นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มีโครงการจัดซื้อเครื่องกลึงล้อรถไฟ วงเงิน 149.8 ล้านบาทว่า จากที่มีการประกาศขายเอกสารประกวดราคาไปเมื่อ วันที่ 2-6 พ.ย.58 และกำหนดยื่นเอกสารประกวดราคาในวันที่ 16 พ.ย.58 ปรากฏว่า มีบริษัทที่ยื่นการประกวดราคาเพียง 4 ราย และผ่านการคัดเลือกเบื้องต้น ที่จะสามารถยื่นเสนอราคาได้เพียงรายเดียว จึงเป็นเหตุให้ร.ฟ.ท. ไม่ต้องเปิดให้มีการแข่งขันราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงเป็นการเปิดทางให้ ร.ฟ.ท.สามารถเจรจาต่อรองราคาได้โดยตรงกับบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกเบื้องต้นดังกล่าวเพียงรายเดียวเท่านั้น
นายสามารถ กล่าวว่า การจัดซื้อครั้งนี้มีประเด็นที่ส่อพิรุธ คือ 1. ระยะเวลาในการเตรียมเอกสารสั้นมาก ข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง หรือ ทีโออาร์ ของร.ฟ.ท.ระบุให้บริษัทผู้สนใจ ต้องยื่นเอกสารทางเทคนิคหลากหลายประการ และต้องมีหนังสือยืนยันความพึงพอใจจากลูกค้าของบริษัทผู้ผลิตเครื่องกลึงล้อรถไฟในต่างประเทศ โดยที่หนังสือฉบับนี้ จะต้องมีการรับรองความถูกต้องโดยสถานทูตไทยในประเทศที่ลูกค้าของบริษัทผู้ผลิตตั้งอยู่ โดยทีโออาร์ ได้กำหนดให้บริษัทที่เข้าร่วมประมูล มีเวลาเตรียมเอกสารเพียง 5 วันทำการเท่านั้น ซึ่งสั้นมาก แค่ส่งเอกสารมาจากต่างประเทศก็แทบจะหมดเวลาแล้ว
2. ราคากลางที่ร.ฟ.ท.กำหนดไว้สูงเกินจริง ราคาเครื่องกลึงล้อรถไฟที่ขายกันในตลาดรถไฟทั่วโลกนั้น มีราคาเฉลี่ยเพียง 35 ล้านบาท แต่ร.ฟ.ท.ตั้งราคากลางไว้สูงถึง 149.8 ล้านบาท กอปรกับการที่ร.ฟ.ท.ใช้การประมูลโดยวิธีพิเศษทำให้ ร.ฟ.ท. ต้องซื้อเครื่องกลึงล้อรถไฟแพงกว่าปกติ เนื่องจากไม่มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ การเจรจาต่อรองราคาได้ผลว่า บริษัทที่ผ่านการคัดเลือกเบื้องต้นนั้น ยอมลดราคาให้ร.ฟ.ท.แค่ 1 ล้านบาท นั่นคือร.ฟ.ท.จะต้องซื้อในราคา148.8 ล้านบาท
"เพื่อให้การจัดซื้อครั้งนี้เป็นไปตามแผนที่เตรียมไว้ ผมทราบว่า ผู้เกี่ยวข้องจะฉกฉวยโอกาสวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งคนทั่วไปเตรียมเดินทางกลับบ้านหรือเดินทางท่องเที่ยว โดยจะเสนอเรื่องนี้ต่อ บอร์ด ร.ฟ.ท. ให้พิจารณาอนุมัติในการประชุมในวันอังคารที่ 12 เม.ย.นี้ ผมจึงขอเรียกร้องให้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ติดตามตรวจสอบการจัดซื้อครั้งนี้อย่างเร่งด่วน หาก รมว.คมนาคมเอาจริงเอาจัง ก็ไม่ยากที่จะหาตัวการสำคัญได้ และเหตุใดในช่วงนี้ร.ฟ.ท.จึงมักใช้วิธีการประมูลโดยวิธีพิเศษ เช่น การจัดซื้อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ 7 ขบวน และการจัดซื้อหัวรถจักร 50 คัน เป็นต้น ซึ่งทำให้ร.ฟ.ท.เสียผลประโยชน์" นายสามารถ กล่าว
นายสามารถ กล่าวว่า การจัดซื้อครั้งนี้มีประเด็นที่ส่อพิรุธ คือ 1. ระยะเวลาในการเตรียมเอกสารสั้นมาก ข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง หรือ ทีโออาร์ ของร.ฟ.ท.ระบุให้บริษัทผู้สนใจ ต้องยื่นเอกสารทางเทคนิคหลากหลายประการ และต้องมีหนังสือยืนยันความพึงพอใจจากลูกค้าของบริษัทผู้ผลิตเครื่องกลึงล้อรถไฟในต่างประเทศ โดยที่หนังสือฉบับนี้ จะต้องมีการรับรองความถูกต้องโดยสถานทูตไทยในประเทศที่ลูกค้าของบริษัทผู้ผลิตตั้งอยู่ โดยทีโออาร์ ได้กำหนดให้บริษัทที่เข้าร่วมประมูล มีเวลาเตรียมเอกสารเพียง 5 วันทำการเท่านั้น ซึ่งสั้นมาก แค่ส่งเอกสารมาจากต่างประเทศก็แทบจะหมดเวลาแล้ว
2. ราคากลางที่ร.ฟ.ท.กำหนดไว้สูงเกินจริง ราคาเครื่องกลึงล้อรถไฟที่ขายกันในตลาดรถไฟทั่วโลกนั้น มีราคาเฉลี่ยเพียง 35 ล้านบาท แต่ร.ฟ.ท.ตั้งราคากลางไว้สูงถึง 149.8 ล้านบาท กอปรกับการที่ร.ฟ.ท.ใช้การประมูลโดยวิธีพิเศษทำให้ ร.ฟ.ท. ต้องซื้อเครื่องกลึงล้อรถไฟแพงกว่าปกติ เนื่องจากไม่มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ การเจรจาต่อรองราคาได้ผลว่า บริษัทที่ผ่านการคัดเลือกเบื้องต้นนั้น ยอมลดราคาให้ร.ฟ.ท.แค่ 1 ล้านบาท นั่นคือร.ฟ.ท.จะต้องซื้อในราคา148.8 ล้านบาท
"เพื่อให้การจัดซื้อครั้งนี้เป็นไปตามแผนที่เตรียมไว้ ผมทราบว่า ผู้เกี่ยวข้องจะฉกฉวยโอกาสวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งคนทั่วไปเตรียมเดินทางกลับบ้านหรือเดินทางท่องเที่ยว โดยจะเสนอเรื่องนี้ต่อ บอร์ด ร.ฟ.ท. ให้พิจารณาอนุมัติในการประชุมในวันอังคารที่ 12 เม.ย.นี้ ผมจึงขอเรียกร้องให้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ติดตามตรวจสอบการจัดซื้อครั้งนี้อย่างเร่งด่วน หาก รมว.คมนาคมเอาจริงเอาจัง ก็ไม่ยากที่จะหาตัวการสำคัญได้ และเหตุใดในช่วงนี้ร.ฟ.ท.จึงมักใช้วิธีการประมูลโดยวิธีพิเศษ เช่น การจัดซื้อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ 7 ขบวน และการจัดซื้อหัวรถจักร 50 คัน เป็นต้น ซึ่งทำให้ร.ฟ.ท.เสียผลประโยชน์" นายสามารถ กล่าว
