xs
xsm
sm
md
lg

ประชาธิปไตยถูๆ ไถๆ แบบไทยๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์

ขอบอกก่อนว่าข้อเขียนวันนี้มีเนื้อหาเชิงให้ฉุกคิดเพื่อเตือนความจำประวัติศาสตร์การเมืองกำลังด้อยพัฒนาของบ้านเรา มุ่งเน้นประเด็นบันเทิงเชิงหรรษาของผู้ยังจมปลักในกระบวนการประชาธิปไตยกำมะลอ มิได้มีเจตนาแกว่งเท้าหาเสี้ยน แกว่งปากหาเกือกหรือแสวงหาความเดือดร้อนใส่ตัวจนมีคนอยากพาไปดื่มกาแฟยามค่ำคืนแต่ประการใดฮ่า!

บทความนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการเฝ้ามองสภาวะทุลักทุเล ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งในการแต่งรัฐธรรมนูญฉบับตามใจคุณท่าน ยิ่งเห็นท่านมีชัยไทยแลนด์ทำหน้าผะอืดผะอมเหมือนดมเยี่ยวค้างคืน ก็ยิ่งสร้างความรู้สึกหดหู่เห็นเค้าลางอนาคตมืดมนไร้ความสดใส

ร่างรัฐธรรมนูญฉบับตามใจคุณท่านจึงอยู่ในสภาพลูกผีลูกคน นักร่างคนอื่นๆ ดูบื้อเบื้อเหมือนน้ำท่วมปาก ได้แต่กลอกตาเก็บอาการ ภารกิจที่ว่าจะให้เป็นรัฐธรรมนูญเลิศสะแมนแตนเลื่องระบือทั้ง 3 โลก น่าจะเป็นเพียงกากประชาธิปไตยฉบับตามใจกูผู้มีอำนาจ

เอาเถอะ! เมื่อผู้มีอำนาจอยากได้อะไร มีทางเลือกให้ท่านมีชัย ก็ต้องว่ากันไปก่อนจะไปถามประชาชนผ่านประชามติว่า “โอเคมั้ย” ซึ่งกลุ่มนักลงทุนซื้อเสียงในขบวนการธนาธิปไตยบังหน้าฉากของโจราธิปไตยได้ตั้งป้อมไว้แล้วว่าจะไม่ยอมให้ผ่านไปได้แน่นอน

ประชาธิปไตยยุคเงินฝืดน่าจะมีผลเชิงบวกในการชักชวนให้นักลงทุนซื้อเสียงทุ่มอย่างมากถ้าเห็นว่าคุ้มในการช่วงชิงอำนาจรัฐมาเพื่อถอนทุน ฟื้นฟูมหกรรมโกงคำโตจ้อง เขมือบหนักถึง 40 เปอร์เซ็นต์จนบ้านเมืองใกล้ล่มจม พวกคุณท่านจึงต้องทำรัฐประหาร

มีข่าวน่าอนาถวานนี้ว่าผู้บริหารบ้านเมืองจะเสนอมาตรการสิ้นคิดแบบเดิมๆ มาใช้โดยนำเงิน 15,000 ล้านบาทจากคลังมาแจกให้ข้าราชการ 1 ล้านคน หัวละ 1 พันบาท อ้างง่ายๆ ว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังซบเซา ทั้งๆ ที่สภาพปัจจุบันการทุ่มเงินไม่ใช่ทางออก

มาตรการสิ้นคิดที่ว่านี้จะนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีวันนี้แหละ ทำกันง่ายๆ ไม่ต้องใช้สมองฝันเฟื่อง นักการภารโรงกระทรวงการคลังน่าจะมีความคิดบรรเจิดกว่านี้ ถ้ามีโอกาสได้เป็นเสนาบดีแบบฟลุก เมื่อพวกท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้งก็ไม่ใส่ใจว่าใช้เงินของใคร

นี่จะเป็นการตำน้ำพริกอีกครกละลายแม่น้ำ แม้น้ำจะแห้งแค่ไหนยามหน้าแล้งนี้ ก็ไม่ทำให้น้ำเผ็ดได้ เพราะปัญหาเศรษฐกิจเงินฝืดเรื้อรังนานถึง 14 เดือนยังจะซึมลึกอีกนาน มาตรการสิ้นคิดแบบนี้สหรัฐฯ และญี่ปุ่นเคยใช้มาแล้ว เราก็เคยใช้ มีแต่ทำให้พ่อค้ารวยขึ้น

หวังว่าความเสียหายจากการใช้เงินอีลุ่ยฉุยแฉกแบบสิ้นคิดนี้จะมีคนรับผิดชอบต่อความเสียหายด้วยนะ เพราะเงินมาจากภาษีของชาวบ้าน น่าจะเอาไปเป็นกองทุนทำโครงการฝึกอาชีพเสริมให้ข้าราชการและชาวบ้านทั่วไปจะได้มีช่องทางหารายได้เพิ่ม

ได้หัวละ 1 พันบาท ส่วนใหญ่คงถูกละลายไปกับร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยนั่นแหละ เป็นเบี้ยหัวแตกไม่มีหนทางกระตุ้นอะไรได้ ไปเพิ่มความหนาของกระเป๋าเจ้าสัว นี่เป็นผลพวงของประชาธิปไตยถูๆ ไถๆ ใช้เงินแบบชุ่ยมักง่าย ไร้การตรวจสอบแบบเดิมๆ

มาว่าเรื่องรูปแบบประชาธิปไตยถูๆ ไถๆ กำลังด้อยพัฒนาแบบไทยๆ ดูว่าจะไปจบเห่อีกรอบแบบไหน ถ้าจะมีมหกรรมซื้อเสียงเลือกตั้งอีกรอบ นั่นต้องรอให้รัฐธรรมนูญฉบับตามใจคุณท่านผ่านประชามติเสียก่อน อาจง่ายเพราะพวกหัวคะแนนมาเฟียถูกคุมเข้มแล้ว

ไม่ต้องย้อนถึงยุค “คณะราษฎร์” จอมปลอม ซึ่งอ้างประชาชนบังหน้าทำรัฐประหารกบฏต่อแผ่นดินในปี 2475 หรอก เอาการเมืองน้ำเน่ายุคเริ่มด้อยพัฒนาสมัยใหม่เมื่อ 20 กว่าปีเพราะเดินตามรูปแบบรัฐประหารแล้วรวยของรุ่นบุกเบิก “คณะราษฎร์” นั่นแหละ

การรัฐประหารโดยคณะ “เรือเสือช้าง” นั้นเป็นต้นแบบประชาธิปไตยแบบง่ายๆ การเลือกผู้นำรัฐบาลไม่เรื่องเยอะ มีเพียงคำพูด “ถ้าสุไม่เอาก็ให้เต้” โดยนายพลเสื้อคับจนมดดิ้นลอดจากแขนไม่ได้ เจ้าของอมตะวจีลือลั่น “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน”

นั่นเป็นความผยองอำนาจของประชาธิปไตยสีเขียวแบบหักดิบตามใจกู “เสียสัตย์เพื่อชาติ” รับประกันความมั่นคง 2 พันเปอร์เซ็นต์โดยแม่ทัพบก พี่ภรรยาคุณบิ๊กสุ ส่วนคุณนายประกาศว่าได้ฝันว่าเหาะข้ามเขา 3 ลูก คณะบิ๊กสุจะเป็นนายกฯ ยาวนานหลายปี

พลันปรากฏมหกรรม “พฤษภาทมิฬ” ชาวบ้านรวมตัวชุมนุมออกมาเสี่ยงตายกลางถนนราชดำเนินคุณนายน่าจะฝันไม่เสร็จ เพราะไม่ทันเห็นว่าหลังจากข้ามเขาได้เพียง 40 กว่าวันแล้วมีเหวลึกอยู่ข้างหน้า รัฐบาลคุณบิ๊กสุต้องจบเห่ หลบหน้าชาวบ้านจนทุกวันนี้

นั่นเป็นเพราะการดูเบา ดูถูกพลังประชาชน คิดง่ายๆ ว่าถ้ากล้าแหกตาหักดิบชาวบ้านแบบซึ่งหน้า ชาวบ้านจะไม่มีปากเสียงเพราะกองทัพค้ำอำนาจรัฐอยู่ บทเรียนอันเจ็บปวดทำให้นายทหารรุ่นเดียวกันต้องกล้ำกลืนอยู่กับความอัปยศนานกว่า 20 ปีแล้ว

หลังจากนั้น มีเสียงรับประกันเป็นระยะๆ ว่า “การรัฐประหารเป็นเรื่องล้าสมัย” จนการแจ้งเกิดของคณะ “ควายม้าช้าง” นำโดยบิ๊กบัง เด้งท่านเหลี่ยมตกจากอำนาจผยอง ต้องเผชิญวิบากกรรมโทษอาญาหลายคดีต้องหลีกลี้หนีหน้าไปเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ

เมื่อบิ๊กบังไม่ขอเป็นใหญ่ซะเอง มอบให้ชาวคณะขิงแก่มากุมอำนาจรัฐ เริ่มบทเรียน “เยี่ยวไม่สุด” ผลสุดท้ายเป็นการปูทางให้ขบวนการเหลี่ยมคืนอยู่อำนาจฟื้นฟูความผยองอีกครั้ง มีตัวแทนคือท่านสมัคร ตามด้วยท่านชายตู้เย็นม่านรูดผู้ไม่มีวาสนาอยู่ในทำเนียบฯ

คุณท่านคณะปัจจุบัน “ควายเสือช้าง” มาจากต้นทุนต่ำสุด ส่งเสียงล้งเล้งคำรามดังที่สุด มีอำนาจพิเศษมากที่สุด แต่ผลงานถูกสงสัยมากที่สุดว่าทำไมไม่ใช้อำนาจปฏิรูป บางครั้งพฤติกรรมถูกสงสัยว่าซูเอี๋ยกับขบวนการเหลี่ยม มีแผนแฝงเร้นอยู่ยาวอีก 5 ปีด้วย

ย้ำซ้ำๆ ว่า “ไม่สืบทอดอำนาจ” ก็หาคนเชื่อได้ยากเมื่อพฤติกรรมน่าสงสัยดูไม่จริงใจเรื่องที่มาของนายกฯ และ ส.ว.แฝงเงื่อนงำ รอดูก็แล้วกัน “ควายเสือช้าง” จะจบเห่ท่าไหน
กำลังโหลดความคิดเห็น