xs
xsm
sm
md
lg

สับขบวนการช่วย“ป๊อด” ไม่ต่าง พ.ร.บ.สุดซอย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการายวัน 360 - “ประวิตร” ปัดตอบ ป.ป.ช.ถอนฟ้องคดี 7 ตุลาฯช่วย “พัชรวาท” อ้างเป็นเรื่องข้อกฎหมาย ขณะที่คณะทำงานจ่อชงกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ปมถอนฟ้องเร็วๆนี้ “ปานเทพ” เปรียบขบวนการช่วยพวกพ้องไม่ต่าง “รบ.ยิ่งลักษณ์” ดัน พ.ร.บ.สุดซอย จนเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง “สุริยะใส” เตือน ป.ป.ช.ระวังพัง ชี้ต้องให้ศาล รธน.ชี้ขาดอำนาจ ซัดเอาระบบถ่วงดุลบ้านเมืองไปช่วยบางคน สะท้อนความล้มเหลวนิติรัฐ-นิติธรรม

วานนี้ (21 เม.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อาจจะยื่นถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 ซึ่งมี เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) น้องชายของ พล.อ.ประวิตร เป็นหนึ่งในจำเลยว่า ไม่ทราบรายละเอียด และคิดว่ายังไม่มี มีแต่อยู่ในข่าวเท่านั้น จึงไม่มีความคิดเห็น เพราะเป็นเรื่องกฎหมาย ไม่ทราบด้วยว่าตามขั้นตอนจะถอนฟ้องได้หรือไม่

เมื่อถามว่า รู้สึกลำบากใจหรือไม่เพราะเกี่ยวข้องกับบุคคลในครอบครัว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ลำบากใจ เพราะไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เป็นเรื่องของกฎหมาย

** “สรรเสริญ” รับเผือกร้อนหาช่องถอนฟ้อง

รายงานข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช.แจ้งว่า หลังจากที่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง เห็นว่า ตามข้อกฎหมาย ป.ป.ช.มีอำนาจในการยื่นคำร้องถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 ตามที่จำเลย 3 ใน 4 ราย ประกอบด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ทำเรื่องขอความเป็นธรรมเข้ามา ขณะนี้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ได้มอบหมายให้ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อพิจารณารายละเอียดความเหมาะสมที่จะดำเนินการถอนฟ้อง

โดยประเด็นที่คณะทำงานต้องไปพิจารณา ประกอบด้วย รายละเอียดของเหตุการณ์ในวันที่ 7 ต.ค.51 พร้อมกับให้นำคดีดังกล่าวไปเทียบเคียงกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่คณะกรรมการป.ป.ช. มีมติยกคำร้องข้อกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งขณะนี้คณะทำงานได้ดำเนินการรวบรวมรายละเอียดเกือบครบถ้วนแล้วรอที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวเร็วๆ นี้

** “ปานเทพ” เปรียบไม่ต่าง พ.ร.บ.สุดซอย

ทางด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดอำนาจการปกครอง ก็เพราะความพยายามผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือที่เรียกกันว่า พ.ร.บ.สุดซอย ที่ต้องการล้างความผิดและเอื้อประโยชน์ให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง จนเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงและมีปัญหาความขัดแย้งอย่างหนัก หากรัฐบาล คสช.ซึ่งเป็นความหวังของประชาชน และอ้างตัวเองว่าเป็นรัฐบาลที่มาทำหน้าที่เพื่อการปฏิรูปประเทศปล่อยให้ ป.ป.ช.ถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ หรือกระบวนการใดก็ตามที่เป็นไปในทำนองเดียวกับการนิรโทษกรรมเพื่อพวกพ้องตัวเองในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ประชาชนยอมรับไม่ได้ เพราะเท่ากับว่ารัฐบาล คสช.ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ที่ คสช.เองก็กล่าวหาว่าไม่มีความชอบธรรม

“เป็นที่รู้กันดีว่า หาก ป.ป.ช.ยื่นถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ บุคคลที่ได้ประโยชน์โดยตรงก็คือ ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวของผู้ที่มีอำนาจในขณะนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงรัฐบาล คสช.ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย” นายปานเทพ ระบุ

** “ยะใส” ติง ป.ป.ช.อ้างมีอำนาจเองไม่ได้

เช่นเดียวกับ นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯที่กล่าวว่า ป.ป.ช.ต้องมีคำอธิบายต่อสังคม เพราะถ้านำไปสู่การถอนฟ้องจริงๆ จะอ้างว่ามีอำนาจตามกฎหมายนั้นฟังไมขึ้น อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะมูลเหตุของคดีคือ มีคนเจ็บและคนตาย ภาพประวัติศาสตร์ก็เป็นการยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ใช้กำลังยิงถล่ม ทั้งกระสุนปืน แก๊สน้ำตาหมดอายุ แก๊สน้ำตาด้อยคุณภาพ อีกทั้งคดีความก็ยังขึ้นศาลกันยังไม่จบ อยู่ๆ จะมาถอนฟ้องผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งการนั้นไม่ถูกต้อง การตัดตอนด้วยการถอนฟ้องถือเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมและหลักการถ่วงดุลอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง ที่สำคัญหาก ป.ป.ช.จะบอกว่า มีอำนาจถอนฟ้องคงฟังไม่ขึ้น และจะถูกมองว่าตีความเข้าข้างตัวเอง เพราะเรื่องนี้ผู้ที่จะวินิจฉัยว่า ป.ป.ช.มีอำนาจแค่ไหนคือ ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเรื่องเขตอำนาจขององค์กรอิสระ

“ถ้า ป.ป.ช.บอกว่า มีอำนาจตามกฎหมาย ก็ต้องต่อถึงเรื่องความชอบธรรม อย่าลืมว่าบทเรียนหนึ่งที่ป.ป.ช.เคยสร้างปัญหาคือ กรณีขึ้นเงินเดือนตัวเองจนพังกันทั้งองค์กรมาแล้ว” นายสุริยะใส ระบุ

** แนะให้จำเลยไปต่อสู้ในชั้นศาล

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า เรื่องนี้จะเกิดคำถามว่า ทำเพื่อใคร ใครสั่ง ภารกิจนี้มีใครอยู่เบื้องหลัง ใครบงการมา ถ้าป.ป.ช.อธิบายไม่ได้ จะเป็นจุดจบของระบบถ่วงดุลการตรวจสอบ เรื่องปราบโกงเลิกพูดกันได้เลย ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ถูกตรวจสอบตามกฎหมายอย่างเสมอหน้าเหมือนกับประชาชนทั่วไป เรื่องปราบโกงจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ และคิดว่าถึงที่สุดไม่มีใครยอม อาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องว่ามีอำนาจหรือไม่ แต่เป็นเรื่องความชอบธรรมว่าฟังขึ้นแค่ไหน ถ้ามีถอนฟ้องจริงๆ จะเท่ากับการขุดศพผู้เสียชีวิตขึ้นมาฆ่าอีกครั้งหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้มีการตั้งข้อสังเกตกันถึงความสัมพันธ์ระหว่าง พล.ต.อ.วัชรพล ประธานป.ป.ช.ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของ พล.ต.อ.พัชรวาท นายสุริยะใส กล่าวว่า ยิ่งจะทำให้ชัดขึ้น คนจะมองว่าไม่ใช่องค์กรอิสระอย่างแท้จริง แล้วจะมองมาที่ตัวประธาน ป.ป.ช.คนปัจจุบัน รวมทั้งกรรมการหลายคนที่ถูกตั้งข้อสังเกตก่อนหน้านี้ จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ด้านลบ จะกระทบความน่าเชื่อถือของ ป.ป.ช.เวลาวินิจฉัยคดีต่างๆในอนาคต หากจำเลยมีหนังสือขอความเป็นธรรมเข้ามา ก็ต้องไปว่าในศาล เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสิน สามารถเอาหลักฐานใหม่เหล่านี้ไปให้ศาลไต่สวนได้ แต่ถ้าบอกมีหลักฐานใหม่แล้วจะให้ถอนฟ้อง อย่างนี้แสดงว่ากรรมการ ป.ป.ช.ชุดเก่าใช้ไม่ได้ใช่หรือไม่ ไม่อย่างนั้นต้องไปรื้อคดีอื่นที่สั่งฟ้องไปแล้วกันอีก คงเป็นโดมิโนกันไป ดังนั้น อะไรที่ป.ป.ช.วินิจฉัยสิ้นสุดไปแล้วต้องจบ หากไม่เห็นด้วยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แล้วขณะนี้ศาลยังไม่ได้ตัดสิน ยังมีเวลาพิสูจน์ตัวเองถ้ามั่นใจในความบริสุทธิ์

“เรื่องนี้ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะจะถูกมองว่าช่วยคนใดคนหนึ่ง เอาขื่อแป ระบบกฎหมาย ระบบถ่วงดุลบ้านเมือง ไปกระทำการบางอย่างเพื่อช่วยคนใดคนหนึ่ง จะกลายเป็นความล้มเหลวของระบอบนิติรัฐ นิติธรรม” นายสุริยะใส กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น