“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
การรัฐประหารโดย “คสช.” ที่นำโดย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หรือ “บิ๊กตู่” นั้น นอกจากเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของคนสองฝ่ายในชาติแล้ว ยังต้องแก้ต้นเหตุปัญหาชาติสำคัญอีกหลายเรื่อง แต่จากวิธีทำงาน และผลงานเกือบสองปี ของรัฐบาลที่ยึดอำนาจรัฐด้วยปืน ซึ่งโค่นล้มรัฐบาลโกงชาติและล้มเจ้าเครือข่าย“เหลี่ยม”ลงนั้น
ผลงานมากมายที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ทำตามแผนตามเงินประมาณแผ่นดินที่กำหนดไว้แล้ว แม้จะมีผลงานใหม่ๆในบางเรื่อง ที่โผล่มาจากความคิดอ่านของ “ท่านผู้นำบิ๊กตู่” โดยรวมแล้ว ยังมิใช่ผลงานที่จะนำไปสู่หลักประกันอันมั่นใจได้ว่า “ชาติไทยจะได้คนดีขึ้นปกครองชาติ และ กีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจในบ้านเมืองได้”!
ภายใต้รัฐบาลของ “นายกฯบิ๊กตู่” และรัฐบาลเผด็จการทหารชุดนี้ บางคนอาจจะมีบทบาทไม่มากก็น้อย ในช่วง “เปลี่ยนผ่านทางการเมือง” จากเผด็จการทหาร เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย (กำมะลอ)อีกครั้งหนึ่ง
เพื่อผลักดันยุทธศาสตร์ชาติ (ยังไม่รู้จะเป็นจริงหรือไม่?) ให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าตามที่ “บิ๊กตู่” และ คสช. ต้องการ แน่นอน..การจะทำเช่นนั้นได้ ย่อมต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางการเมือง ที่เอื้อต่อการทำงานของ “บิ๊กตู่” และ คสช. ด้วยหลายมาตรการทั้งในปัจจุบันและอนาคตมารองรับ โดย “บิ๊กตู่” เชื่อว่าจะทำให้การรัฐประหารครั้งนี้..ไม่เสียของ
โดยเฉพาะ ต้องมีรัฐธรรมนูญแบบที่“บิ๊กตู่-แอนด์-บิ๊กป้อม”ต้องการ! เพื่อเป็นกติกากำกับให้ระบบการเมือง และนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง อยู่กับร่องกับรอยตามที่ “บิ๊กตู่” กับ คสช. ต้องการนั่นเอง
แน่นอน..ในระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสำคัญที่สุดของชาติ ซึ่งทุกคนในชาติจะต้องปฏิบัติตาม แต่รัฐธรรมนูญที่ผ่านมาทุกฉบับ จะมีก็แค่ประชาชนเท่านั้นที่ปฏิบัติตาม แต่มักถูกกลุ่มทุนสามานย์และนักการเมืองชั่ว ที่ใช้เงินซื้อเสียงและโกงการเลือกตั้ง เข้ามาใช้อำนาจรัฐโกงชาติบ้านเมือง ละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่เสมอ
จนเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้ทหารจำต้องออกมารัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า อีกทั้งจำต้องฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเก่าทิ้ง และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมาใช้ฉบับแล้วฉบับเล่า
ทว่า สุดท้าย.. ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะดีสักปานใด ก็ปราบนักการเมืองทุนสามานย์ ใช้เงินซื้อเสียงและโกงการเลือกตั้งไม่ได้! แถมปราบกลุ่มทุนสามานย์คนชั่ว ซึ่งเข้ามาทำธุรกิจการเมือง ยึดอำนาจรัฐในฐานะรัฐบาล หยุดโกงชาติก็ไม่ได้อีกด้วย!
ทั้งนี้ เพราะระบอบประชาธิปไตยกำมะลอ ที่กลุ่มทุนสามานย์ใช้การเลือกตั้งสกปรก เป็นหนทางยึดอำนาจรัฐแบบถูกกฎหมาย ได้ถูกกลุ่มทุนสามานย์ ที่มีเงินสกปรกมหาศาล จากการโกงเงินงบประมาณชาติ อีกทั้งใช้อำนาจรัฐ เอื้อประโยชน์ต่อการทำธุรกิจแบบได้เปรียบ ทั้งเหนือคู่แข่งและเหนือรัฐอย่างไม่โปร่งใส กระทั่งบางเรื่องบางโครงการถึงกับทำผิดกฎหมายแบบดื้อๆ
ที่สำคัญ..ทุกคณะรัฐประหารที่ผ่านมา ไม่เคยมีการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน โดยเฉพาะยังแก้ต้นเหตุปัญหาการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมไม่ได้! ยังแก้ต้นเหตุปัญหาเผด็จการรัฐสภาไม่ได้! ยังแก้ต้นเหตุปัญหารัฐบาลยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน ผ่านการเลือกตั้งสกปรกไม่ได้! ยังลงโทษกลุ่มนักการเมืองชั่ว ที่ทำผิดเหล่านั้นด้วยกฎหมายที่รวดเร็ว-เด็ดขาด-รุนแรงไม่ได้!
เมื่อการลงโทษคนชั่วที่โกงเลือกตั้งและโกงชาติ เบาหวิว-ไม่รวดเร็ว-เด็ดขาด-รุนแรงเท่าที่ควร ย่อมทำให้กลุ่มคนชั่วทางการเมืองไม่เกรงกลัว และการลงทุนทำธุรกิจการเมืองเพื่อปล้นชาติ ยังคงคุ้มค่าต่อการลงทุนเช่นเดิม เพราะหากยึดรัฐสภาและรัฐบาลได้ ย่อมใช้อำนาจรัฐและกลไกรัฐ ทำการถอนทุนบวกกำไรได้อย่างมหาศาลแน่นอน
ที่ผ่านมา..กลุ่มคนชั่วยกพลเข้ามา ยึดอำนาจรัฐสภาและรัฐบาล เพื่อปล้นชาติปล้นประชาชน และ “ล้มเจ้า” ได้ เพราะชาติไทยใช้ระบอบประชาธิปไตยอันจอมปลอม ผ่านการ “เลือกตั้ง” ที่ชั่วช้าสามานย์ ซึ่งเต็มไปด้วยการใช้เงินซื้อเสียงและการโกงสารพัดวิธี
การชิงชัยกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในสนามเลือกตั้ง สส. ของกลุ่มทุนสามานย์ เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญทุกฉบับ จะระบุชัดว่า สมาชิกทั้งสภาฯ ต้องมาจากการ “เลือกตั้ง” เท่านั้น และ นายกฯ จะต้องมาจาก สส. เกินกึ่งหนึ่งในสภาฯ ลงมติเลือก จากนั้นนายกฯ ก็ไปจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
หลังจบพิธีกรรมตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ รัฐบาลทุนสามานย์ซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง ก็สุมหัวกันบริหารชาติไป-ปล้นชาติไปเรื่อยๆ จนกว่ารัฐบาลจะถูกเปิดโปงจนฉาวโฉ่ ถูกประชาชนผู้รักชาติออกมาขับไล่ ลงท้ายอาจจบลงด้วยการ “ยุบสภา” หรือโดนทหารรัฐประหารโค่นล้มลง
แต่บทสรุปสุดท้ายของสุดท้าย จะวนกลับมานับหนึ่งใหม่ ด้วยการ “เลือกตั้งสกปรก” เหมือนเคย!
อย่างไรก็ตาม..ส่วนใหญ่แล้ว ในห้วงรัฐประหารครองชาติ นักเลือกตั้งจะมุดหัวหลบภัยก่อนเสมอ!
โดยนักการเมืองสามานย์เหล่านี้ ไม่เคยสำนึกผิดในกรรมชั่วที่ตนกระทำ ซึ่งทำให้ชาติเสียหายอย่างใหญ่หลวง จนประชาชนต้องชุมนุมขับไล่ และทหารจำต้องออกมาทำรัฐประหาร
แถมนักเลือกตั้งสามานย์ ที่ชาญฉลาดและมากประสบการณ์ จะรู้ว่า ยามอยู่ในห้วงแห่งการรัฐประหารนั้น จะต้องสงบกบดานลงชั่วคราว จะไม่แสดงทัศนะทางการเมืองใดๆ ที่เห็นต่างจากคณะรัฐประหาร และถ้าพูดเอาใจคณะรัฐประหารได้ โดยไม่เสียหายต่อภาพพจน์-จะทำทันที!
นักเลือกตั้งชั่วที่เจ้าเล่ห์แสนกลบางคน จะเข้าไป “ตีซี้” เป็นพี่เลี้ยงทางการเมือง ให้กับคณะรัฐประหารบางคน ที่หลงในอำนาจ-ลาภยศ-เงินทอง ซึ่งหวังจะใช้กลุ่มนักเลือกตั้งเจ้าเล่ห์เหล่านั้น มาเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ ผ่านระบอบประชาธิปไตยน้ำเน่าแบบเดิมๆ อีกต่างหาก
จากบทเรียนที่ผ่านมา ผลสุดท้ายของคณะรัฐประหารบางคน จึงมักพบกับความเสียหาย เสียชื่อเสียคน ในขณะที่กลุ่มนักเลือกตั้งเจ้าเล่ห์เหล่านั้น จะสวาปามผลประโยชน์ได้สารพัดรูปแบบ เช่น
ช่วงก่อนเลือกตั้ง จะได้เงินมากมายเพื่อหาเสียงและซื้อเสียง! ช่วงตั้งรัฐบาลผสม และช่วงผลักดันให้คณะรัฐประหารบางคน ได้ขึ้นเป็นนายกฯ และรัฐมนตรี นักเลือกตั้งเจ้าเล่ห์พวกนี้ มักจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญ! ช่วงเป็นรัฐบาลก็จะคอร์รัปชั่นอยู่ตลอด จนทำให้ “ท่านผู้นำชาติ” และรัฐบาลเสื่อมเสียชื่อเสียง
จนในที่สุด “ท่านผู้นำชาติ” ที่ยิ่งใหญ่จากการรัฐประหารในอดีต ซึ่งใช้นักการเมืองชั่วสืบทอดอำนาจ ให้ กลับ “ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ” โกงชาติ ให้กับนักเลือกตั้งเจ้าเล่ห์ไปโดยปริยาย จน “ท่านผู้นำชาติ” จนตรอก จำต้องลาออกหรือยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง
แล้ว “ท่านผู้นำชาติ” จะหายไปจากวงการเมือง ในสภาพ “ล้างมือในอ่างทองคำ” หรือ เสียคนจนไม่กล้าเจอหน้าคนในชาติ เพราะกลายเป็น“ผู้นำรัฐบาลโกงชาติ”!
แต่ที่แน่ๆ.. นักเลือกตั้งทุนสามานย์ส่วนใหญ่ในช่วงตกงาน ไม่ได้เป็นทั้ง สส. ในสภาและรัฐบาล มักมีคำพูดในหมู่นักเลือกตั้งดังนี้
“เฮ้ย!..รัฐบาลทหารอยู่ถาวรไม่ได้หรอก เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลเผด็จการทหารจะถูกชาติตะวันตก กดดันและแซงก์ชั่นทางการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อเร่งให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด” และ “ไม่ช้าก็เร็ว..ทหารจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง อดทน-ทนอดกันหน่อยนะโว้ย!”
โดยเฉพาะ “คนแดนไกล” ที่มีเงินสกปรกมหาศาลไว้ซื้อเสียง ได้ประกาศต่อหน้านักการเมืองทุนสามานย์ของตนว่า “เลือกตั้งเมื่อไหร่..พวกเราชนะ! ได้กลับมาบริหารชาติอีกครั้งแน่นอน!”
ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดนี้ เพื่อจะบอกว่า “บิ๊กตู่” ควร “ปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนก่อนเลือกตั้ง”..
เพื่อ “ทำให้คนดีได้ขึ้นปกครองชาติ และ กีดกันมิให้คนชั่วมีอำนาจในบ้านเมือง” นั่นเอง!
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
การรัฐประหารโดย “คสช.” ที่นำโดย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หรือ “บิ๊กตู่” นั้น นอกจากเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของคนสองฝ่ายในชาติแล้ว ยังต้องแก้ต้นเหตุปัญหาชาติสำคัญอีกหลายเรื่อง แต่จากวิธีทำงาน และผลงานเกือบสองปี ของรัฐบาลที่ยึดอำนาจรัฐด้วยปืน ซึ่งโค่นล้มรัฐบาลโกงชาติและล้มเจ้าเครือข่าย“เหลี่ยม”ลงนั้น
ผลงานมากมายที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ทำตามแผนตามเงินประมาณแผ่นดินที่กำหนดไว้แล้ว แม้จะมีผลงานใหม่ๆในบางเรื่อง ที่โผล่มาจากความคิดอ่านของ “ท่านผู้นำบิ๊กตู่” โดยรวมแล้ว ยังมิใช่ผลงานที่จะนำไปสู่หลักประกันอันมั่นใจได้ว่า “ชาติไทยจะได้คนดีขึ้นปกครองชาติ และ กีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจในบ้านเมืองได้”!
ภายใต้รัฐบาลของ “นายกฯบิ๊กตู่” และรัฐบาลเผด็จการทหารชุดนี้ บางคนอาจจะมีบทบาทไม่มากก็น้อย ในช่วง “เปลี่ยนผ่านทางการเมือง” จากเผด็จการทหาร เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย (กำมะลอ)อีกครั้งหนึ่ง
เพื่อผลักดันยุทธศาสตร์ชาติ (ยังไม่รู้จะเป็นจริงหรือไม่?) ให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าตามที่ “บิ๊กตู่” และ คสช. ต้องการ แน่นอน..การจะทำเช่นนั้นได้ ย่อมต้องสร้างสภาพแวดล้อมทางการเมือง ที่เอื้อต่อการทำงานของ “บิ๊กตู่” และ คสช. ด้วยหลายมาตรการทั้งในปัจจุบันและอนาคตมารองรับ โดย “บิ๊กตู่” เชื่อว่าจะทำให้การรัฐประหารครั้งนี้..ไม่เสียของ
โดยเฉพาะ ต้องมีรัฐธรรมนูญแบบที่“บิ๊กตู่-แอนด์-บิ๊กป้อม”ต้องการ! เพื่อเป็นกติกากำกับให้ระบบการเมือง และนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง อยู่กับร่องกับรอยตามที่ “บิ๊กตู่” กับ คสช. ต้องการนั่นเอง
แน่นอน..ในระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสำคัญที่สุดของชาติ ซึ่งทุกคนในชาติจะต้องปฏิบัติตาม แต่รัฐธรรมนูญที่ผ่านมาทุกฉบับ จะมีก็แค่ประชาชนเท่านั้นที่ปฏิบัติตาม แต่มักถูกกลุ่มทุนสามานย์และนักการเมืองชั่ว ที่ใช้เงินซื้อเสียงและโกงการเลือกตั้ง เข้ามาใช้อำนาจรัฐโกงชาติบ้านเมือง ละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่เสมอ
จนเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้ทหารจำต้องออกมารัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า อีกทั้งจำต้องฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเก่าทิ้ง และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมาใช้ฉบับแล้วฉบับเล่า
ทว่า สุดท้าย.. ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะดีสักปานใด ก็ปราบนักการเมืองทุนสามานย์ ใช้เงินซื้อเสียงและโกงการเลือกตั้งไม่ได้! แถมปราบกลุ่มทุนสามานย์คนชั่ว ซึ่งเข้ามาทำธุรกิจการเมือง ยึดอำนาจรัฐในฐานะรัฐบาล หยุดโกงชาติก็ไม่ได้อีกด้วย!
ทั้งนี้ เพราะระบอบประชาธิปไตยกำมะลอ ที่กลุ่มทุนสามานย์ใช้การเลือกตั้งสกปรก เป็นหนทางยึดอำนาจรัฐแบบถูกกฎหมาย ได้ถูกกลุ่มทุนสามานย์ ที่มีเงินสกปรกมหาศาล จากการโกงเงินงบประมาณชาติ อีกทั้งใช้อำนาจรัฐ เอื้อประโยชน์ต่อการทำธุรกิจแบบได้เปรียบ ทั้งเหนือคู่แข่งและเหนือรัฐอย่างไม่โปร่งใส กระทั่งบางเรื่องบางโครงการถึงกับทำผิดกฎหมายแบบดื้อๆ
ที่สำคัญ..ทุกคณะรัฐประหารที่ผ่านมา ไม่เคยมีการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน โดยเฉพาะยังแก้ต้นเหตุปัญหาการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมไม่ได้! ยังแก้ต้นเหตุปัญหาเผด็จการรัฐสภาไม่ได้! ยังแก้ต้นเหตุปัญหารัฐบาลยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน ผ่านการเลือกตั้งสกปรกไม่ได้! ยังลงโทษกลุ่มนักการเมืองชั่ว ที่ทำผิดเหล่านั้นด้วยกฎหมายที่รวดเร็ว-เด็ดขาด-รุนแรงไม่ได้!
เมื่อการลงโทษคนชั่วที่โกงเลือกตั้งและโกงชาติ เบาหวิว-ไม่รวดเร็ว-เด็ดขาด-รุนแรงเท่าที่ควร ย่อมทำให้กลุ่มคนชั่วทางการเมืองไม่เกรงกลัว และการลงทุนทำธุรกิจการเมืองเพื่อปล้นชาติ ยังคงคุ้มค่าต่อการลงทุนเช่นเดิม เพราะหากยึดรัฐสภาและรัฐบาลได้ ย่อมใช้อำนาจรัฐและกลไกรัฐ ทำการถอนทุนบวกกำไรได้อย่างมหาศาลแน่นอน
ที่ผ่านมา..กลุ่มคนชั่วยกพลเข้ามา ยึดอำนาจรัฐสภาและรัฐบาล เพื่อปล้นชาติปล้นประชาชน และ “ล้มเจ้า” ได้ เพราะชาติไทยใช้ระบอบประชาธิปไตยอันจอมปลอม ผ่านการ “เลือกตั้ง” ที่ชั่วช้าสามานย์ ซึ่งเต็มไปด้วยการใช้เงินซื้อเสียงและการโกงสารพัดวิธี
การชิงชัยกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในสนามเลือกตั้ง สส. ของกลุ่มทุนสามานย์ เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญทุกฉบับ จะระบุชัดว่า สมาชิกทั้งสภาฯ ต้องมาจากการ “เลือกตั้ง” เท่านั้น และ นายกฯ จะต้องมาจาก สส. เกินกึ่งหนึ่งในสภาฯ ลงมติเลือก จากนั้นนายกฯ ก็ไปจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
หลังจบพิธีกรรมตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ รัฐบาลทุนสามานย์ซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง ก็สุมหัวกันบริหารชาติไป-ปล้นชาติไปเรื่อยๆ จนกว่ารัฐบาลจะถูกเปิดโปงจนฉาวโฉ่ ถูกประชาชนผู้รักชาติออกมาขับไล่ ลงท้ายอาจจบลงด้วยการ “ยุบสภา” หรือโดนทหารรัฐประหารโค่นล้มลง
แต่บทสรุปสุดท้ายของสุดท้าย จะวนกลับมานับหนึ่งใหม่ ด้วยการ “เลือกตั้งสกปรก” เหมือนเคย!
อย่างไรก็ตาม..ส่วนใหญ่แล้ว ในห้วงรัฐประหารครองชาติ นักเลือกตั้งจะมุดหัวหลบภัยก่อนเสมอ!
โดยนักการเมืองสามานย์เหล่านี้ ไม่เคยสำนึกผิดในกรรมชั่วที่ตนกระทำ ซึ่งทำให้ชาติเสียหายอย่างใหญ่หลวง จนประชาชนต้องชุมนุมขับไล่ และทหารจำต้องออกมาทำรัฐประหาร
แถมนักเลือกตั้งสามานย์ ที่ชาญฉลาดและมากประสบการณ์ จะรู้ว่า ยามอยู่ในห้วงแห่งการรัฐประหารนั้น จะต้องสงบกบดานลงชั่วคราว จะไม่แสดงทัศนะทางการเมืองใดๆ ที่เห็นต่างจากคณะรัฐประหาร และถ้าพูดเอาใจคณะรัฐประหารได้ โดยไม่เสียหายต่อภาพพจน์-จะทำทันที!
นักเลือกตั้งชั่วที่เจ้าเล่ห์แสนกลบางคน จะเข้าไป “ตีซี้” เป็นพี่เลี้ยงทางการเมือง ให้กับคณะรัฐประหารบางคน ที่หลงในอำนาจ-ลาภยศ-เงินทอง ซึ่งหวังจะใช้กลุ่มนักเลือกตั้งเจ้าเล่ห์เหล่านั้น มาเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ ผ่านระบอบประชาธิปไตยน้ำเน่าแบบเดิมๆ อีกต่างหาก
จากบทเรียนที่ผ่านมา ผลสุดท้ายของคณะรัฐประหารบางคน จึงมักพบกับความเสียหาย เสียชื่อเสียคน ในขณะที่กลุ่มนักเลือกตั้งเจ้าเล่ห์เหล่านั้น จะสวาปามผลประโยชน์ได้สารพัดรูปแบบ เช่น
ช่วงก่อนเลือกตั้ง จะได้เงินมากมายเพื่อหาเสียงและซื้อเสียง! ช่วงตั้งรัฐบาลผสม และช่วงผลักดันให้คณะรัฐประหารบางคน ได้ขึ้นเป็นนายกฯ และรัฐมนตรี นักเลือกตั้งเจ้าเล่ห์พวกนี้ มักจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญ! ช่วงเป็นรัฐบาลก็จะคอร์รัปชั่นอยู่ตลอด จนทำให้ “ท่านผู้นำชาติ” และรัฐบาลเสื่อมเสียชื่อเสียง
จนในที่สุด “ท่านผู้นำชาติ” ที่ยิ่งใหญ่จากการรัฐประหารในอดีต ซึ่งใช้นักการเมืองชั่วสืบทอดอำนาจ ให้ กลับ “ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ” โกงชาติ ให้กับนักเลือกตั้งเจ้าเล่ห์ไปโดยปริยาย จน “ท่านผู้นำชาติ” จนตรอก จำต้องลาออกหรือยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง
แล้ว “ท่านผู้นำชาติ” จะหายไปจากวงการเมือง ในสภาพ “ล้างมือในอ่างทองคำ” หรือ เสียคนจนไม่กล้าเจอหน้าคนในชาติ เพราะกลายเป็น“ผู้นำรัฐบาลโกงชาติ”!
แต่ที่แน่ๆ.. นักเลือกตั้งทุนสามานย์ส่วนใหญ่ในช่วงตกงาน ไม่ได้เป็นทั้ง สส. ในสภาและรัฐบาล มักมีคำพูดในหมู่นักเลือกตั้งดังนี้
“เฮ้ย!..รัฐบาลทหารอยู่ถาวรไม่ได้หรอก เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลเผด็จการทหารจะถูกชาติตะวันตก กดดันและแซงก์ชั่นทางการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อเร่งให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด” และ “ไม่ช้าก็เร็ว..ทหารจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง อดทน-ทนอดกันหน่อยนะโว้ย!”
โดยเฉพาะ “คนแดนไกล” ที่มีเงินสกปรกมหาศาลไว้ซื้อเสียง ได้ประกาศต่อหน้านักการเมืองทุนสามานย์ของตนว่า “เลือกตั้งเมื่อไหร่..พวกเราชนะ! ได้กลับมาบริหารชาติอีกครั้งแน่นอน!”
ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดนี้ เพื่อจะบอกว่า “บิ๊กตู่” ควร “ปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนก่อนเลือกตั้ง”..
เพื่อ “ทำให้คนดีได้ขึ้นปกครองชาติ และ กีดกันมิให้คนชั่วมีอำนาจในบ้านเมือง” นั่นเอง!