เมื่อพล.ต.อ.สุวรรณ ใช้หน้าฉากอย่าง สมาคมตำรวจ เปิดหน้า ออกมาแบบนี้ว่าสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ พระเมธีธรรมาจารย์ เช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เห็นมากขึ้นว่า เครือข่ายธรรมกายและสมเด็จช่วง ในจุดต่างๆ มีอยู่ไม่น้อย เพียงแต่พวกนี้จะเปิดตัวออกมาเมื่อใด หลังคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังมาตลอด
เข้มข้นขึ้นทุกขณะกับการเดินหน้าสะสางคดีเครือข่ายธรรมกาย หลังพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ลั่นต้องเดินหน้าสอบปากคำ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ให้ได้ หลังก่อนหน้านี้ ดีเอสไอไม่สามารถสอบปากคำ สมเด็จช่วงกรณีครอบครองรถเบนซ์โบราณผิดกฎหมายเมื่อค่ำวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมาได้ เนื่องจากฝ่ายกฎหมายของวัดขอให้ดีเอสไอไปกำหนดประเด็นคำถามเป็นลายลักษณ์อักษรส่งมาให้วัดปากน้ำพิจารณา ทำให้รมว.ยุติธรรมระบุหากยังเล่นแง่กันแบบนี้จะให้ดีเอสไอออกมาเรียกและออกหมายจับ ในฐานะเป็นพยานและฐานะผู้ต้องหา หากยังใช้วิธีประวิงเวลากันอยู่ ก็น่าจะทำให้ทีมทนายความของสมเด็จช่วง สะดุ้งกันไม่น้อย แต่ความคืบหน้าส่วนอื่นก็ดำเนินไป โดยล่าสุดดีเอสไอมีนัดสอบปากคำพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และเลขานุการส่วนตัวสมเด็จช่วง ซึ่งเป็นผู้ถวายรถ ในวันที่ 21 มี.ค.นี้
เมื่อคดีงวดเข้ามาเรื่อยๆ เพราะคสช.เองก็ต้องการเคลียร์เรื่องนี้ให้จบโดยเร็วเพื่อจะได้เป็นทางออกให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯมีเหตุผลในการไม่นำชื่อสมเด็จช่วงขึ้นทูลเกล้าฯ หากสุดท้ายแนวสอบสวนของดีเอสไอออกมาทำนองทำให้สมเด็จช่วงฯ มีปัญหาในเรื่องคดีความ ทำให้ต้องจับตาว่า ฝ่ายเครือข่ายธรรมกายและสมเด็จช่วง คงไม่ยอมให้ลูกพี่ตัวเองถูกรุกไล่ แต่การขยับนั้น จะทำแบบไหนต้องติดตาม เพราะดูแล้วคงเอาแน่ แต่ระหว่างนี้ เมื่อเจอทั้งตำรวจ-ทหาร บล็อกไว้หลายทาง ก็ทำให้ฝ่ายเครือข่ายธรรมกายและสมเด็จช่วงต้องตั้งหลักก่อน แต่เน้นการเคลื่อนไหวทางโซเชียลเน็ตเวริค์ไปพลางๆ ก่อน
ล่าสุด แนวร่วมของฝ่าย ธรรมกาย-สมเด็จช่วง ที่โผล่ออกมาแล้วทำให้เห็นจิ๊กซอว์ความสัมพันธ์ระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร-พรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดง-วัดธรรมกาย-ธัมมชโย-สมเด็จช่วง ก็คือ พล.ต.อ.สุวรรณ สุวรรณเวโช นายกสมาคมตำรวจ ที่ทางพระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ขอบคุณ พล.ต.อ.สุวรรณ ที่ส่งหนังสือที่ สตร.248/2559 เรื่องสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ เจ้าคุณประสารและเครือข่าย ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยโดยระบุว่าขอสนับสนุนพระเมธีธรรมจารย์และคณะสงฆ์ในการเคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมา เพื่อให้พิทักษ์พุทธศาสนาไว้ให้ยั่งยืนมั่นคงสืบไป
ที่ผ่านมา ไม่ต้องสงสัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเมธีธรรมาจารย์กับทักษิณ และคนเสื้อแดง เพราะแค่ภาพที่พระเมธีธรรมาจารย์ ไปร่วมกิจกรรมต่างๆ กับทักษิณ แล้วถ่ายรูปร่วมกันหลายครั้งในต่างประเทศที่ทักษิณหนีคดี เช่นที่สหรัฐอเมริกา หรือกัมพูชา ตอนทักษิณมาเปิดเวทีเสื้อแดงที่เมืองเสียมราฐ สมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ทางพระเมธีธรรมาจารย์ก็นำคณะไปหาทักษิณถึงโรงแรมที่พักที่กัมพูชามาแล้ว คนทั้งประเทศทั้ง พระสงฆ์และฆราวาส ต่างรู้ถึงสายสัมพันธ์ของ พระเมธีธรรมาจารย์กับทักษิณ –แกนนำพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงเป็นอย่างดี
ยิ่งเมื่อ พล.ต.อ.สุวรรณ มาผสมโรงด้วย ก็ยิ่งชัดมากขึ้น เพราะใครต่อใครก็รู้กันในวงการตำรวจและวงการการเมืองว่า ทักษิณ ชินวัตร สมัยยังรับราชการเป็นตำรวจอยู่ ตัวทักษิณ นั้น นับถือ พล.ต.อ.สุวรรณ ในฐานะเป็นอาจารย์คนหนึ่ง เพราะพล.ต.อ.สุวรรณเป็นอดีตตำรวจสายวิชาการ –สอบสวนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องกฎหมาย การสอบสวน วิธีการวิจัย โดยสอนเรื่องพวกนี้มานานในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีลูกศิษย์อยู่ในวงการตำรวจ อดีตตำรวจมากมาย ที่ก็มี ทักษิณด้วยคนหนึ่ง เช่นเดียวกับที่ พล.ต.อ.สุวรรณ ก็มีบทบาทและตำแหน่งต่างๆในสมาคมตำรวจมายาวนาน
ส่วนสายสัมพันธ์กับทักษิณ ชินวัตรไม่ต้องพูดถึง ใครต่อใครก็รู้กันดี และยังเคยใช้สถานะของตัวเองในสมาคมตำรวจออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนทักษิณมาตลอดอย่างเช่น ในช่วงก่อนที่ศาลรธน.จะตัดสินคดีซุกหุ้นภาค 1 พล.ต.อ.สุวรรณ ที่ตอนนั้นยังติดยศพล.ต.ท. ก็ออกมาเคลื่อนไหวทำจดหมายเปิดผนึกในนามเลขาธิการสมาคมตำรวจ ทำหนังสือถึงตำรวจทั่วประเทศ ร่วมกันลงชื่อสนับสนุนให้ทักษิณบริหารประเทศต่อไปก่อนที่ต่อมาศาลรธน.จะตัดสินให้ทักษิณรอดพ้นความผิดกรณีปกปิดบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน
ที่เด่นชัดอีกกรณีหนึ่งก็คือ หลังทักษิณ รอดพ้นคดีซุกหุ้นแล้ว ก็พยายามจะหาทางช่วยพล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ พี่เขย ให้ได้พาสชั้นติดยศพล.ต.อ.เร็วๆ จะได้จ่อขึ้นเป็นผบ.ตร. แต่ตอนนั้น มีปัญหาว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ที่ช่วงทักษิณ รอดคดีซุกหุ้น เป็นผบช.ตำรวจปราบปรามยาเสพติด การจะสไลด์ขึ้นเป็นผช.ผบ.ตร. มันติดขัดที่ตำแหน่งไม่ว่าง เพราะผช.ผบ.ตร.มันเต็มอยู่
ก็ปรากฏว่า ทักษิณ ก็เล่นใช้วิธี เอาเก้าอี้ ที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี พ่วงด้วยยศ พล.ต.อ.มาล่อให้ผช.ผบ.ตร.เวลานั้น 2-3 อย่างเช่น พล.ต.อ.สุวรรณ –พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ -พล.ต.อ.ดรุณ โสถติพันธ์ ที่ก็เป็นอาจารย์ทักษิณอีกคนหนึ่ง ซึ่งดูแล้วยังไงก็ไม่มีทางเติบโตถึงขั้นลุ้น ผบ.ตร. ได้เพราะอายุใกล้จะ 60 แล้ว ทักษิณ ก็เปิดตำแหน่ง ที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรีไว้ เพื่อให้ผช.ผบ.ตร. ทั้ง 3 คน ยอมทิ้งเก้าอี้ ผช.ผบ.ตร. ซึ่ง ทักษิณ วางแผนทำเรื่องนี้ ในช่วงแต่งตั้งโยกย้ายนอกฤดูกาลด้วย จนสุดท้ายผช.ผบ.ตร.3 คน ทั้งพล.ตอ.สุวรรณ-พล.ต.อ.ดรุณ-พล.ต.อ.ธวัชชัย ก็ ลาออก จนเก้าอี้ ผช.ผบ.ตร.ว่างลง เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทักษิณ ก็ดัน พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ขยับขึ้นเป็นผช.ผบ.ตร.ได้เร็วและมีอาวุโสเร็วกว่าคนอื่นๆ
เท่านั้นไม่พอ พอมีการรับสมัครตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่มาแทนตุลาการศาลรธน.ที่พ้นจากตำแหน่งไปด้วยปัจจัยต่างๆ พลันที่มีชื่อของพล.ต.อ.สุวรรณไปสมัครเป็นตุลาการศาลรธน.ชื่อของอดีตผช.ผบ.ตร. ก็เป็นแคนดิเดททันที เนื่องจากการเลือกตุลาการศาลรธน.สมัยนั้นที่ใช้ตามรธน.ปี 40 มีการเปิดช่องให้มีการล็อบบี้กันได้ง่าย เพราะมีฝ่ายการเมือง ไปอยู่ในกรรมการสรรหายุคนั้นกันได้หลายคนเช่น ประธานสภาผู้แทนราษฏร ตัวแทนพรรคการเมืองที่เลือกกันเอง พอมีการประกาศชื่อพล.ต.อ.สุวรรณ เป็นตุลาการศาลรธนออกมาหลายคนก็ไม่แปลกใจนัก เพราะเป็นตัวเต็งมาแต่แรกว่าสายทักษิณล็อกชื่อมาแต่แรก เช่นเดียวกับที่ทักษิณ ก็ดันให้พล.ต.อ.ดรุณ ไปเป็นป.ป.ช. แต่ก็มาเกิดปัญหาข้อกฎหมายในเรื่องการเลือกป.ป.ช.ยุคนั้นขึ้นทำให้การแต่งตั้งล่าช้าและจบลงด้วยการรัฐประหารขึ้นเสียก่อนในปี 49 อาจารย์ทักษิณอย่างพล.ต.อ.ดรุณ เลยไม่ได้ไปเป็นป.ป.ช.
โดยช่วงศาลรธน.ยุคที่มีพล.ต.อ.สุวรรณ ร่วมเป็นตุลาการศาลรธน.ด้วย ก็เป็นยุคที่เรียกได้ว่า มีปัญหาเรื่องการยอมรับมากที่สุด เนื่องจากผลคำวินิจฉัยหลายคดี ทั้งการรับคำร้อง ไม่รับคำร้อง ล้วนแล้วแต่ถูกมองว่าเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่เป็นธรรม ที่เด่นๆ ก็เช่นกรณีไม่รับคำร้อง คดีซุกหุ้นภาค 2 ที่ทักษิณขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก ที่ศาลรธน.มีมติ เฉียดฉิว 8 ต่อ 6 ไม่รับคำร้อง โดย 8 เสียงดังกล่าว มีชื่อ พล.ต.อ.สุวรรณ สุวรรณเวโชตามคาด จนสุดท้าย เรื่องหุ้นชินคอร์ปเลยกลายเป็นประเด็นสำคัญทำให้คนออกมาขับไล่ทักษิณจำนวนมากและลามไปเรื่อยๆ เช่นการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และวิกฤตนั้นก็จบลงด้วยการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49
แค่ประวัติและความสัมพันธ์ในทางเปิดเผยระหว่าง พล.ต.อ.สุวรรณกับทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ยังไม่นับอีกหลายเรื่องที่หลายคนไม่รู้ หรือไม่ค่อยเป็นที่สนใจมากนัก เพราะช่วงหลังพล.ต.อ.สุวรรณ ก็ไม่มีบทบาทอะไรแล้วนับแต่คมช.มีการยุบตุลาการศาลรธน.ชุดปี 49 แต่ก็ข่าวว่าในการชุมนุมเสื้อแดงปี 53บางวันที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ก็มีคนเห็นคนหน้าคล้าย พล.ต.อ.สุวรรณ ไปให้กำลังใจคนเสื้อแดงถึงขอบเวทีเช่นกัน เมื่อพล.ต.อ.สุวรรณ ใช้หน้าฉากอย่าง สมาคมตำรวจ เปิดหน้า ออกมาแบบนี้ว่าสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ พระเมธีธรรมาจารย์ เช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เห็นมากขึ้นว่า เครือข่ายธรรมกายและสมเด็จช่วง ในจุดต่างๆ มีอยู่ไม่น้อย เพียงแต่พวกนี้จะเปิดตัวออกมาเมื่อใด หลังคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังมาตลอด