ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ต่อรองกันดุเดือดเลือดพล่านออกอากาศกันเลยทีเดียว คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กับ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถกเถียงกันถึงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่คอการเมืองยังชายตามองทำนองเย้ยหยันว่า มันเป็นแค่ลิเกหน้าฉาก ต่อรองยื้อยุดกันไปมา สุดท้ายก็วิน-วิน ส่วนคนสูญเสียก็ผู้ชม ผู้ฟัง และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ต้องก้มหน้ายอมรับกติกามหาโหดแบบจำนน เพราะเชื่อเหลือเกินว่าถึงประชามติไม่ผ่าน ก็จะมีฉบับมัดมือชกเนื้อหาเลวร้ายไม่แพ้กันมาบังคับใช้กับอาณาประชาราษฎร์
โดนสับขาหลอกจนลืมกันไปแล้วกระมังว่า ฉบับกรธ. ที่เขียนไว้เดิม ก็เลวร้ายเข้าไส้ หลักการประชาธิปไตยหายเข้ากลีบเมฆ ประชาธิปไตยครึ่งใบถูกนำมาใช้หลอกหลอนประชาชนในเร็วๆ นี้แน่ มีอย่างที่ไหนให้อำนาจพวกแต่งตั้งมาคัดง้าง ทัดทาน กระทั่งล้มล้างอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย หลักการเบื้องต้นแค่นี้ก็บิดเบี้ยวไปแล้ว ไม่ต้องไปดูอย่างอื่นให้เมื่อง่ามขา...
แล้วในที่สุดเกมต่อรองก็ออกมาตามคาด พบกันครึ่งทาง ค่อนทาง ส.ว. ลากตั้ง 250 คน กระมิดกระเมี้ยนเอาไปเลือกไขว้ตามหลักการกรธ. เสีย 50 คน พอเป็นพิธี นัยว่ากลัวคนจะด่า และเสียฟอร์ม แต่คนแถวนี้ยิ่งด่าหนัก ทำแค่นี้อย่าทำดีกว่า 50 คนจิ๊บจ๊อยเกินไป อีก 200 คน คสช.จิ้มเลือกสบายแฮ เอวังพังพาบ !!!
ส่วนข้ออื่นๆ ก็อย่างที่รู้กันไป คอลัมนิสต์วิจารณ์จนกลายเป็นขี้ไปหมดแล้ว เพราะชั่วโมงนี้กระดานการเมืองไม่ว่าที่ไหนก็พูดแต่สิ่งนี้จนบางที่ก็น่าเบื่อ รำคาญไปซะฉิบ ที่มานายกฯ ระบบเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้ง สุดท้ายมันก็เป็นประชิปไตยบิดเบี้ยว หนีไม่พ้นหรอก...เพราะมันคลอดออกจากมดลูกเผด็จการ
หันไปดูมุมการเมืองเรื่องของพาวเวอร์เพลย์ดีกว่า โฟกัสไปที่ความเคลื่อนไหวของฟากฝั่งขั้วตรงข้ามอำนาจรัฐ ณ ยามนี้ "ทักษิณแอนโค" หลังจากนายใหญ่นักโทษ ทักษิณ ชินวัตร สวมบทนักเลงโตโม้ข้ามโลก พ่นน้ำลายสาดใส่รัฐบาลคสช. รวมทั้งผู้มีอำนาจบารมีทั้งหลาย ตลอดจนกรธ.ของซือแป๋ มีชัย ฤชุพันธุ์ แบบสาดเสียเทเสีย ไม่มีอะไรดีเลยในสายตาอดีตนายกฯ หน้าเหลี่ยม ก็หายกลับเข้าที่กบดาน เงียบไปพักใหญ่ เหมือนไปซุ่มซ่อนดูผลงานตัวเอง รวมทั้งผลงานของฝ่ายศัตรู
ออกมาทิ่มปลายคางไป 2-3 หมัด เตะตัดขาไปอีกดอกสองดอก เล่นเอาคนทางนี้มีอาการเหมือนกัน แต่ยังเก็บอารมณ์กันไหวอยู่ ไม่ไปต่อความยาวสาวความยืด ให้นายใหญ่แห่งค่ายเพื่อไทยได้ใจใส่หมัดชุด แต่กระนั้นสายสืบสามสลึงเกือบถึงบาทก็สืบทราบและคาดการณ์ว่า เมื่อกรธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญสะเด็ดน้ำสุดท้าย ก่อนเผยแผ่เนื้อหา หรือเรียกว่าคำสั่งก็มิทราบได้ให้แก่ประชาชนตาดำๆ ไปศึกษาก่อนลงคะแนนในวันตัดสินประชามติ นายใหญ่นักโทษจะแบกหน้าเหลี่ยมออกมาชำแหละร่างรัฐธรรมนูญอย่างเผ็ดร้อนอีกครั้ง
จากเดิมที่เคยตำหนิติติงว่าเป็นร่างรัฐธรรมนูญย้อนยุคเหมือนเผด็จการเมียนมา เกาหลีเหนือ อาจออกมาถลุงหนักกว่าเก่า ย้อนยุคไปเหมือนเผด็จการฟาสซิสต์ ฮิตเลอร์ ยังไงยังงั้นเชียวแหละ
ส่วนตอนนี้ปล่อยให้ลูกหาบเล่นเกมตีรวนป่วนกระดานข่าวไปก่อน ออกมาวิจารณ์เป็นงานรูทีน เพราะทำอะไรนอกเหนือกว่านี้ไม่ค่อยได้
พลพรรคเพื่อไทยประเมินสถานการณ์จากร่างรัฐธรรมนูญตอนนี้แล้วก็ได้แต่นั่งกุมขมับเป็นทิวแถว เพราะหนทางแหวกด่านมะขามป้อมกลับมาเป็นรัฐบาลยากเย็นเต็มทน เมื่อเห็นโมเดลฉบับกรธ. และคสช. ที่วางกลไกส.ว.เป็นตัวแปรในสภาไว้ถึง 1 ใน 3 คือมีจำนวน 250 จากทั้งหมดสองสภา 750
และเมื่อดูระบบเลือกตั้ง บัตรใบเดียว ยิ่งทดท้อใจ โอกาสที่จะได้ส.ส.ถึงครึ่งหนึ่งของสภาล่าง 250 คน แทบเป็นศูนย์ แต่เบื้องต้นยังใจชิ้นได้หน่อยว่า ส.ว.ไม่มีอำนาจมาโหวตนายกฯ มิฉะนั้นปิดประตูลั่นดาลได้เลย เป็นฝ่ายค้าน 100%
แต่กระนั้นก็ตามที ถึงจะเป็นรัฐบาลได้ ก็จะไปได้ซักกี่น้ำกันในเมื่อส.ว.มีอำนาจล้นพ้นตัวขนาดนั้น ถึงแม้ยังก้ำกึ่งว่าจะโหวตซักฟอกได้หรือไม่ก็ตาม หากลงมติโหวตเรื่องสำคัญได้ไม่ต่างจากอำนาจส.ส. เช่น โหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณ หากไม่ผ่านตามธรรมเนียมรัฐบาลก็ต้องพังพาบลาออก หรือไม่ก็ยุบสภา เหลียวซ้ายแลขวากับดักเต็มไปหมด
สมการหนึ่งที่คิดได้แต่ทำยากเหลือเกิน ในเมื่อวันนี้ความเห็นทิศทางของนักการเมืองล้วนสอดคล้องตรงกัน ไม่เห็นด้วยกับฟากฝั่งเผด็จการ ก็น่าจะจับมือกันไว้ก่อนเพื่อต่อต้านอำนาจเผด็จการในเบื้องต้น คือพรรคเพื่อไทยจับมือพรรคประชาธิปัตย์ในสภาล่าง จากนั้นควบรวมพรรคการเมืองขนาดกลาง ขนาดเล็ก มาเป็นพันธมิตรให้หมดสิ้น ยึดอำนาจสภาล่างต่อรองสภาสูง !!
แบบนี้น่าจะไปได้ตลอดรอดฝั่ง แต่อย่างว่าคิดง่าย แต่ทำยาก เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ไม้เบื่อไม้เมา จะฆ่าแกงกันมาแล้วก็หลายรอบ จะให้มาร่วมมือกันคงยากกว่างมเข็มในมหาสมุทรสุดล้ำลึก จะว่าไปการให้ประชาธิปัตย์ไปแตะมือกับฝ่ายทหารยังง่ายกว่า นอกจากนั้นต้องถามใจพรรคเพื่อไทยรวมทั้งคนเสื้อแดงด้วย เอาเข้าจริงจะกล้าหรือ ต้องยึดมั่นถือมั่นในจุดยืนของตัวเองเท่านั้นแหละ สมการนี้คงต้องพับกลับเข้าลิ้นชักไป พรรคเพื่อไทยยามนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนอกกำลังจะอกแตกตาย
แต่ด้วยกลไกรูปแบบการเมืองแบบนี้ประชาธิปัตย์ยังเป็นกลจักรตัวแปรสำคัญว่าจะสวิงไปอยู่ข้างไหน ร่วมกับเพื่อไทยบอนไซเผด็จการ หรือร่วมกับทหารฆ่าฟันอริราชศัตรูตัวฉกาจให้สิ้นอำนาจมนต์ขลัง คอการเมืองต้องจับตารอชมห้ามกระพริบตา
กระดานการเมืองคงต้องโฟกัสไปที่ร่างรัฐธรรมนูญและความเคลื่อนไหวของฝ่ายผู้มีอำนาจอีกพักใหญ่ เพราะเมษาร้อนทำท่าจะไม่ร้อนเหมือนอย่างที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยและนายใหญ่คาดการณ์ โผทหารกลางปี ก็ชิวๆ ไม่ขยับแบบสุดโต่ง แรงกระเพื่อมไม่มากมายอย่างที่คิด
ฝ่ายถือดุลอำนาจก็ประเมินสถานการณ์เช่นกันว่า ยามนี้ที่สารพัดปัจจัยรุมเร้าเสียดทาน ภาวะเศรษฐกิจอมโรค นานาชาติกดดัน ยังไม่ใช่เวลาจะมาถือหอกดาบโรมรันกันเอง ศึกในพักไว้ก่อนต่อต้านศึกนอกเป็นสำคัญ อะไรถ้อยทีถ้อยอาศัยให้พอไปได้ก่อนต้องเลือกทางนั้น
จะทอดเวลายื้อเวลาสืบอำนาจไปดื้อๆ ย่อมทำไม่ได้ ต้องกำหนดให้มีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้งไปก่อนในเบื้องต้น เพื่อผ่องถ่ายแรงเสียดทานทั้งหมดทั้งมวล เมื่อสถานการณ์คลายตัวแล้วค่อยมาว่ากันในบทใหม่ จะวางหมากก้าวเดินกันต่อไปอย่างไร ไม่มีทางที่จะปล่อยให้อำนาจห่างมือง่ายๆ ลงจากหลังเสือแล้วอันตรายจะเสี่ยงทำไม ต้องโดดลงจากหลังเสืออย่างปลอดภัยและสง่างาม...
