะอย่างน้อยรัฐบาลชุดใหม่ ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มีความชอบธรรมมากกว่ารัฐบาลทหาร ที่เข้ามาทางลัดโดยการยึดอำนาจ การจะร้องแรกแหกกระเชอขอความร่วมมือจากต่างประเทศเพื่อกดดันแทบจะทำไม่ได้

เอาง่ายๆ อย่างพี่เบิ้มด้านประชาธิปไตย อย่างสหรัฐอเมริกา ที่วันนี้ยังหาช่องบีบรัฐบาลทหารได้เรื่อยๆ นั่นก็เป็นเพราะชาติประชาธิปไตยในโลกไม่มีใครยอมคบค้าสมาคมด้วยได้ถนัดถนี่ แต่ถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต่อให้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่มาอย่างไร แต่การจะมาเคลื่อนไหวกดดัน ถือเป็นการแทรกแซง

ในแง่ของการค้าการลงุทนกับต่างชาติ รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้ยี่ห้อหวยล็อก จะทำงานง่ายขึ้นกว่ายุคปัจจุบัน เพราะได้หน้ากากประชาธิปไตยมาสวมใส่ จากการเลือกตั้งแล้ว การบริหารประเทศจะไม่มีข้อจำกัด

ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองการเคลื่อนไหวอะไรก็ทำยากยิ่ง อำนาจรัฐในมือก็ด้วน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับ ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เขียนบอนไซ ปิดประตูตายไม่ให้มีช่องคืนสู่อำนาจอีกแล้ว ดังนั้น ถ้าคสช. ยอมหน้าหนาโดนตราหน้าว่าเผด็จการไปได้ จนดันทุรังถึงจุดนั้น ทุกอย่างจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก นี่จึงอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมคสช. ถึงขึงขังนัก
 
ส่วนพรรคเพื่อไทยเอง อย่างไรก็ไม่ยอมให้ถึงวันนั้น ในวันที่ตัวเองหมดหนทางกลับเข้าสู่อำนาจ ถ้าจะล้มก็ต้องล้มกันตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญ และก่อนเลือกตั้ง



กำลังโหลดความคิดเห็น