เอเจนซีส์-ศาลรัฐมิสซูรีสั่งปรับ "จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" 55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังถูกผู้บริโภคยื่นฟ้อง ใช้แป้งเด็กทาอวัยวะเพศ แต่ทำให้ป่วยเป็นมะเร็งรังไข่
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลรัฐมิสซูรี สหรัฐฯ ได้พิจารณาตัดสินคดีที่นางกลอเรีย ริสเตซูนด์ ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ที่ได้ยื่นฟ้องบริษัทผลิตแป้งเด็กชื่อดัง "จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" โดยมีคำตัดสินออกมาให้จอห์นสันฯ จ่ายค่าชดเชย 5 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับนางริสเตซูนด์ และอีก 50 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับค่าปรับที่ทางจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ทำให้เกิดความเสียหาย
ทั้งนี้ หลังมีคำตัดสิน แครอล กูดริช โฆษกของบริษัทแป้งเด็ก จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้ออกมาโต้ในคำตัดสินว่า คำพิพากษาขัดแย้งกับผลวิจัย 30 ปี ของทางบริษัทที่ทำขึ้นเพื่อเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ซึ่งทางจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป และจะยังคงปกป้องมาตรฐานความปลอดภัยผลิตภัณฑ์แป้งเด็กของทางบริษัทในทุกวิถีทาง
สื่อต่างประเทศรายงานอีกว่า ที่ผ่านมา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ถูกยื่นฟ้องถึง 1,200 คดี กล่าวหาว่าบริษัทไม่มีคำประกาศคำเตือนอย่างเพียงพอให้ผู้บริโภคได้รับทราบว่า ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กของบริษัทสามารถทำให้ผู้ใช้เสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคมะเร็งไข่ได้ และถือเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ที่บริษัทแพ้คดี โดยก่อนหน้านี้ ศาลรัฐมิสซูรีได้ออกคำตัดสินให้โจทก์ครอบครัวผู้เสียหายที่เสียชีวิตด้วยมะเร็งรังไข่ หลังใช้แป้งสำหรับสุขอนามัยสตรีเป็นเวลาหลายปี และได้ยื่นฟ้องบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ชนะคดี และได้รับค่าเสียหายจำนวน 72 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า ริสเตซูนด์โจทก์ ผู้ยื่นฟ้อง เปิดเผยว่า เธอได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่มีสารทาล์ก (talc) เป็นตัวหลัก ที่สารนี้อยู่ในผลิตภัณฑ์แป้งเด็กโรยตัวยอดนิยม แป้งเด็กจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และแป้งเย็น ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ ซึ่งทางริสเตซูนด์ ยืนยันว่าเธอได้ใช้แป้งเหล่านี้ เพื่อสุขอนามัยสตรีมานานหลายสิบปี
ขณะที่การแถลงของ เจอรี บิสเลย์ ทนายความของริสเตซูนด์ ระบุว่า ลูกความของเขา ได้เข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์ และพบว่า เธอได้ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งรังไข่ และจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดด้วยวิธีตัดมดลูกทิ้ง ซึ่งในขณะนี้โรงมะเร็งของเธอไม่ปรากฏอาการ และเธอรู้สึกยินดีต่อผลคำตัดสินที่ออกมา ซึ่งเชื่อว่าคำพิพากษาของคณะลูกขุนในครั้งนี้ จะเป็นการทำให้คดีสิ้นสุด และบังคับให้ทางจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ต้องรับผิดชอบต่อคดีที่มีคำฟ้องคล้ายกันในส่วนที่เหลือ
มีรายงานว่า หุ้นของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ตกลงทันที 18 เซ็นต์ หลังจากปิดทำการซื้อขายที่ 112.57 เหรียญสหรัฐ
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลรัฐมิสซูรี สหรัฐฯ ได้พิจารณาตัดสินคดีที่นางกลอเรีย ริสเตซูนด์ ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ที่ได้ยื่นฟ้องบริษัทผลิตแป้งเด็กชื่อดัง "จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" โดยมีคำตัดสินออกมาให้จอห์นสันฯ จ่ายค่าชดเชย 5 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับนางริสเตซูนด์ และอีก 50 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับค่าปรับที่ทางจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ทำให้เกิดความเสียหาย
ทั้งนี้ หลังมีคำตัดสิน แครอล กูดริช โฆษกของบริษัทแป้งเด็ก จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้ออกมาโต้ในคำตัดสินว่า คำพิพากษาขัดแย้งกับผลวิจัย 30 ปี ของทางบริษัทที่ทำขึ้นเพื่อเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ซึ่งทางจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป และจะยังคงปกป้องมาตรฐานความปลอดภัยผลิตภัณฑ์แป้งเด็กของทางบริษัทในทุกวิถีทาง
สื่อต่างประเทศรายงานอีกว่า ที่ผ่านมา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ถูกยื่นฟ้องถึง 1,200 คดี กล่าวหาว่าบริษัทไม่มีคำประกาศคำเตือนอย่างเพียงพอให้ผู้บริโภคได้รับทราบว่า ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กของบริษัทสามารถทำให้ผู้ใช้เสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคมะเร็งไข่ได้ และถือเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ที่บริษัทแพ้คดี โดยก่อนหน้านี้ ศาลรัฐมิสซูรีได้ออกคำตัดสินให้โจทก์ครอบครัวผู้เสียหายที่เสียชีวิตด้วยมะเร็งรังไข่ หลังใช้แป้งสำหรับสุขอนามัยสตรีเป็นเวลาหลายปี และได้ยื่นฟ้องบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ชนะคดี และได้รับค่าเสียหายจำนวน 72 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า ริสเตซูนด์โจทก์ ผู้ยื่นฟ้อง เปิดเผยว่า เธอได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่มีสารทาล์ก (talc) เป็นตัวหลัก ที่สารนี้อยู่ในผลิตภัณฑ์แป้งเด็กโรยตัวยอดนิยม แป้งเด็กจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และแป้งเย็น ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ ซึ่งทางริสเตซูนด์ ยืนยันว่าเธอได้ใช้แป้งเหล่านี้ เพื่อสุขอนามัยสตรีมานานหลายสิบปี
ขณะที่การแถลงของ เจอรี บิสเลย์ ทนายความของริสเตซูนด์ ระบุว่า ลูกความของเขา ได้เข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์ และพบว่า เธอได้ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งรังไข่ และจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดด้วยวิธีตัดมดลูกทิ้ง ซึ่งในขณะนี้โรงมะเร็งของเธอไม่ปรากฏอาการ และเธอรู้สึกยินดีต่อผลคำตัดสินที่ออกมา ซึ่งเชื่อว่าคำพิพากษาของคณะลูกขุนในครั้งนี้ จะเป็นการทำให้คดีสิ้นสุด และบังคับให้ทางจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ต้องรับผิดชอบต่อคดีที่มีคำฟ้องคล้ายกันในส่วนที่เหลือ
มีรายงานว่า หุ้นของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ตกลงทันที 18 เซ็นต์ หลังจากปิดทำการซื้อขายที่ 112.57 เหรียญสหรัฐ
