**เข้มข้นขึ้นทุกขณะกับการเดินหน้าสะสางคดีเครือข่ายธรรมกาย หลัง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ลั่นต้องเดินหน้าสอบปากคำ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ให้ได้ หลังก่อนหน้านี้ ดีเอสไอ ไม่สามารถสอบปากคำสมเด็จช่วง กรณีครอบครองรถเบนซ์โบราณผิดกฎหมาย เมื่อค่ำวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมาได้ เนื่องจากฝ่ายกฎหมายของวัดขอให้ ดีเอสไอ ไปกำหนดประเด็นคำถามเป็นลายลักษณ์อักษรส่งมาให้วัดปากน้ำ พิจารณา***
ทำให้ รมว.ยุติธรรม ระบุหากยังเล่นแง่กันแบบนี้จะให้ ดีเอสไอ ออกมาเรียกและออกหมายจับ ในฐานะเป็นพยานและฐานะผู้ต้องหา หากยังใช้วิธีประวิงเวลากันอยู่ ก็น่าจะทำให้ทีมทนายความของสมเด็จช่วง สะดุ้งกันไม่น้อย แต่ความคืบหน้าส่วนอื่นก็ดำเนินไป โดยล่าสุด ดีเอสไอ มีนัดสอบปากคำ พระมหาศาสนมุนี หรือ หลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และเลขานุการส่วนตัวสมเด็จช่วง ซึ่งเป็นผู้ถวายรถ ในวันที่ 21 มี.ค.นี้
เมื่อคดีงวดเข้ามาเรื่อยๆ เพราะคสช.เองก็ต้องการเคลียร์เรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว เพื่อจะได้เป็นทางออกให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มีเหตุผลในการไม่นำชื่อ สมเด็จช่วง ขึ้นทูลเกล้าฯ หากสุดท้ายแนวสอบสวนของดีเอสไอ ออกมาทำนองทำให้สมเด็จช่วงฯ มีปัญหาในเรื่องคดีความ
ทำให้ต้องจับตาว่า ฝ่ายเครือข่ายธรรมกาย และสมเด็จช่วง คงไม่ยอมให้ลูกพี่ตัวเองถูกรุกไล่ แต่การขยับนั้น จะทำแบบไหนต้องติดตาม เพราะดูแล้วคงเอาแน่ แต่ระหว่างนี้ เมื่อเจอทั้งตำรวจ-ทหาร บล็อกไว้หลายทาง ก็ทำให้ฝ่ายเครือข่ายธรรมกายและสมเด็จช่วง ต้องตั้งหลักก่อน แต่เน้นการเคลื่อนไหวทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ไปพลางๆ ก่อน
ล่าสุด แนวร่วมของฝ่าย ธรรมกาย-สมเด็จช่วง ที่โผล่ออกมาแล้วทำให้เห็นจิ๊กซอว์ ความสัมพันธ์ระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร-พรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดง-วัดธรรมกาย-ธัมมชโย-สมเด็จช่วง ก็คือ พล.ต.อ.สุวรรณ สุวรรณเวโช นายกสมาคมตำรวจ ที่ทางพระเมธีธรรมาจารย์ หรือ เจ้าคุณประสาร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ขอบคุณพล.ต.อ.สุวรรณ ที่ส่งหนังสือที่ สตร.248/2559 เรื่องสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเจ้าคุณประสาร และเครือข่ายศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
โดยระบุว่า ขอสนับสนุนพระเมธีธรรมจารย์และคณะสงฆ์ในการเคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมา เพื่อให้พิทักษ์พุทธศาสนาไว้ให้ยั่งยืน มั่นคงสืบไป
ที่ผ่านมาไม่ต้องสงสัยถึงความสัมพันธ์ระหว่าง พระเมธีธรรมาจารย์ กับทักษิณ และคนเสื้อแดง เพราะแค่ภาพที่ พระเมธีธรรมาจารย์ ไปร่วมกิจกรรมต่างๆ กับทักษิณ แล้วถ่ายรูปร่วมกันหลายครั้งในต่างประเทศที่ทักษิณหนีคดี เช่น ที่สหรัฐอเมริกา หรือกัมพูชา ตอนทักษิณมาเปิดเวทีเสื้อแดงที่เมืองเสียมราฐ สมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ทางพระเมธีธรรมาจารย์ ก็นำคณะไปหาทักษิณถึงโรงแรมที่พัก ที่กัมพูชามาแล้ว
คนทั้งประเทศ ทั้งพระสงฆ์และฆราวาส ต่างรู้ถึงสายสัมพันธ์ของพระเมธีธรรมาจารย์ กับทักษิณ –แกนนำพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงเป็นอย่างดี
ยิ่งเมื่อพล.ต.อ.สุวรรณ มาผสมโรงด้วย ก็ยิ่งชัดมากขึ้น เพราะใครต่อใครก็รู้กันในวงการตำรวจ และวงการการเมืองว่า ทักษิณ ชินวัตร สมัยยังรับราชการเป็นตำรวจอยู่ ตัวทักษิณ นั้น นับถือพล.ต.อ.สุวรรณ ในฐานะเป็นอาจารย์คนหนึ่ง เพราะ พล.ต.อ.สุวรรณ เป็นอดีตตำรวจสายวิชาการ –สอบสวน ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องกฎหมาย การสอบสวน วิธีการวิจัย โดยสอนเรื่องพวกนี้มานานในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีลูกศิษย์อยู่ในวงการตำรวจ อดีตตำรวจมากมาย ที่ก็มีทักษิณด้วยคนหนึ่ง เช่นเดียวกับที่ พล.ต.อ.สุวรรณ ก็มีบทบาทและตำแหน่งต่างๆ ในสมาคมตำรวจมายาวนาน
ส่วนสายสัมพันธ์กับทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องพูดถึง ใครต่อใครก็รู้กันดี และยังเคยใช้สถานะของตัวเองในสมาคมตำรวจออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนทักษิณมาตลอด อย่างเช่น ในช่วงก่อนที่ ศาลรธน.จะตัดสินคดีซุกหุ้นภาค 1 พล.ต.อ.สุวรรณ ที่ตอนนั้นยังติดยศ พล.ต.ท. ก็ออกมาเคลื่อนไหวทำจดหมายเปิดผนึก ในนามเลขาธิการสมาคมตำรวจ ทำหนังสือถึงตำรวจทั่วประเทศ ร่วมกันลงชื่อสนับสนุนให้ทักษิณบริหารประเทศต่อไป ก่อนที่ต่อมาศาลรธน. จะตัดสินให้ทักษิณรอดพ้นความผิด กรณีปกปิดบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน
ที่เด่นชัดอีกกรณีหนึ่งก็คือ หลังทักษิณรอดพ้นคดีซุกหุ้นแล้ว ก็พยายามจะหาทางช่วย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่เขย ให้ได้พาสชั้นติดยศ พล.ต.อ.เร็วๆ จะได้จ่อขึ้นเป็น ผบ.ตร. แต่ตอนนั้นมีปัญหาว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่ช่วงทักษิณ รอดคดีซุกหุ้น เป็น ผบช.ตำรวจปราบปรามยาเสพติด การจะสไลด์ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ตร. มันติดขัดที่ตำแหน่งไม่ว่าง เพราะ ผช.ผบ.ตร. มันเต็มอยู่
ก็ปรากฏว่า ทักษิณ ก็เล่นใช้วิธี เอาเก้าอี้ที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี พ่วงด้วยยศ พล.ต.อ. มาล่อให้ ผช.ผบ.ตร. เวลานั้น 2-3 อย่างเช่น พล.ต.อ.สุวรรณ–พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ -พล.ต.อ.ดรุณ โสถติพันธ์ ที่ก็เป็นอาจารย์ทักษิณอีกคนหนึ่ง ซึ่งดูแล้วยังไงก็ไม่มีทางเติบโตถึงขั้นลุ้น ผบ.ตร. ได้ เพราะอายุใกล้จะ 60 แล้ว ทักษิณ ก็เปิดตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรีไว้ เพื่อให้ ผช.ผบ.ตร. ทั้ง 3 คน ยอมทิ้งเก้าอี้ ผช.ผบ.ตร. ซึ่ง ทักษิณ วางแผนทำเรื่องนี้ในช่วงแต่งตั้งโยกย้ายนอกฤดูกาลด้วย จนสุดท้าย ผช.ผบ.ตร. 3 คน ทั้ง พล.ตอ.สุวรรณ-พล.ต.อ.ดรุณ-พล.ต.อ.ธวัชชัย ก็ลาออก จนเก้าอี้ ผช.ผบ.ตร. ว่างลง เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทักษิณ ก็ดัน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ขยับขึ้นเป็น ผช.ผบ.ตร.ได้เร็ว และมีอาวุโสเร็วกว่าคนอื่นๆ
เท่านั้นไม่พอ พอมีการรับสมัครตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่มาแทนตุลาการศาลรธน. ที่พ้นจากตำแหน่งไปด้วยปัจจัยต่างๆ พลันที่มีชื่อของ พล.ต.อ.สุวรรณ ไปสมัครเป็นตุลาการศาลรธน. ชื่อของ อดีต ผช.ผบ.ตร. ก็เป็นแคนดิเดตทันที เนื่องจากการเลือกตุลาการศาลรธน.สมัยนั้น ที่ใช้ตามรธน.ปี 40 มีการเปิดช่องให้มีการล็อบบี้กันได้ง่าย เพราะมีฝ่ายการเมืองไปอยู่ในกรรมการสรรหายุคนั้นกันได้หลายคน เช่น ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตัวแทนพรรคการเมืองที่เลือกกันเอง พอมีการประกาศชื่อ พล.ต.อ.สุวรรณ เป็นตุลาการศาลรธน. ออกมา หลายคนก็ไม่แปลกใจนัก เพราะเป็นตัวเต็งมาแต่แรกว่า สายทักษิณล็อกชื่อมาแต่แรก เช่นเดียวกับที่ ทักษิณ ก็ดันให้ พล.ต.อ.ดรุณ ไปเป็น ป.ป.ช. แต่ก็มาเกิดปัญหาข้อกฎหมาย ในเรื่องการเลือกป.ป.ช.ยุคนั้นขึ้น ทำให้การแต่งตั้งล่าช้า และจบลงด้วยการรัฐประหารขึ้นเสียก่อน ในปี 49 อาจารย์ทักษิณอย่าง พล.ต.อ.ดรุณ เลยไม่ได้ไปเป็น ป.ป.ช. โดยช่วงศาลรธน.ยุคที่มี พล.ต.อ.สุวรรณ ร่วมเป็นตุลาการศาลรธน.ด้วย ก็เป็นยุคที่เรียกได้ว่า มีปัญหาเรื่องการยอมรับมากที่สุด เนื่องจากผลคำวินิจฉัยหลายคดี ทั้งการรับคำร้อง ไม่รับคำร้อง ล้วนแล้วแต่ถูกมองว่า เป็นคำวินิจฉัยที่ไม่เป็นธรรม
ที่เด่นๆ ก็เช่น กรณีไม่รับคำร้อง คดีซุกหุ้นภาค 2 ที่ทักษิณขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก ที่ศาลรธน. มีมติ เฉียดฉิว 8 ต่อ 6 ไม่รับคำร้อง โดย 8 เสียงดังกล่าว มีชื่อพล.ต.อ.สุวรรณ สุวรรณเวโช ตามคาด
จนสุดท้าย เรื่องหุ้นชินคอร์ป เลยกลายเป็นประเด็นสำคัญทำให้คนออกมาขับไล่ทักษิณจำนวนมาก และลามไปเรื่อยๆ เช่น การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และวิกฤตนั้นก็จบลงด้วยการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49
แค่ประวัติ และความสัมพันธ์ในทางเปิดเผยระหว่าง พล.ต.อ.สุวรรณ กับทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ยังไม่นับอีกหลายเรื่องที่หลายคนไม่รู้ หรือไม่ค่อยเป็นที่สนใจมากนัก เพราะช่วงหลัง พล.ต.อ.สุวรรณ ก็ไม่มีบทบาทอะไรแล้ว นับแต่ คมช. มีการยุบตุลาการศาลรธน. ชุดปี 49 แต่ก็มีข่าวว่าในการชุมนุมเสื้อแดงปี 53 บางวันที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ก็มีคนเห็นคนหน้าคล้าย พล.ต.อ.สุวรรณ ไปให้กำลังใจคนเสื้อแดงถึงขอบเวทีเช่นกัน
**เมื่อพล.ต.อ.สุวรรณ ใช้หน้าฉากอย่าง สมาคมตำรวจ เปิดหน้าออกมาแบบนี้ว่า สนับสนุนการเคลื่อนไหวของ พระเมธีธรรมาจารย์ เช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดมากขึ้นว่า เครือข่ายธรรมกายและสมเด็จช่วง ในจุดต่างๆมีอยู่ไม่น้อย เพียงแต่พวกนี้จะเปิดตัวออกมาเมื่อใด หลังคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังมาตลอด.
ทำให้ รมว.ยุติธรรม ระบุหากยังเล่นแง่กันแบบนี้จะให้ ดีเอสไอ ออกมาเรียกและออกหมายจับ ในฐานะเป็นพยานและฐานะผู้ต้องหา หากยังใช้วิธีประวิงเวลากันอยู่ ก็น่าจะทำให้ทีมทนายความของสมเด็จช่วง สะดุ้งกันไม่น้อย แต่ความคืบหน้าส่วนอื่นก็ดำเนินไป โดยล่าสุด ดีเอสไอ มีนัดสอบปากคำ พระมหาศาสนมุนี หรือ หลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และเลขานุการส่วนตัวสมเด็จช่วง ซึ่งเป็นผู้ถวายรถ ในวันที่ 21 มี.ค.นี้
เมื่อคดีงวดเข้ามาเรื่อยๆ เพราะคสช.เองก็ต้องการเคลียร์เรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว เพื่อจะได้เป็นทางออกให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มีเหตุผลในการไม่นำชื่อ สมเด็จช่วง ขึ้นทูลเกล้าฯ หากสุดท้ายแนวสอบสวนของดีเอสไอ ออกมาทำนองทำให้สมเด็จช่วงฯ มีปัญหาในเรื่องคดีความ
ทำให้ต้องจับตาว่า ฝ่ายเครือข่ายธรรมกาย และสมเด็จช่วง คงไม่ยอมให้ลูกพี่ตัวเองถูกรุกไล่ แต่การขยับนั้น จะทำแบบไหนต้องติดตาม เพราะดูแล้วคงเอาแน่ แต่ระหว่างนี้ เมื่อเจอทั้งตำรวจ-ทหาร บล็อกไว้หลายทาง ก็ทำให้ฝ่ายเครือข่ายธรรมกายและสมเด็จช่วง ต้องตั้งหลักก่อน แต่เน้นการเคลื่อนไหวทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ไปพลางๆ ก่อน
ล่าสุด แนวร่วมของฝ่าย ธรรมกาย-สมเด็จช่วง ที่โผล่ออกมาแล้วทำให้เห็นจิ๊กซอว์ ความสัมพันธ์ระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร-พรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดง-วัดธรรมกาย-ธัมมชโย-สมเด็จช่วง ก็คือ พล.ต.อ.สุวรรณ สุวรรณเวโช นายกสมาคมตำรวจ ที่ทางพระเมธีธรรมาจารย์ หรือ เจ้าคุณประสาร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ขอบคุณพล.ต.อ.สุวรรณ ที่ส่งหนังสือที่ สตร.248/2559 เรื่องสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเจ้าคุณประสาร และเครือข่ายศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
โดยระบุว่า ขอสนับสนุนพระเมธีธรรมจารย์และคณะสงฆ์ในการเคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมา เพื่อให้พิทักษ์พุทธศาสนาไว้ให้ยั่งยืน มั่นคงสืบไป
ที่ผ่านมาไม่ต้องสงสัยถึงความสัมพันธ์ระหว่าง พระเมธีธรรมาจารย์ กับทักษิณ และคนเสื้อแดง เพราะแค่ภาพที่ พระเมธีธรรมาจารย์ ไปร่วมกิจกรรมต่างๆ กับทักษิณ แล้วถ่ายรูปร่วมกันหลายครั้งในต่างประเทศที่ทักษิณหนีคดี เช่น ที่สหรัฐอเมริกา หรือกัมพูชา ตอนทักษิณมาเปิดเวทีเสื้อแดงที่เมืองเสียมราฐ สมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ทางพระเมธีธรรมาจารย์ ก็นำคณะไปหาทักษิณถึงโรงแรมที่พัก ที่กัมพูชามาแล้ว
คนทั้งประเทศ ทั้งพระสงฆ์และฆราวาส ต่างรู้ถึงสายสัมพันธ์ของพระเมธีธรรมาจารย์ กับทักษิณ –แกนนำพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงเป็นอย่างดี
ยิ่งเมื่อพล.ต.อ.สุวรรณ มาผสมโรงด้วย ก็ยิ่งชัดมากขึ้น เพราะใครต่อใครก็รู้กันในวงการตำรวจ และวงการการเมืองว่า ทักษิณ ชินวัตร สมัยยังรับราชการเป็นตำรวจอยู่ ตัวทักษิณ นั้น นับถือพล.ต.อ.สุวรรณ ในฐานะเป็นอาจารย์คนหนึ่ง เพราะ พล.ต.อ.สุวรรณ เป็นอดีตตำรวจสายวิชาการ –สอบสวน ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องกฎหมาย การสอบสวน วิธีการวิจัย โดยสอนเรื่องพวกนี้มานานในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีลูกศิษย์อยู่ในวงการตำรวจ อดีตตำรวจมากมาย ที่ก็มีทักษิณด้วยคนหนึ่ง เช่นเดียวกับที่ พล.ต.อ.สุวรรณ ก็มีบทบาทและตำแหน่งต่างๆ ในสมาคมตำรวจมายาวนาน
ส่วนสายสัมพันธ์กับทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องพูดถึง ใครต่อใครก็รู้กันดี และยังเคยใช้สถานะของตัวเองในสมาคมตำรวจออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนทักษิณมาตลอด อย่างเช่น ในช่วงก่อนที่ ศาลรธน.จะตัดสินคดีซุกหุ้นภาค 1 พล.ต.อ.สุวรรณ ที่ตอนนั้นยังติดยศ พล.ต.ท. ก็ออกมาเคลื่อนไหวทำจดหมายเปิดผนึก ในนามเลขาธิการสมาคมตำรวจ ทำหนังสือถึงตำรวจทั่วประเทศ ร่วมกันลงชื่อสนับสนุนให้ทักษิณบริหารประเทศต่อไป ก่อนที่ต่อมาศาลรธน. จะตัดสินให้ทักษิณรอดพ้นความผิด กรณีปกปิดบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน
ที่เด่นชัดอีกกรณีหนึ่งก็คือ หลังทักษิณรอดพ้นคดีซุกหุ้นแล้ว ก็พยายามจะหาทางช่วย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่เขย ให้ได้พาสชั้นติดยศ พล.ต.อ.เร็วๆ จะได้จ่อขึ้นเป็น ผบ.ตร. แต่ตอนนั้นมีปัญหาว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่ช่วงทักษิณ รอดคดีซุกหุ้น เป็น ผบช.ตำรวจปราบปรามยาเสพติด การจะสไลด์ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ตร. มันติดขัดที่ตำแหน่งไม่ว่าง เพราะ ผช.ผบ.ตร. มันเต็มอยู่
ก็ปรากฏว่า ทักษิณ ก็เล่นใช้วิธี เอาเก้าอี้ที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี พ่วงด้วยยศ พล.ต.อ. มาล่อให้ ผช.ผบ.ตร. เวลานั้น 2-3 อย่างเช่น พล.ต.อ.สุวรรณ–พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ -พล.ต.อ.ดรุณ โสถติพันธ์ ที่ก็เป็นอาจารย์ทักษิณอีกคนหนึ่ง ซึ่งดูแล้วยังไงก็ไม่มีทางเติบโตถึงขั้นลุ้น ผบ.ตร. ได้ เพราะอายุใกล้จะ 60 แล้ว ทักษิณ ก็เปิดตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรีไว้ เพื่อให้ ผช.ผบ.ตร. ทั้ง 3 คน ยอมทิ้งเก้าอี้ ผช.ผบ.ตร. ซึ่ง ทักษิณ วางแผนทำเรื่องนี้ในช่วงแต่งตั้งโยกย้ายนอกฤดูกาลด้วย จนสุดท้าย ผช.ผบ.ตร. 3 คน ทั้ง พล.ตอ.สุวรรณ-พล.ต.อ.ดรุณ-พล.ต.อ.ธวัชชัย ก็ลาออก จนเก้าอี้ ผช.ผบ.ตร. ว่างลง เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทักษิณ ก็ดัน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ขยับขึ้นเป็น ผช.ผบ.ตร.ได้เร็ว และมีอาวุโสเร็วกว่าคนอื่นๆ
เท่านั้นไม่พอ พอมีการรับสมัครตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่มาแทนตุลาการศาลรธน. ที่พ้นจากตำแหน่งไปด้วยปัจจัยต่างๆ พลันที่มีชื่อของ พล.ต.อ.สุวรรณ ไปสมัครเป็นตุลาการศาลรธน. ชื่อของ อดีต ผช.ผบ.ตร. ก็เป็นแคนดิเดตทันที เนื่องจากการเลือกตุลาการศาลรธน.สมัยนั้น ที่ใช้ตามรธน.ปี 40 มีการเปิดช่องให้มีการล็อบบี้กันได้ง่าย เพราะมีฝ่ายการเมืองไปอยู่ในกรรมการสรรหายุคนั้นกันได้หลายคน เช่น ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตัวแทนพรรคการเมืองที่เลือกกันเอง พอมีการประกาศชื่อ พล.ต.อ.สุวรรณ เป็นตุลาการศาลรธน. ออกมา หลายคนก็ไม่แปลกใจนัก เพราะเป็นตัวเต็งมาแต่แรกว่า สายทักษิณล็อกชื่อมาแต่แรก เช่นเดียวกับที่ ทักษิณ ก็ดันให้ พล.ต.อ.ดรุณ ไปเป็น ป.ป.ช. แต่ก็มาเกิดปัญหาข้อกฎหมาย ในเรื่องการเลือกป.ป.ช.ยุคนั้นขึ้น ทำให้การแต่งตั้งล่าช้า และจบลงด้วยการรัฐประหารขึ้นเสียก่อน ในปี 49 อาจารย์ทักษิณอย่าง พล.ต.อ.ดรุณ เลยไม่ได้ไปเป็น ป.ป.ช. โดยช่วงศาลรธน.ยุคที่มี พล.ต.อ.สุวรรณ ร่วมเป็นตุลาการศาลรธน.ด้วย ก็เป็นยุคที่เรียกได้ว่า มีปัญหาเรื่องการยอมรับมากที่สุด เนื่องจากผลคำวินิจฉัยหลายคดี ทั้งการรับคำร้อง ไม่รับคำร้อง ล้วนแล้วแต่ถูกมองว่า เป็นคำวินิจฉัยที่ไม่เป็นธรรม
ที่เด่นๆ ก็เช่น กรณีไม่รับคำร้อง คดีซุกหุ้นภาค 2 ที่ทักษิณขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก ที่ศาลรธน. มีมติ เฉียดฉิว 8 ต่อ 6 ไม่รับคำร้อง โดย 8 เสียงดังกล่าว มีชื่อพล.ต.อ.สุวรรณ สุวรรณเวโช ตามคาด
จนสุดท้าย เรื่องหุ้นชินคอร์ป เลยกลายเป็นประเด็นสำคัญทำให้คนออกมาขับไล่ทักษิณจำนวนมาก และลามไปเรื่อยๆ เช่น การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และวิกฤตนั้นก็จบลงด้วยการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49
แค่ประวัติ และความสัมพันธ์ในทางเปิดเผยระหว่าง พล.ต.อ.สุวรรณ กับทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ยังไม่นับอีกหลายเรื่องที่หลายคนไม่รู้ หรือไม่ค่อยเป็นที่สนใจมากนัก เพราะช่วงหลัง พล.ต.อ.สุวรรณ ก็ไม่มีบทบาทอะไรแล้ว นับแต่ คมช. มีการยุบตุลาการศาลรธน. ชุดปี 49 แต่ก็มีข่าวว่าในการชุมนุมเสื้อแดงปี 53 บางวันที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ก็มีคนเห็นคนหน้าคล้าย พล.ต.อ.สุวรรณ ไปให้กำลังใจคนเสื้อแดงถึงขอบเวทีเช่นกัน
**เมื่อพล.ต.อ.สุวรรณ ใช้หน้าฉากอย่าง สมาคมตำรวจ เปิดหน้าออกมาแบบนี้ว่า สนับสนุนการเคลื่อนไหวของ พระเมธีธรรมาจารย์ เช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดมากขึ้นว่า เครือข่ายธรรมกายและสมเด็จช่วง ในจุดต่างๆมีอยู่ไม่น้อย เพียงแต่พวกนี้จะเปิดตัวออกมาเมื่อใด หลังคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังมาตลอด.