xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ผ่าระบบโควตาตำรวจเปิดทางซื้อตำแหน่ง ผกก.แรมโบ้- ฟ้องขอระบบอาวุโส100%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -บรรยากาศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในระหว่างนี้ น่าจะลดความร้อนลงลงไปบ้าง หลังจากเกิดเรื่องเสี่ยรถเบนซ์ซิ่งนรก 2 ศพ คดีเก่าทายาทเครื่องดื่มชื่อดัง ถูกสังคมยกขึ้นมาให้ตรวจสอบกันอีก ตอนนี้ทำท่าจะไปไม่เป็น เพราะพบพิรุธต่างๆ มากมาย อาทิ สำนวนการสอบสวนระบุว่า ผู้ต้องหาเมาหลังขับ หรือเมาหลังเกิดเหตุ บางข้อหาถูกปล่อยให้หมดอายุความ และที่สำคัญภรรยาตำรวจผู้เสียชีวิตระบุว่า ยังไม่ได้เงินจำนวน 3 ล้านบาทเป็นค่าเยียวยาตามที่ปรากฏเป็นข่าว

เฉพาะคดีทายาทกระทิงแดง ฝ่ายตำรวจดูเหมือนว่ากำลังกวาด เช็ด ถู บ้านตัวเองอย่างหนัก ส่วนอัยการ คงไม่ต้องแสดงความเห็นอะไรกันมา ก็เป็นอย่างที่เราๆได้เห็นจากการแถลงไปเมื่อหลายวันก่อนแล้ว ซึ่ง “ต้นธาร”ความยุติธรรม มิได้แค่เพียงพนักงานสอบสวน หรือตำรวจเพียงฝ่ายเดียว ยังมีอัยการ รวมอยู่ด้วย

ความผิดเพี้ยนที่เกิดขึ้นหากมองลงไปอย่างเจาะลึกแล้ว คำตอบสุดท้ายของสิ่งผิดปกติ ลับๆ ล่อๆ ไม่โปร่งใสก็คือ มีการค้าความยุติธรรม ส่วนจะซื้อ-ขายกันอย่างไร ราคาเท่าไหร่ มีใครเกี่ยวข้างบ้าง หากหยิบคดีสั่งไม่ฟ้องทุกคดีทั่วแผ่นนี้มาตีแผ่ ประชาชนคนไทยก็คงได้อึ้งกันทั้งประเทศ เช่นที่อึ้งกับข้อหา “เมาหลังขับ”เป็นต้น
 
“ภาพลบ”มากมายที่เกิดขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวลานี้ ถ้าสตช.เป็นบริษัทเอกชนป่านนี้คงล้มละลายถูกขายทอดตลาดไปนานแล้ว เพราะประชาชน (ลูกค้า)หมดความเชื่อถือ

“ความเชื่อถือ”ดังกล่าวหลายฝ่ายได้ออกมาแสดงความเห็น ติติงด้วยความห่วงใย โดยเฉพาะสังคมไทย หรือกระทั่งตำรวจด้วยกันเองยังหาคำตอบไม่ได้ว่า เหตุใดสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงเบี่ยงซ้าย เบี่ยงขวา ไม่ยอมปฏิรูปตัวเอง ไม่ว่าการปรับลดอำนาจหน้าที่ให้น้อยลงเหลือเพียงดูแลปัญหาอาชญากรรม หรือความสงบเรียบร้อยของสังคมเท่านั้น

ตำรวจจราจร ตำรวจป่าไม้ ตำรวจเศรษฐกิจ ตำรวจคุ้มครองผู้บริโภค ตำรวจท่องเที่ยว และอีกสารพัดตำรวจ นอกจากไม่ยอมไปอยู่กับใครแล้ว กลุ่มพนักงานสอบสวน ที่เคยออกมาเย้วๆ จะไปขึ้นกับกระทรวงยุติธรรม วันนี้ถูกคำสั่ง ม.44 ให้ยุบแท่งสอบสวน กลับมาในระบบ 20-30 ปีก่อน

ก็คงไม่ต้องวิจารณ์อะไรกันมาก แต่อยากนำความห่วงใยของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานร่างรัฐธรรมนูญ ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า หากไม่สามารถปฏิรูปตำรวจให้สำเร็จได้ภายใน 1 ปี การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจจะต้องใช้ระบบอาวุโส 100 % แม้จะมีเสียงคัดค้านว่ามีผู้เดือดร้อนจากระบบนี้

ประธานร่างรัฐธรรมนูญ ให้เหตุผลที่ผู้มีอำนาจควรรับฟังไว้ด้วยว่า...หากทิ้งไว้องค์กรจะทรุดโทรม และเมื่อความไว้เนื้อเชื่อใจประชาชนถอดถอย ตำรวจจะลำบากเมื่อประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ

ทำไมนายมีชัย จึงยกระบบอาวุโส 100 % มาใช้ในการแต่งตั้งตำรวจ
 
เหตุผลง่ายๆ ก็คือ เพื่อขจัดการวิ่งเต้น-ซื้อขายตำแหน่ง !!??

แต่ความคิดนี้ถูกค้านด้วยเหตุผลว่า เป็นการปิดกั้นความก้าวหน้าของตำรวจที่ขยันทุ่มเททำงาน อีกทั้งระบบอาวุโสเพียงอย่างเดียว อาจจะเจอกับปัญหาพวกเช้าชาม เย็นชาม หรือพวกแก่กินข้าว รอความก้าวหน้าแค่เพียงประคองตัวหลับๆ ตื่นๆ ก็สามารถขึ้นเป็นใหญ่เป็นโต เป็นนายพลกันได้ตามวาระ

ถกเถียงกันมาทุกยุคทุกสมัย จนมาตกผลึกที่ระบบโควตา กล่าวคือ ใช้หลักอาวุโส 33 % และที่เหลือ 63 % มาจากความเหมาะสม ความดีความชอบ และแน่นอนว่ายังอาจรวมไปถึงบรรดาเด็กเส้น เด็กมีปลอกคอ-มีค่าย หรือหนักที่สุดคือ กลุ่มที่มีพฤติการณ์ซื้อขายตำแหน่ง

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ผกก. สส.ภ.จว.อำนาจเจริญ ในฐานะประธานมูลนิธิต่อต้านยาเสพติด หรือ ”ผู้กำกับแรมโบ้”นายตำรวจคนดัง มักประกาศกับสังคมเสมอว่า ตำรวจดี-เด่น-ดัง ไม่สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจเจ้านายได้ แต่ตำรวจที่ชนะเลิศ เติบโตในอาชีพราชการอย่างรวดเร็ว สามารถข้ามหัวรุ่นพี่ รุ่นพ่อ ไปได้อย่างหน้าตาเฉยก็คือ พวก“สืบสายโลหิต เป็นศิษย์ข้างตัว และเสบียงหลังบ้าน”

ทั้ง 3 คุณสมบัติบวกกับ “ดวง” ด- เป็นเด็กใคร ว-วิ่งเต้น ง-ใช้เงิน เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ปัจจุบันจึงเห็นนายพลเกร่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และที่ปวดร้าวใจตำรวจส่วนใหญ่ก็คือตำรวจรุ่นลูกบางคนที่วันๆ เอาแต่เดินตามตูดผู้มีอำนาจ ขณะนี้ติดยศพนายพลไปเรียบร้อย

“สุรโชค”หรือผู้กำกับแรมโบ้ เป็นนายตำรวจอีกผู้หนึ่งที่เห็นว่า ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่ใช้ระบบโควตา 67/33 ก็คือช่องทางที่เปิดให้มีการซื้อขายตำแหน่ง หรือเอื้ออำนวยให้เกิดการเล่นพรรคเล่นพวกกันได้ กล่าวคือ 67 % ที่ไม่นับหลักอาวุโสนั้น ขอเพียงไม่เคยมีความผิดทางอาญา หรือวินัย ไม่ผิดใจกับเจ้านาย เป็นพวกที่เช้าถึง เย็นถึง เป็นที่รักที่เอ็นดูของผู้มีอำนาจ หรือถูกอกถูกใจคนรอบตัวผู้มีอำนาจก็สามารถเดินทางลัด ให้เป็นนายเวร บ้าง เป็นหัวหน้าสำนักงานบ้าง

กฎ กติกากำหนดกันตามใจผู้นำองค์กร สังเกตจากในแต่ละปีออกมาไม่เคยซ้ำกัน บางกรณีใช้เหตุผลเร่งด่วน หรือพวก “Fast Track”

ประธานมูลนิธิต่อต้านยาเสพติด ยกผลงาน และประวัติให้ลองนำมาเทียบเคียงกับตำรวจรุ่นน้อง รุ่นหลาน และรุ่นเพื่อน ที่เติบโตมาพร้อมๆกัน เช่น เขาเริ่มรับราชการเป็นรองสารวัตร ราวปี 2520 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ที่ปรึกษา สบ.10 เทียบเท่า รอง ผบ.ตร. และสมัยประจำอยู่กองปราบปราม เป็นรุ่นพี่ของนายพลตำรวจหลายคน ที่กำลังมีอำนาจอยู่ในขณะนี้

ผลงานที่ควรจดจำของเขา คือ 1. คดีฆ่าข่มขืน น.ส.มาลัย สาวอะโกโก้เหตุเกิด สน.สำเหร่ แต่จับแพะ เขาสามารถลากคอฆาตกรตัวจริงมาได้ เป็นข่าวเกรียวกราวเมื่อปี 2530 2. คดีจัง ยาไฉ มือปืนจีนแผ่นดินใหญ่ฆ่า 100 ศพ หลบมาซ่อนตัวในประเทศไทย สามารถจับได้ในพื้นที่ สน.บางยี่ขัน 3. จับมือฆ่าล้างตระกูลหลิม บุญเยี่ยม เหตุเกิด สภ.อ.กำแพงเพชร เมื่อปี 2537 พฤติการณ์คนร้ายโหดเหี้ยมทารุณ มีการเชือดคอเด็ก คนชรา แล้วเผาอำพราง 4. ปิดคดีแก๊งนายโจ เมืองนนท์ ปล้นธนาคาร และฆาตกรต่อเนื่อง สน.บางกอกน้อย 5. คดีคนร้ายฆ่า นางมยุรี นักวิชาการกระทรวงเกษตรฯ อดีตเทพีหาบเงิน-หาบทองพิธีแรกนาขวัญ 6. คดีน่ายสุพจน์ ชวดชุม ปล้นฆ่าเรียกค่าไถ่ นายฐิติชาติ เศรษฐี 100 ล้าน ข่มขืนเลขาสาว ก่อนนำศพโยนทิ้งเหวสุวัต เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา และอีกมากมาย

เส้นทางชีวิตราชการเป็นรองสารวัตร 13 ปี สารวัตร 6 ปี รอง ผกก. 15 ปี เแม้บางช่วงบางตอนจะลาออกมาสมัคร เลือกตั้ง ส.ส. 2 ครั้ง ส.ว.3 ครั้ง แต่เขาเชื่อว่าหากไม่ถูกกลั่นแกล้ง หรือสำนักงานตำรวจแห่ชาติ มีระบบการแต่งตั้งที่ถูกต้อง-ชอบธรรม ชีวิตการรับราชการของเขาก็ควรติดยศนายพลตำรวจ เป็นอย่างน้อย

ปี 2555 อันเป็นปีที่ชะตาชีวิตตกต่ำถึงขีดสุด“ลูกตาย -บ้านแตก” แยกทางกับภรรยา จึงตัดสินใจเดินหน้ายื่นฟ้องคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ในขณะนั้น เพื่อขอให้นำระบบอาวุโส 100 % ซึ่งใช้ในข้าราชการอัยการ ศาล ด้วยกฎระเบียบเดียวกันกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโอกาสเดียวกันให้เยียวยาการเสียโอกาสในตำแหน่งหน้าที่การงานด้วย
 
แม้จนบัดนี้ ยังไม่มีคำตอบจากศาลปกครอง แต่เขาก็เชื่อว่าหากมีตำรวจออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง ออกมาต่อสู้กับคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมโดยคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ก็ดี หรือผู้บังคับบัญชาอื่นๆ ก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น จะต้องเกิดกับสังคมตำรวจ และประเทศชาติอย่างแน่นอน



กำลังโหลดความคิดเห็น