อำนาจรัฐจะเป็นคุณหรือเป็นโทษ ขึ้นกับคนดีหรือคนชั่วได้ขึ้นปกครองชาติ! คนดี-ปกครองชาติก็ได้ประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่! คนชั่ว-ปกครองชาติก็ได้ประโยชน์ต่อคนกลุ่มน้อย!
ศึกยึดอำนาจรัฐในชาติไทย มิใช่เกม “ขำขัน” หน้าจอทีวี แต่เป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตาย แลกกันด้วยเลือดเนื้อและชีวิต มาตั้งแต่ในอดีตตราบปัจจุบันยันอนาคต
ห้วงหนึ่งในอดีต ไทยเคยมีศึกยึดอำนาจรัฐสองรูปแบบ ที่ขับเคี่ยวกันทั้งทางลับและเปิดเผย นั่นคือ
หนึ่ง-รัฐบาลเผด็จการรัฐสภามาจากการโกงเลือกตั้ง ที่ยึดอำนาจรัฐด้วย-เงิน! สอง-รัฐบาลเผด็จการทหารมาจากการรัฐประหาร ที่โค่นล้มเผด็จการรัฐสภาโกงชาติ ด้วยวิธียึดอำนาจรัฐด้วย-ปืน! สาม-พรรคคอมมิวนิสต์ไทย ที่พยายามจะโค่นล้มทั้งรัฐบาลเผด็จการรัฐสภาและเผด็จการทหาร โดยเคลื่อนไหวทั้งในชนบทและเมือง เพื่อยึดอำนาจรัฐด้วย “ปากกระบอกปืน!”
ศึกยึดอำนาจรัฐสองรูปแบบของ “สามก๊ก” มีการสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตคนไทยไปมากมาย!
โดยเผด็จการรัฐสภากับเผด็จการทหาร ได้สลับสับเปลี่ยนกันขึ้นปกครองชาติไทยมาตลอด ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์ไทยแพ้พ่าย จึงไร้โอกาสใช้ “เผด็จการชนชั้นกรรมาชีพ” เพราะยึดอำนาจรัฐไทยไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว
ผลงานเด่นชัดของเผด็จการรัฐสภา คือ โกงชาติเก่งกว่าเผด็จการทหาร (ว่ะ) !
โดยเฉพาะยุคเครือข่าย “เหลี่ยม” ครองชาติ มีการทำโครงการหาเสียงมากมาย ที่ผลาญเงินและโกงชาติกันอย่างมหาศาล แค่โครงการจำนำข้าวที่ “พี่คิด-น้องโกง” เรื่องเดียว ผลาญเงินชาติเสียหายไปมากกว่าหกถึงเจ็ดแสนล้านบาท จนทำให้ธุรกิจข้าวที่ติดอันดับหนึ่ง ทั้งยอดขายและคุณภาพในตลาดโลกมาตลอด ต้องแพ้พ่ายชาติอื่นจนตกไปอยู่อันดับสองและสาม สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงชนิดประเมินค่ามิได้ ต่อชาติและประชาชนตราบทุกวันนี้
การบริหารบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยการโกงชาติ ได้ก่อความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะยุคที่ “เหลี่ยม” เป็นใหญ่ในแผ่นดิน เพียงไม่กี่ปีก็โกงเงินชาติไปหลายแสนล้านบาท เฉพาะ “เหลี่ยม” คนเดียวถูกยึดทรัพย์ในไทย 46,000 กว่าล้านบาท ถูกอายัดทรัพย์ในต่างแดนอีก 120,000 กว่าล้านบาท!
โดยรัฐบาลเผด็จการทหารรวมกันทั้งหมดที่ผ่านมา โดนยึดทรัพย์พันกว่าล้านบาทเท่านั้น!
การโกงชาติมากหรือน้อยล้วนชั่วร้ายทั้งสิ้น! 80 กว่าปีที่ผ่านมาของการเมืองไทย ความจริงที่ชัดแจ้ง จึงเป็นเรื่องของ “สมบัติชาติผลัดกันโกง” ระหว่างเผด็จการรัฐสภากับเผด็จการทหารเท่านั้น
โดยรัฐบาลเผด็จการทั้งสองรูปแบบดังกล่าว ไม่เคยพัฒนาคนไทยให้มีความรู้ และให้มีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแท้จริง จนกลายเป็นเรื่อง “ตลกร้าย” ที่ว่า
ทุนสามานย์ใช้เงินยึดอำนาจรัฐนั้น ประชาชนต้องเสียเวลาเดินทางไปลงคะแนนเลือกตั้ง ก่อนจะได้ “เผด็จการ” โกงเก่งกว่าขึ้นปกครองชาติ! ส่วนทหารใช้ปืนยึดอำนาจรัฐนั้น ประชาชนไม่ต้องเสียเวลาไปลงคะแนน ก็ได้ “เผด็จการ” ขึ้นปกครองชาติเลย!
โดยรัฐบาลที่ยึดอำนาจรัฐด้วย-เงิน จะประณามรัฐบาลเผด็จการทหารว่า ทำให้ “ชาติถอยหลังลงคลอง!” ขณะที่รัฐบาลเผด็จการรัฐสภาก็โคตรโกง จนถูกผู้คนก่นด่าว่า “กำลังพาชาติลงเหว” จึงเป็นต้นเหตุให้ทหารต้องออกมารัฐประหารโค่นล้มลง!
แต่รัฐบาลทั้งสองรูปแบบที่สลับกันปกครองชาติ ล้วนไม่เคยปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน แถมไม่เคยบริหารชาติโดยยึดผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นหลักอีกด้วย เพราะมักใช้อำนาจรัฐเอื้อและดูแล แต่กลุ่มคนรวยที่เป็นคนส่วนน้อยเป็นสรณะ รวมทั้งเอื้อประโยชน์ให้กับทุนต่างชาติอยู่ตลอดเวลา
ที่เลวร้ายอย่างยิ่ง คือ รัฐบาลเผด็จการทั้งสองรูปแบบ ยังละเลยต่อการแก้ปัญหาความทุกข์ของคนส่วนใหญ่ในภาคการเกษตร ฯลฯ เรียกว่า...ล้มเหลวกับการแก้ปัญหาความยากจน ให้กับคนส่วนใหญ่ในประเทศโดยสิ้นเชิงนั่นเอง
ดังนั้น รัฐบาลเผด็จการทั้งสองรูปแบบ จึงอยู่ในสภาพผู้คนหลงชื่นชมในตอนแรก แต่จะเสื่อมศรัทธาลงอย่างรวดเร็ว จากผลงานที่ทำให้ชาติไทยเป็นสังคม “รวยกระจุก-จนกระจาย” จนเกิดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ให้เหลื่อมล้ำถ่างกว้าง จนอยู่ในสภาพเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ
การรัฐประหารครั้งล่าสุด ที่นำโดย “บิ๊กตู่” ในนาม คสช.ซึ่งมีบทเรียนของทหารรุ่นพี่ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า หากยังไม่ใช้อำนาจพิเศษไปในทางสร้างสรรค์ เพื่อทำให้คนดีได้ขึ้นปกครองชาติ และกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจให้ได้อย่างถาวร
ก็ต้องถือว่า “บิ๊กตู่” ได้ทำลายโอกาสทองของชาติ ที่จะทำเพื่อชาติและประชาชนทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย รวมทั้ง “บิ๊กตู่” ยังเสียโอกาสในการสร้างชื่อเสียงตนเองให้ระบือลือลั่น ฝากไว้บนแผ่นดินไทยว่า
รัฐประหารยุค “บิ๊กตู่” ไม่เหมือนทุกยุคที่ผ่านมา เพราะ “บิ๊กตู่” ได้ทำให้การเมืองของชาติไทย หลุดพ้นจากน้ำมือของกลุ่มทุนสามานย์โกงชาติได้ อีกทั้งได้ทำการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน จนชาติไทยเจริญก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืน
หรืออย่างน้อย ผลงานขั้นต่ำสุด คือ คนไทยทั้งชาติมี “ความหวัง” กับคนชื่อ “บิ๊กตู่” ว่า รัฐประหารครั้งนี้จะต้องปราบขบวนการคนชั่ว เช่น “เหลี่ยม” และพวกที่โกงชาติและล้มเจ้าได้อย่างเด็ดขาด
คนไทยส่วนใหญ่ฝาก “ความหวัง” กับคนชื่อ “บิ๊กตู่” ที่มีอำนาจล้นฟ้าว่า จะไม่ปล่อยให้เครือข่าย “เหลี่ยม” กลับมายึดครองชาติไทย ผ่านการเลือกตั้งสกปรกได้อีกครั้ง...?
ศึกยึดอำนาจรัฐในชาติไทย มิใช่เกม “ขำขัน” หน้าจอทีวี แต่เป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตาย แลกกันด้วยเลือดเนื้อและชีวิต มาตั้งแต่ในอดีตตราบปัจจุบันยันอนาคต
ห้วงหนึ่งในอดีต ไทยเคยมีศึกยึดอำนาจรัฐสองรูปแบบ ที่ขับเคี่ยวกันทั้งทางลับและเปิดเผย นั่นคือ
หนึ่ง-รัฐบาลเผด็จการรัฐสภามาจากการโกงเลือกตั้ง ที่ยึดอำนาจรัฐด้วย-เงิน! สอง-รัฐบาลเผด็จการทหารมาจากการรัฐประหาร ที่โค่นล้มเผด็จการรัฐสภาโกงชาติ ด้วยวิธียึดอำนาจรัฐด้วย-ปืน! สาม-พรรคคอมมิวนิสต์ไทย ที่พยายามจะโค่นล้มทั้งรัฐบาลเผด็จการรัฐสภาและเผด็จการทหาร โดยเคลื่อนไหวทั้งในชนบทและเมือง เพื่อยึดอำนาจรัฐด้วย “ปากกระบอกปืน!”
ศึกยึดอำนาจรัฐสองรูปแบบของ “สามก๊ก” มีการสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตคนไทยไปมากมาย!
โดยเผด็จการรัฐสภากับเผด็จการทหาร ได้สลับสับเปลี่ยนกันขึ้นปกครองชาติไทยมาตลอด ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์ไทยแพ้พ่าย จึงไร้โอกาสใช้ “เผด็จการชนชั้นกรรมาชีพ” เพราะยึดอำนาจรัฐไทยไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว
ผลงานเด่นชัดของเผด็จการรัฐสภา คือ โกงชาติเก่งกว่าเผด็จการทหาร (ว่ะ) !
โดยเฉพาะยุคเครือข่าย “เหลี่ยม” ครองชาติ มีการทำโครงการหาเสียงมากมาย ที่ผลาญเงินและโกงชาติกันอย่างมหาศาล แค่โครงการจำนำข้าวที่ “พี่คิด-น้องโกง” เรื่องเดียว ผลาญเงินชาติเสียหายไปมากกว่าหกถึงเจ็ดแสนล้านบาท จนทำให้ธุรกิจข้าวที่ติดอันดับหนึ่ง ทั้งยอดขายและคุณภาพในตลาดโลกมาตลอด ต้องแพ้พ่ายชาติอื่นจนตกไปอยู่อันดับสองและสาม สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงชนิดประเมินค่ามิได้ ต่อชาติและประชาชนตราบทุกวันนี้
การบริหารบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยการโกงชาติ ได้ก่อความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะยุคที่ “เหลี่ยม” เป็นใหญ่ในแผ่นดิน เพียงไม่กี่ปีก็โกงเงินชาติไปหลายแสนล้านบาท เฉพาะ “เหลี่ยม” คนเดียวถูกยึดทรัพย์ในไทย 46,000 กว่าล้านบาท ถูกอายัดทรัพย์ในต่างแดนอีก 120,000 กว่าล้านบาท!
โดยรัฐบาลเผด็จการทหารรวมกันทั้งหมดที่ผ่านมา โดนยึดทรัพย์พันกว่าล้านบาทเท่านั้น!
การโกงชาติมากหรือน้อยล้วนชั่วร้ายทั้งสิ้น! 80 กว่าปีที่ผ่านมาของการเมืองไทย ความจริงที่ชัดแจ้ง จึงเป็นเรื่องของ “สมบัติชาติผลัดกันโกง” ระหว่างเผด็จการรัฐสภากับเผด็จการทหารเท่านั้น
โดยรัฐบาลเผด็จการทั้งสองรูปแบบดังกล่าว ไม่เคยพัฒนาคนไทยให้มีความรู้ และให้มีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแท้จริง จนกลายเป็นเรื่อง “ตลกร้าย” ที่ว่า
ทุนสามานย์ใช้เงินยึดอำนาจรัฐนั้น ประชาชนต้องเสียเวลาเดินทางไปลงคะแนนเลือกตั้ง ก่อนจะได้ “เผด็จการ” โกงเก่งกว่าขึ้นปกครองชาติ! ส่วนทหารใช้ปืนยึดอำนาจรัฐนั้น ประชาชนไม่ต้องเสียเวลาไปลงคะแนน ก็ได้ “เผด็จการ” ขึ้นปกครองชาติเลย!
โดยรัฐบาลที่ยึดอำนาจรัฐด้วย-เงิน จะประณามรัฐบาลเผด็จการทหารว่า ทำให้ “ชาติถอยหลังลงคลอง!” ขณะที่รัฐบาลเผด็จการรัฐสภาก็โคตรโกง จนถูกผู้คนก่นด่าว่า “กำลังพาชาติลงเหว” จึงเป็นต้นเหตุให้ทหารต้องออกมารัฐประหารโค่นล้มลง!
แต่รัฐบาลทั้งสองรูปแบบที่สลับกันปกครองชาติ ล้วนไม่เคยปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน แถมไม่เคยบริหารชาติโดยยึดผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นหลักอีกด้วย เพราะมักใช้อำนาจรัฐเอื้อและดูแล แต่กลุ่มคนรวยที่เป็นคนส่วนน้อยเป็นสรณะ รวมทั้งเอื้อประโยชน์ให้กับทุนต่างชาติอยู่ตลอดเวลา
ที่เลวร้ายอย่างยิ่ง คือ รัฐบาลเผด็จการทั้งสองรูปแบบ ยังละเลยต่อการแก้ปัญหาความทุกข์ของคนส่วนใหญ่ในภาคการเกษตร ฯลฯ เรียกว่า...ล้มเหลวกับการแก้ปัญหาความยากจน ให้กับคนส่วนใหญ่ในประเทศโดยสิ้นเชิงนั่นเอง
ดังนั้น รัฐบาลเผด็จการทั้งสองรูปแบบ จึงอยู่ในสภาพผู้คนหลงชื่นชมในตอนแรก แต่จะเสื่อมศรัทธาลงอย่างรวดเร็ว จากผลงานที่ทำให้ชาติไทยเป็นสังคม “รวยกระจุก-จนกระจาย” จนเกิดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ให้เหลื่อมล้ำถ่างกว้าง จนอยู่ในสภาพเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ
การรัฐประหารครั้งล่าสุด ที่นำโดย “บิ๊กตู่” ในนาม คสช.ซึ่งมีบทเรียนของทหารรุ่นพี่ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า หากยังไม่ใช้อำนาจพิเศษไปในทางสร้างสรรค์ เพื่อทำให้คนดีได้ขึ้นปกครองชาติ และกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจให้ได้อย่างถาวร
ก็ต้องถือว่า “บิ๊กตู่” ได้ทำลายโอกาสทองของชาติ ที่จะทำเพื่อชาติและประชาชนทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย รวมทั้ง “บิ๊กตู่” ยังเสียโอกาสในการสร้างชื่อเสียงตนเองให้ระบือลือลั่น ฝากไว้บนแผ่นดินไทยว่า
รัฐประหารยุค “บิ๊กตู่” ไม่เหมือนทุกยุคที่ผ่านมา เพราะ “บิ๊กตู่” ได้ทำให้การเมืองของชาติไทย หลุดพ้นจากน้ำมือของกลุ่มทุนสามานย์โกงชาติได้ อีกทั้งได้ทำการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน จนชาติไทยเจริญก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืน
หรืออย่างน้อย ผลงานขั้นต่ำสุด คือ คนไทยทั้งชาติมี “ความหวัง” กับคนชื่อ “บิ๊กตู่” ว่า รัฐประหารครั้งนี้จะต้องปราบขบวนการคนชั่ว เช่น “เหลี่ยม” และพวกที่โกงชาติและล้มเจ้าได้อย่างเด็ดขาด
คนไทยส่วนใหญ่ฝาก “ความหวัง” กับคนชื่อ “บิ๊กตู่” ที่มีอำนาจล้นฟ้าว่า จะไม่ปล่อยให้เครือข่าย “เหลี่ยม” กลับมายึดครองชาติไทย ผ่านการเลือกตั้งสกปรกได้อีกครั้ง...?
