"บิ๊กหมู"ฮึ่ม กลุ่มเคลื่อนไหว "พวกเกะกะ-ก่อกวน" ต้องใช้กฎหมายจัดการ ไม่แค่เรียกมาปรับทัศนคติอีกแล้ว กลุ่ม"เรารักชาติ" ร้องกองปราบ สอบคนหนุนหลังด้านการเงินพวก"จ่านิว"ในการเคลื่อนไหวการเมือง ขณะที่ตำรวจชี้ คำร้องโยง"โอ๊ค"หนุน 8 มือโพสต์ ยันไม่ได้ทึกทัก หากหลักฐานโยงถึง ต้องเรียกตัวมาสอบ
วานนี้ (2พ.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์บ้านเมือง ภายหลังกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการทำประชามติ ร่างรธน.ว่า ตนก็ยังสงสัยว่าออกมาต่อต้านทำไม ในเมื่อต้องการประชาธิปไตย เพราะนี่คือสิ่งหนึ่งในการเริ่มทำประชามติ คนที่ไม่เห็นด้วย และเห็นด้วยกับร่างรธน. ขอให้ไปลงประชาติ ซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะมีความวุ่นวาย แต่พวกที่ทำให้เกิดความวุ่นวายนั้น เป็นคนมีปัญหา ตนจะไม่ปล่อยไว้แน่
"คนที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย มีอยู่ไม่กี่กลุ่ม หน้าเดิมๆทั้งนั้น ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวผมดูแลพวกนี้เอง ส่วนพวกที่ก่อกวน ทั้งโพสต์ข้อความลงโซเชียลฯ และจัดกิจกรรม ยืนเฉยๆ ถ้ามายืนเกะกะวุ่นวาย 3-4 คน สื่อมวลชนอีก 1 โหล เจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 100 นาย มันก็จะวุ่นวายไปหมด ผมคิดว่า อย่าไปให้ความสำคัญ ถ้าสื่อไม่ให้ความสำคัญ มันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้น มันเป็นเด็กๆ ผมคิดว่าในสถาบันต่างๆ มีเยาวชนนักศึกษาอีกมากที่ทำความดี มีจิตอาสา เก่งเรื่องการศึกษา และทุกเรื่อง ไปทำประโยชน์ให้สังคม สื่อควรไปทำข่าวแบบนี้บ้าง น้องๆ จะได้มีกำลังใจในการทำความดี ส่วนพวกเกะกะ ปล่อยมันไป เรียนหนังสือไม่จบเสียที " พล.อ.ธีรชัย กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า พวกนี้เป็นพวกกลุ่มก่อกวนใช่หรือไม่ พล.อ.ธีรชัย กล่าวว่า "กวนได้กวนไป ถ้ากวนเราก็จับ ส่วนกลุ่มที่เกิดจากพรรคการเมือง สื่อก็ทราบดีอยู่แล้ว สามารถหาตัวได้อยู่แล้ว เพราะมีการชี้นำไปด้านนั้นอยู่แล้ว สื่อฉลาด และรู้ อย่าไปสร้างความขัดแย้ง เราต้องการความสามัคคี ประเทศต้องเดินหน้าต่อไปได้ รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความสงบ พวกเราและสื่อต้องช่วยกัน"
เมื่อถามว่าทางเจ้าหน้าที่จะใช้ไม้แข็ง หรือเชือดไก่ให้ลิงดูหรือไม่ พล.อ.ธีรชัย กล่าวว่า ใครทำผิด ก็ไม่เว้น ขอให้ดูเอาเอง แต่คงไม่ใช่การเรียกมาปรับทัศนคติ เพราะที่ผ่านมาก็ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง
เมื่อถามต่อว่า ทางคสช.ระบุว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร มีความเชื่อมโยงกับขบวนการโพสต์ข้อความทางโซเชียลฯ พล.อ.ธีรชัย กล่าวว่า ขอให้สื่อดูเอา เพราะข้อมูลต่างๆ ก็ออกมาจากการสอบถาม และเขาก็ยอมรับตามนั้น แต่คงไม่จำเป็นต้องเชิญ นายพานทองแท้ มาพูดคุย ส่วนที่มีความพยายามดึงต่างประเทศเข้ามานั้น ตนถามว่าคนพวกนั้นเป็นคนไทยหรือไม่ เนื่องจากชอบชักศึกเข้าบ้าน ขอให้ไปดูตัวว่าใครบ้าง เพราะเป็นตัวเดิมทั้งนั้นที่ทำความเดือดร้อนให้ประเทศชาติและประชาชน ขณะนี้ประชาชนต้องการความสงบสุข และต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องภัยแล้ง ตอนนี้มีแค่เพียงคนไม่กี่คนนับตัวได้ และตนจะดำเนินการเอง
เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงสถานการณ์ก่อนถึงช่วงลงประชามติร่างรธน.หรือไม่ พล.อ.ธีรชัย กล่าวว่า ไม่ห่วง และตนมีวิธีดำเนินการ
ร้องกองปราบสอบหาท่อน้ำเลี้ยง
วานนี้ (2 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม นายชัชเชชฌ์ สงศรี ผู้ประสานงานเครือข่าย กลุ่ม“เรารักชาติ”กับพวก ได้เข้าพบ พ.ต.ท.มงคล พรมโสภา สว.(สอบสวน) กก.1บก.ป. เพื่อร้องทุกข์ให้ช่วยตรวจสอบกลุ่มทุนสนับสนุนความเคลื่อนไหวของกลุ่ม “ประชาธิปไตยใหม่”หลังจากกลุ่มดังกล่าวได้ออกมาจัดกิจกรรมทางการเมืองบ่อยครั้ง
นายชัชเชชฌ์ กล่าวว่า ตนต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตรวจสอบกลุ่ม“ประชาธิปไตยใหม่”ซึ่งมีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว กับพวก ที่มักจะรวมตัวกันออกมาเคลื่อนไหวทางการอยู่บ่อยครั้ง ด้วยวิธีที่หลากหลายรูปแบบ ทางกลุ่ม”เรารักชาติ”ต้องการเห็นความสงบสุขของบ้านเมือง จึงเกิดข้อสงสัยในการกระทำดังกล่าวว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนการจัดกิจกรรมทางการเมืองของกลุ่มดังกล่าวหรือไม่ และอยากทราบว่าแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ มาจากใคร
นายชัชเชชฌ์ กล่าวอีกว่า การมาเรียกร้องให้การมีตรวจสอบกลุ่ม“ประชาธิปไตยใหม่”ครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของกลุ่ม“จ่านิว”แต่อย่างใด แต่อยากให้ความจริงกระจ่างชัดปรากฏสู่สังคม และประชาชนทั่วไป จึงต้องมาร้องทุกข์กับกองปราบปรามดังกล่าว
ทั้งนี้ พ.ต.ท.มงคล ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ ก่อนส่งเรื่องให้กับผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
หากหลักฐานโยง'โอ๊ค'ต้องเรียกสอบ
ในวันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณี คำร้องฝากขัง 8 แอดมินเพจ เรารักพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า มีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหว ว่า เรื่องนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ด้านความมั่นคง กำกับดูแล โดยรอง ผบ.ตร. ย้ำว่า หากพบว่าใครเกี่ยวข้อง พยานหลักฐานโยงไปถึง ก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด จะไม่มีการการทึกทัก หรือออกหมายจับผู้ใดโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนเพียงรวบรวมหลักฐาน ส่วนการออกหมายจับเป็นดุลพินิจของศาล
ส่วนการระบุว่า นายพานทองแท้ ให้การสนับสนุนนั้น เป็นเพราะหลีกฐานชัดหรือไม่ ต้องสอบถามพล.ต.อ.ศรีวราห์
เมื่อถามว่า การระบุชื่อนายพานทองแท้ อยู่เบื้องหลังในคำร้องฝากขัง แสดงว่า ต้องมีหลักฐานชัดเจน รองโฆษกตร.กล่าว หากคำร้องระบุเช่นนั้น ก็ต้องดูปฏิกิริยาขยายผลต่อไป พนักงานสอบสวนคงกล่าวอ้างลอยๆ ไม่ได้ หากหลักฐานไปถึงพนักงานสอบสวน คงต้องดำเนินการ หากพยานหลักฐานเชื่อมไปถึง ก็ต้องเรียกนายพานทองแท้ มาสอบปากคำ ตามขั้นตอน โดยมีวิธีการออกหมายเรียก หมายจับ ตามกรอบเวลาอยู่แล้ว
พ.ต.อ.กฤษณะ ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว รวมทั้งกลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวอื่นๆว่า กฎหมายเปิดช่องให้แสดงความเห็นต่าง แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย รัฐบาลไม่ได้ปิดปาก กลุ่มบุคคลใดที่ออกมาแสดงความเห็น แสดงสัญลักษณ์ต่างๆเจ้าหน้าที่จะดูองค์ประกอบทั้งหมด อาจไม่ผิดกฎหมายหลัก แต่ผิดกฎหมายรอง หรือกฎหมายที่ลหุโทษ ตำรวจก็ต้องดำเนินการ เรื่องนี้ ผบ.ตร. สนองนโยบายรัฐบาล รักษาความสงบเรียบร้อยบ้านเมือง สั่งการให้สันติบาลติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ และให้ตำรวจท้องที่ ฝ่ายสืบสวนดูแลความสงบควบคู่การข่าว ผบ.ตร.สั่งการประเมินสถานการณ์ มองว่าสถานการณ์จะเริ่มจากหนัก ไปเบา
ทั้งนี้การจับกุมทั้ง จ่านิว และ พลเมืองโต้กลับ ที่มีการจับแล้วปล่อย ก็เพราะคำนึงทั้งหลักนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ดำเนินคดีตามกฎหมายที่มีอำนาจ ซึ่งรัฐบาล และ คสช.ไม่มีการสั่งการให้เว้นการจับกุม เพื่อรักษาสถานการณ์ไม่ให้รุนแรง แต่สั่งการให้ทำตามกฎหมาย ส่วนใครอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของนักศึกษาก็จับตาดูอยู่ ตอนนี้ยังไม่ทราบ เตือนว่าอย่าทำผิดกฎหมาย หากใครทำผิดหลักฐานไปถึง ต้องดำเนินคดี ใครเกี่ยวพันโยงไม่ถึงนปช. หรือไม่ ยังไม่ทราบ ยังบอกไม่ได้ รวมถึงกลุ่มทุนที่ต่อท่อน้ำเลี้ยง ก็ยังอยู่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน ส่วนจะเชื่อมโยงกับผู้สนับสนุนเพจ เรารัก พล.อ.ประยุทธ์ หรือ ไม่ เป็นเรื่องในสำนวน ตนไม่สามารถเปิดเผยได้
'ตู่' ป้อง'โอ๊ค' ถูกใส่ร้าย
วานนี้ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ และ นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำกลุ่มนปช. ได้เดินทางไปเยี่ยม 8 ผู้ต้องขัง ทีมแอดมินเพจเฟซบุ๊กสร้างเนื้อหาโจมตีรัฐบาล คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ หลังศาลทหารไม่อนุญาตให้ประกันตัว ตามที่พนักงานสอบสวนคัดค้าน เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง
หลังการเข้าเยี่ยมนายจตุพร กล่าวว่า การตั้งข้อกล่าวด้วย มาตรา 116 กับทั้ง 8 คนนั้น เป็นการตั้งข้อหาเกินความเป็นจริง ถ้าได้ติดตามคำบรรยายฝากขัง เหตุผลเดียวที่เกี่ยวข้องคือ การทำเพจล้อเลียนการเมือง แต่ มาตรา 116 เป็นการสร้างความกระด้างกระเดืองเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง กรณีนี้จึงไม่เข้าข่าย
"อยากให้ท่านนายกฯ ใจกว้างเหมือนกับอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ให้คำแนะนำ เพราะถ้าไม่ต้องการให้มีใครมาวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ต้องการให้ใครล้อเลียน ง่ายนิดเดียว ให้ท่านออกจากรัฐบาล แล้วกลับไปอยู่ที่บ้าน แต่การล้อการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าในประเทศไทยขณะนี้กลายเป็นว่านายกฯไทย ไม่สามารถแตะต้องได้ ใครไปกระทบก็ต้องถูก มาตรา 116 "
นายจตุพร กล่าวว่า ในการเขียนบรรยายคำฟ้อง อ้างความสนิทสนมว่ามีความสนิทกับตน กับนายณัฐวุฒิ กับนายก่อแก้ว และโยงไปถึงสนิทกับ นายพานทองแท้ ซึ่งเป็นเหตุให้นายพานทองแท้ นำเงินไปจ้างวานต่อนั้น เป็นการกล่าวหาที่ปราศจากหลักฐาน แต่ที่ระบุเกี่ยวกับหลักฐาน ก็มีเพียงเชื่อมโยงแค่สนิทสนม
"การสร้างความกลัวให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน ท้ายที่สุดเขาไม่กลัว เมื่อเขาไม่กลัวเขาจะกล้า กล้าแล้วเขาจะเกลียด ฉะนั้นสิ่งที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังทำ จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ พัง อย่าคิดว่าการมีอำนาจจะทำได้ทุกเรื่อง เรือนจำที่ผมมา ขังได้ทุกฝ่าย วันนี้อาจจะขังฝ่ายหนึ่ง วันข้างหน้าก็อาจจะขังอีกฝ่ายหนึ่ง" นายจตุพรกล่าว
นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว กล่าวว่าวันนี้มาเยี่ยมเพื่อนตามปกติ เพราะเห็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และมองว่า การควบคุมตัวเป็นการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ เพราะเป็นการแสดงความเห็นตามปกติ หลังจากนี้ตนก็จะเคลื่อนไหวเข้มข้นให้มากขึ้นขอให้ติดตามกันต่อไป
ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของทั้ง 8 คน กล่าวว่า เตรียมที่จะหารือเกี่ยวกับเรื่องของการประกันตัวผู้ต้องหา แต่ยังไม่มีกำหนดว่าจะยื่นเรื่องขอปล่อยชั่วคราวอีกครั้งในวันใด เพราะต้องหาเหตุผลไปแถลงต่อศาลทหาร