ถ้าผู้นำและคนในชาติไทย ยังไม่ปฏิรูปความรู้ให้ถูกต้อง เพื่อกระทำความดี ชาติจะต้องเดินหน้าไปสู่กลียุคในสังคมไม่ช้าก็เร็วแน่นอน!
เพราะ...คนชั่วได้ยึดทั้งอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจ ฯลฯ ทั้งยังโลภไม่รู้จักพอ ที่เชี่ยวชาญในการสืบทอดอำนาจ เพื่อโกงชาติอย่างต่อเนื่อง
เพราะ...กลุ่มคนดีที่เป็นคนส่วนใหญ่ ไร้อำนาจที่มั่นคงแทบทุกมิติ แถมส่วนใหญ่ยังไร้ความรู้ที่ถูกต้อง จึงถูกกลุ่มคนชั่วโกหกหลอกลวง ให้จมอยู่กับความรู้ผิดๆ มาโดยตลอด
กว่า 80 ปีที่ผ่านมา ระบอบการเมืองของชาติไทย มีแค่สองรูปแบบที่สลับกันขึ้นครองชาติ นั่นคือ
ระบอบประชาธิปไตยเลือกตั้งของ “กลุ่มทุนสามานย์” กับระบอบเผด็จการทหารของ “กลุ่มทุนสามานย์” เพียงแต่อาจเป็น “กลุ่มทุนสามานย์” คนละกลุ่มเท่านั้น!
เรียกว่า...ไม่ว่าการเมืองแบบไหนขึ้นครองชาติ คนส่วนน้อยที่เป็นกลุ่มทุนสามานย์ จะกอบโกยผลประโยชน์ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง คนส่วนใหญ่จะถูกเอาเปรียบตลอด...ว่างั้นเหอะ...
ระบอบประชาธิปไตยของกลุ่มทุนสามานย์ไทย ที่มีทุนสามานย์ตะวันตกหนุนหลัง จะใช้ความไม่พร้อมในแทบทุกมิติของคนไทย เข้ายึด “อำนาจรัฐ” ผ่านวิธี “เลือกตั้งสกปรก” ที่บริหารชาติด้วยรูปแบบ “เผด็จการรัฐสภาโกงชาติ” โดยไม่สนใจเหตุผลอันถูกต้อง เพราะใช้ “เสียงข้างมากลากไปลงเหว” นั่นเอง!
ที่ต้องย้ำ “เลือกตั้งสกปรก” เนื่องจากทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ส.ส.ในชาติไทย กลุ่มทุนสามานย์จะทุ่มเงินแข่งกันซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง มุ่งเอาชนะพรรคคู่แข่งทางการเมือง เพื่อเข้ายึดรัฐสภาและรัฐบาลไว้ในกำมือ ก่อนจะใช้อำนาจรัฐถอนทุนบวกกำไรจากการโกงชาติ
เมื่อการเลือกตั้งสกปรก...เริ่มต้นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้ว...จริงไหม?
แต่เหลือเชื่อที่ประดา ส.ส.ในสภาฯ นายกฯ และ ครม.รวมทั้งนักวิชาการและสื่อมวลชนที่สนับสนุนทุนสามานย์ กลับหน้าด้าน กล้าโกหกหลอกลวงคนไทยทั้งชาติว่า นั่นเป็นการเลือกตั้งใน “ระบอบประชาธิปไตย” ทั้งๆ ที่มิได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะนักการเมืองทุนสามานย์จะแอบอ้างว่า พวกตนเป็น ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน! สภาฯ มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน! นายกฯ และ ครม.ก็มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน! ทั้งๆ ที่คนสามานย์เหล่านั้นมาจากการใช้เงินซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง!
ที่สำคัญ...ไม่ว่าจะเป็น “นักการเมือง” มาจากรูปแบบใด พึงรับรู้ใส่กบาลไว้ด้วยนะว่า ประชาชนคนไทยไม่ยินยอมให้ ส.ส.-สภาฯ-นายกฯ-ครม. ฯลฯ ยกพวกเข้ามาโกงกินชาติแน่นอน
ผลจากการใช้ประชาธิปไตยเลือกตั้งกำมะลอ กอร์ปกับนักการเมืองส่วนใหญ่ไร้คุณภาพไร้คุณธรรม ทำให้กลุ่มนักการเมืองทุนสามานย์และพวกพ้อง มีอำนาจล้นฟ้าและร่ำรวยทรัพย์สินเงินทองมากขึ้น ขณะที่คนส่วนใหญ่ของชาติกลับยากจนลงเรื่อยๆ
นั่นเป็นความจริงที่แจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ชาติไทยมีแต่ประชาธิปไตยทุนสามานย์ ที่คนส่วนน้อยได้ผลประโยชน์เป็นหลัก ในขณะที่คนส่วนใหญ่ถูกเอาเปรียบตลอดเวลา
ดังนั้น ชาติไทยจึงไม่เคยมีประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน-โดยประชาชน-เพื่อประชาชนอย่างแท้จริงตราบจนทุกวันนี้! ประชาธิปไตยทุนสามานย์โกงกินชาติดังกล่าว ทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน เหลื่อมล้ำถ่างกว้างจนชาติตกอยู่ในห้วงอันตรายร้ายแรง
แต่นักการเมือง-นักวิชาการ-สื่อมวลชน ฯลฯ ที่แสร้งมืดบอดทางปัญญา ฯลฯ ด้วยมีผลประโยชน์อยู่กับกลุ่มทุนสามานย์ ซึ่งมิได้รักชาติรักประชาชน จงใจไม่ชี้ให้ประชาชนรับรู้ถึงความจริงที่ว่า
นั่นมิใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลประโยชน์เป็นหลัก หากแต่เป็นประชาธิปไตยกำมะลอ ที่กลุ่มทุนสามานย์ได้เปรียบ ในการกอบโกยผลประโยชน์ จาก “การเลือกตั้งสกปรก” ทั้งในอดีตตราบทุกวันนี้
ดังนั้น ทุกครั้งที่รัฐบาลทุนสามานย์โกงชาติ ถูกคนไทยขับไล่และโดนทหารรัฐประหารโค่นล้มลง ประดากลุ่มทุนสามานย์ไทย จะสมคบกับทุนสามานย์ตะวันตก กดดันรัฐบาลทหาร ให้เร่งจัดการเลือกตั้ง (สกปรก) โดยไว! อีกทั้งเรียกร้องให้สมาชิกทั้งรัฐสภาต้องมาจากการเลือกตั้ง (สกปรก)! ที่สำคัญ...เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง (สกปรก) เท่านั้น! ฯลฯ
เพราะกลุ่มทุนสามานย์จะใช้ข้อเรียกร้องเหล่านั้น ผสานกับการยึดอำนาจรัฐเป็น“เครื่องมือ” โกงชาติ เพื่อสะสมเงินไว้ซื้อเสียงเลือกตั้ง ผสมนโยบายประชานิยมที่ผลาญเงินชาติ เพื่อให้กลุ่มทุนสามานย์และพวก ได้โกงกันอย่างมโหฬาร
โดยเฉพาะในยุค “ผู้นำโคตรโกงเหลี่ยม” กับเครือข่ายครองชาติ พวกเขาได้สร้าง “รัฐตำรวจ” ขึ้นมารับใช้กลุ่มทุนสามานย์ เพื่อกลั่นแกล้งและให้ร้ายฝ่ายตรงข้าม จนตำรวจที่เป็น “ต้นน้ำ” กระบวนการยุติธรรมกลายเป็น “ต้นน้ำ” ที่ก่อความอยุติธรรมไปทุกหย่อมหญ้า
เห็นไหมล่ะว่า...การครองชาติแค่ยุคเดียว ของประชาธิปไตยทุนสามานย์ “โคตรโกงเหลี่ยม” ก็นำชาติและคนไทยจมปลักอยู่ในวิกฤตชั่วร้ายแทบทุกมิติ จน “บิ๊กตู่” ที่ทำรัฐประหาร ผู้มีอำนาจเผด็จการล้นฟ้า ยังแก้ต้นเหตุปัญหานี้ให้หมดไปไม่ได้จนบัดนี้!?
จึงขอย้ำไว้ ณ ที่นี้นะว่า ภัยร้ายจาก “กลุ่มคนชั่วโลภไม่รู้จักพอ” ในอำนาจทรัพย์สินเงินทอง ถ้าผู้มีอำนาจรัฐในกำมือ ไม่เร่งแก้ไขด้วยใจจริง-จริงจัง-รุนแรง-เด็ดขาดแล้วล่ะก็...ชาติไทย “อิ๊บอ๋าย” นะโว้ย...!!!
เพราะ...คนชั่วได้ยึดทั้งอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจ ฯลฯ ทั้งยังโลภไม่รู้จักพอ ที่เชี่ยวชาญในการสืบทอดอำนาจ เพื่อโกงชาติอย่างต่อเนื่อง
เพราะ...กลุ่มคนดีที่เป็นคนส่วนใหญ่ ไร้อำนาจที่มั่นคงแทบทุกมิติ แถมส่วนใหญ่ยังไร้ความรู้ที่ถูกต้อง จึงถูกกลุ่มคนชั่วโกหกหลอกลวง ให้จมอยู่กับความรู้ผิดๆ มาโดยตลอด
กว่า 80 ปีที่ผ่านมา ระบอบการเมืองของชาติไทย มีแค่สองรูปแบบที่สลับกันขึ้นครองชาติ นั่นคือ
ระบอบประชาธิปไตยเลือกตั้งของ “กลุ่มทุนสามานย์” กับระบอบเผด็จการทหารของ “กลุ่มทุนสามานย์” เพียงแต่อาจเป็น “กลุ่มทุนสามานย์” คนละกลุ่มเท่านั้น!
เรียกว่า...ไม่ว่าการเมืองแบบไหนขึ้นครองชาติ คนส่วนน้อยที่เป็นกลุ่มทุนสามานย์ จะกอบโกยผลประโยชน์ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง คนส่วนใหญ่จะถูกเอาเปรียบตลอด...ว่างั้นเหอะ...
ระบอบประชาธิปไตยของกลุ่มทุนสามานย์ไทย ที่มีทุนสามานย์ตะวันตกหนุนหลัง จะใช้ความไม่พร้อมในแทบทุกมิติของคนไทย เข้ายึด “อำนาจรัฐ” ผ่านวิธี “เลือกตั้งสกปรก” ที่บริหารชาติด้วยรูปแบบ “เผด็จการรัฐสภาโกงชาติ” โดยไม่สนใจเหตุผลอันถูกต้อง เพราะใช้ “เสียงข้างมากลากไปลงเหว” นั่นเอง!
ที่ต้องย้ำ “เลือกตั้งสกปรก” เนื่องจากทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ส.ส.ในชาติไทย กลุ่มทุนสามานย์จะทุ่มเงินแข่งกันซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง มุ่งเอาชนะพรรคคู่แข่งทางการเมือง เพื่อเข้ายึดรัฐสภาและรัฐบาลไว้ในกำมือ ก่อนจะใช้อำนาจรัฐถอนทุนบวกกำไรจากการโกงชาติ
เมื่อการเลือกตั้งสกปรก...เริ่มต้นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้ว...จริงไหม?
แต่เหลือเชื่อที่ประดา ส.ส.ในสภาฯ นายกฯ และ ครม.รวมทั้งนักวิชาการและสื่อมวลชนที่สนับสนุนทุนสามานย์ กลับหน้าด้าน กล้าโกหกหลอกลวงคนไทยทั้งชาติว่า นั่นเป็นการเลือกตั้งใน “ระบอบประชาธิปไตย” ทั้งๆ ที่มิได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะนักการเมืองทุนสามานย์จะแอบอ้างว่า พวกตนเป็น ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน! สภาฯ มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน! นายกฯ และ ครม.ก็มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน! ทั้งๆ ที่คนสามานย์เหล่านั้นมาจากการใช้เงินซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง!
ที่สำคัญ...ไม่ว่าจะเป็น “นักการเมือง” มาจากรูปแบบใด พึงรับรู้ใส่กบาลไว้ด้วยนะว่า ประชาชนคนไทยไม่ยินยอมให้ ส.ส.-สภาฯ-นายกฯ-ครม. ฯลฯ ยกพวกเข้ามาโกงกินชาติแน่นอน
ผลจากการใช้ประชาธิปไตยเลือกตั้งกำมะลอ กอร์ปกับนักการเมืองส่วนใหญ่ไร้คุณภาพไร้คุณธรรม ทำให้กลุ่มนักการเมืองทุนสามานย์และพวกพ้อง มีอำนาจล้นฟ้าและร่ำรวยทรัพย์สินเงินทองมากขึ้น ขณะที่คนส่วนใหญ่ของชาติกลับยากจนลงเรื่อยๆ
นั่นเป็นความจริงที่แจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ชาติไทยมีแต่ประชาธิปไตยทุนสามานย์ ที่คนส่วนน้อยได้ผลประโยชน์เป็นหลัก ในขณะที่คนส่วนใหญ่ถูกเอาเปรียบตลอดเวลา
ดังนั้น ชาติไทยจึงไม่เคยมีประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน-โดยประชาชน-เพื่อประชาชนอย่างแท้จริงตราบจนทุกวันนี้! ประชาธิปไตยทุนสามานย์โกงกินชาติดังกล่าว ทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน เหลื่อมล้ำถ่างกว้างจนชาติตกอยู่ในห้วงอันตรายร้ายแรง
แต่นักการเมือง-นักวิชาการ-สื่อมวลชน ฯลฯ ที่แสร้งมืดบอดทางปัญญา ฯลฯ ด้วยมีผลประโยชน์อยู่กับกลุ่มทุนสามานย์ ซึ่งมิได้รักชาติรักประชาชน จงใจไม่ชี้ให้ประชาชนรับรู้ถึงความจริงที่ว่า
นั่นมิใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลประโยชน์เป็นหลัก หากแต่เป็นประชาธิปไตยกำมะลอ ที่กลุ่มทุนสามานย์ได้เปรียบ ในการกอบโกยผลประโยชน์ จาก “การเลือกตั้งสกปรก” ทั้งในอดีตตราบทุกวันนี้
ดังนั้น ทุกครั้งที่รัฐบาลทุนสามานย์โกงชาติ ถูกคนไทยขับไล่และโดนทหารรัฐประหารโค่นล้มลง ประดากลุ่มทุนสามานย์ไทย จะสมคบกับทุนสามานย์ตะวันตก กดดันรัฐบาลทหาร ให้เร่งจัดการเลือกตั้ง (สกปรก) โดยไว! อีกทั้งเรียกร้องให้สมาชิกทั้งรัฐสภาต้องมาจากการเลือกตั้ง (สกปรก)! ที่สำคัญ...เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง (สกปรก) เท่านั้น! ฯลฯ
เพราะกลุ่มทุนสามานย์จะใช้ข้อเรียกร้องเหล่านั้น ผสานกับการยึดอำนาจรัฐเป็น“เครื่องมือ” โกงชาติ เพื่อสะสมเงินไว้ซื้อเสียงเลือกตั้ง ผสมนโยบายประชานิยมที่ผลาญเงินชาติ เพื่อให้กลุ่มทุนสามานย์และพวก ได้โกงกันอย่างมโหฬาร
โดยเฉพาะในยุค “ผู้นำโคตรโกงเหลี่ยม” กับเครือข่ายครองชาติ พวกเขาได้สร้าง “รัฐตำรวจ” ขึ้นมารับใช้กลุ่มทุนสามานย์ เพื่อกลั่นแกล้งและให้ร้ายฝ่ายตรงข้าม จนตำรวจที่เป็น “ต้นน้ำ” กระบวนการยุติธรรมกลายเป็น “ต้นน้ำ” ที่ก่อความอยุติธรรมไปทุกหย่อมหญ้า
เห็นไหมล่ะว่า...การครองชาติแค่ยุคเดียว ของประชาธิปไตยทุนสามานย์ “โคตรโกงเหลี่ยม” ก็นำชาติและคนไทยจมปลักอยู่ในวิกฤตชั่วร้ายแทบทุกมิติ จน “บิ๊กตู่” ที่ทำรัฐประหาร ผู้มีอำนาจเผด็จการล้นฟ้า ยังแก้ต้นเหตุปัญหานี้ให้หมดไปไม่ได้จนบัดนี้!?
จึงขอย้ำไว้ ณ ที่นี้นะว่า ภัยร้ายจาก “กลุ่มคนชั่วโลภไม่รู้จักพอ” ในอำนาจทรัพย์สินเงินทอง ถ้าผู้มีอำนาจรัฐในกำมือ ไม่เร่งแก้ไขด้วยใจจริง-จริงจัง-รุนแรง-เด็ดขาดแล้วล่ะก็...ชาติไทย “อิ๊บอ๋าย” นะโว้ย...!!!