xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” จวกถอนฟ้อง “7 ตุลาเลือด” ไม่ต่างนิรโทษสุดซอย - “สุริยะใส” ซัดขุดศพขึ้นมาฆ่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ (ภาพจากแฟ้ม)
อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ชี้ “วัชรพล” ใช้อำนาจ ป.ป.ช. พยายามถอนฟ้อง “7 ตุลาฯ 51” ไม่ต่างกับพรรคเพื่อไทยนิรโทษสุดซอย เอื้อประโยชน์ตัวและพวกพ้อง “สุริยะใส” อัดยับภาพประวัติศาสตร์เห็นกันอยู่ แก๊สน้ำตาคุณภาพต่ำทำคนบาดเจ็บล้มตาย กลับทำลายความยุติธรรม เท่ากับขุดศพขึ้นมาฆ่า ยิ่งเด่นชัดช่วย “พัชรวาท” น้อง “ประวิตร”

วันนี้ (21 เม.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตแกนนำและโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกระแสข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยุคที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธาน มีมติว่า ป.ป.ช. มีอำนาจถอนฟ้องคดีที่เคยสั่งฟ้องต่อศาล ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดอำนาจการปกครอง ก็เพราะความพยายามผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือที่เรียกกันว่า พ.ร.บ. สุดซอย ที่ต้องการล้างความผิดและเอื้อประโยชน์ให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง จนเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง และมีปัญหาความขัดแย้งอย่างหนัก หากรัฐบาล คสช. ซึ่งเป็นความหวังของประชาชน และอ้างตัวเองว่าเป็นรัฐบาลที่มาทำหน้าที่เพื่อการปฏิรูปประเทศปล่อยให้ ป.ป.ช. ถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ หรือกระบวนการใดก็ตามที่เป็นไปในทำนองเดียวกับการนิรโทษกรรมเพื่อพวกพ้องตัวเอง ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ประชาชนยอมรับไม่ได้ เพราะเท่ากับว่า รัฐบาล คสช. ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ที่ คสช. เองก็กล่าวหาว่าไม่มีความชอบธรรม

“เป็นที่รู้กันดีว่า หาก ป.ป.ช. ยื่นถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ บุคคลที่ได้ประโยชน์โดยตรง ก็คือ ผู้ที่อยู่ใกล้ชิด หรือคนในครอบครัวของผู้ที่มีอำนาจในขณะนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงรัฐบาล คสช. ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย” นายปานเทพ ระบุ

ด้าน นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า หาก ป.ป.ช. จะบอกว่า มีอำนาจถอนฟ้องคงฟังไม่ขึ้น แน่นอนว่า อาจถูกมองว่าตีความเข้าข้างตัวเอง แต่ว่าเรื่องนี้จริง ๆ แล้วคนที่วินิจฉัยว่า ป.ป.ช. มีอำนาจแค่ไหนต้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเขตอำนาจขององค์กรอิสระ แต่ถ้าบอกมีอำนาจตามกฎหมาย แล้วความชอบธรรมมีหรือไม่ อย่าลืมว่าบทเรียนหนึ่งที่ ป.ป.ช. เคยสร้างปัญหา คือ กรณีขึ้นเงินเดือนตัวเองจนพังกันทั้งองค์กรมาแล้ว

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ตนคิดว่า เรื่องนี้ ป.ป.ช. ต้องมีคำอธิบายต่อสังคม เพราะถ้านำไปสู่การถอนฟ้องจริง ๆ จะอ้างว่ามีอำนาจตามกฎหมายนั้น ฟังไมขึ้น อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะมูลเหตุของคดี คือ มีคนเจ็บและคนตาย ภาพประวัติศาสตร์ก็เป็นการยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ใช้กำลังยิงถล่ม ทั้งกระสุนปืน แก๊สน้ำตาหมดอายุ แก๊สน้ำตาด้อยคุณภาพจากจีน รุมถล่มผู้ชุมนุมหน้ารัฐสภา จนมีคนบาดเจ็บจำนวนมาก อีกทั้งคดีความก็ยังขึ้นศาลกันยังไม่จบ อยู่ ๆ จะมาถอนฟ้องผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งการนั้นไม่ถูกต้อง ที่สำคัญ พอข่าวออกมาแบบนี้ยิ่งทำให้คนสงสัยว่าโอกาสที่จำเลยทั้ง 4 คน จะถูกตัดสินลงโทษมีสูงใช่หรือไม่ จึงหาเหตุตัดตอนด้วยการถอนฟ้อง ซึ่งจะถือเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม และหลักการถ่วงดุลอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง

“เรื่องนี้จะเกิดคำถามว่า ทำเพื่อใคร ใครสั่ง ภารกิจนี้เป็นมิชชันที่ใครอยู่เบื้องหลัง ใครบงการมา ถ้า ป.ป.ช. อธิบายไม่ได้ จะเป็นจุดจบของระบบถ่วงดุลการตรวจสอบ เรื่องปราบโกงเลิกพูดกัน ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ถูกตรวจสอบตามกฎหมายอย่างเสมอหน้าเหมือนกับประชาชนทั่วไป เรื่องปราบโกงจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ และคิดว่าถึงที่สุดไม่มีใครยอม อาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนถ้าใช้วิธีหักด้ามพร้าด้วยเข่า เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องว่ามีอำนาจหรือไม่ แต่เป็นเรื่องความชอบธรรมว่าฟังขึ้นแค่ไหน ถ้ามีถอนฟ้องจริง ๆ จะเท่ากับการขุดศพขึ้นมาฆ่าอีกครั้งหนึ่ง” นายสุริยะใส กล่าว

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ มีการตั้งข้อสังเกตกันถึงความสัมพันธ์ระหว่าง พล.ต.อ.วัชรพล ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของ พล.ต.อ.พัชรวาท น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นายสุริยะใส กล่าวว่า ยิ่งจะทำให้ชัดขึ้น คนจะมองว่าไม่ใช่องค์กรอิสระอย่างแท้จริง แล้วจะมองมาที่ตัวประธาน ป.ป.ช. คนปัจจุบัน รวมทั้งกรรมการหลายคนที่ถูกตั้งข้อสังเกตก่อนหน้านี้ จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ด้านลบ จะกระทบความน่าเชื่อถือของ ป.ป.ช. เวลาวินิจฉัยคดีใหญ่ ๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าเรื่องนี้ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะจะถูกมองว่าช่วยคนใดคนหนึ่ง เอาขื่อแป ระบบกฎหมาย ระบบถ่วงดุลบ้านเมือง ไปกระทำการบางอย่างเพื่อช่วยคนใดคนหนึ่ง จะกลายเป็นความล้มเหลวของระบอบนิติรัฐ นิติธรรม

ส่วนที่หนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับ ป.ป.ช. ของทั้ง 3 คน ระบุว่า มีหลักฐานใหม่นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ต้องไปว่าในศาล เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสิน สามารถเอาหลักฐานใหม่เหล่านี้ไปให้ศาลไต่สวนได้ แต่ถ้าบอกมีหลักฐานใหม่แล้วจะให้ถอนฟ้อง อย่างนี้แสดงว่ากรรมการ ป.ป.ช. ชุดเก่าใช้ไม่ได้ใช่หรือไม่ ไม่อย่างนั้นต้องไปรื้อคดีอื่นที่สั่งฟ้องไปแล้วกันอีก มันคงเป็นโดมิโนกันไป ดังนั้น อะไรที่ ป.ป.ช. วินิจฉัยสิ้นสุดไปแล้วต้องจบ หากไม่เห็นด้วยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แล้วขณะนี้ศาลยังไม่ได้ตัดสิน ยังมีเวลาพิสูจน์ตัวเอง ถ้ามั่นใจในความบริสุทธิ์


กำลังโหลดความคิดเห็น