ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
ช่วงนี้นับเป็นวิกฤตหลากหลายมิติของหมู่บ้านสิ้นธรณี มองไปรอบด้านล้วนแต่มีความทุกข์เข็ญ ชาวบ้านเคยมีความสุขก็ตกอยู่ในสภาพอกไหม้ไส้ขม ดิ้นรนอย่างไรก็ยังไร้ทางออก เสียงหัวเราะด้วยท่าทางเบิกบานที่เคยมีกลับเป็นความเงียบเหงา จะร้องเรียนกับใครก็ไม่ได้ ทุกคนเผชิญชะตากรรมเดียวกัน คณะกรรมการของหมู่บ้านนอกจากไม่ใส่ใจแล้ว ยังห้ามชาวบ้านโอดครวญเสียงดัง
เป็นทุกข์เรื้อรังของหมู่บ้านสิ้นธรณี ตั้งแต่คณะกรรมการหมู่บ้านชุดใหม่เข้ามา แทนที่ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านจะดีขึ้น กลับกลายเป็นเลวร้ายกว่าที่เป็นมา แต่ละคนมาพร้อมกับสภาพไม่ต่างจากเสือหิว หาช่องทางกอบโกยความร่ำรวยจากความลำบากยากแค้นของชาวบ้านเต็มที่
ก่อนคณะกรรมการชุดนี้เข้ามา หมู่บ้านสิ้นธรณีเผชิญภัยพิบัติธรรมชาติสารพัดทั้งน้ำท่วมใหญ่ ไร่นาเสียหาย จากนั้นเป็นภัยแล้ง ราคาพืชผลตกต่ำ เป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจโลก แต่โดนซ้ำเติมด้วยความผิดหวังเพราะคณะกรรมการหมู่บ้านมองทุกวิกฤตเป็นโอกาสตักตวงเงินของหมู่บ้านคณะกรรมการกังฉินชุดก่อนโดนชาวบ้านรวมตัวขับไล่เพราะได้สร้างความเสียหายเกินกว่าจะประเมินได้ ความโลภของกรรมการ ความโง่เขลาเบาปัญญาของหัวหน้ากำมะลอได้มีพฤติกรรม
ไม่น่าไว้ใจด้านความประพฤติ หมกมุ่นอยู่กับการเดินทางท่องเที่ยวแสวงหาความสุขใส่ตัว
หัวหน้ากรรมการชมชอบงานล้างผลาญงบหมู่บ้านไม่ต่างจากฝูงอีแร้งรุมจิกกินหมาเน่ากลางทุ่ง ไม่ใส่ใจเสียงท้วงติง ไม่รู้สึกเคอะเขินกับข้อกล่าวหาพฤติกรรมฉาว สร้างความอเนจอนาถใจให้ชาวบ้านสิ้นธรณียิ่งนัก ในที่สุดชุดคุ้มครองหมู่บ้านใช้อาวุธข่มขู่จนพวกกรรมการต้องยอมออกไป
นับเป็นคราวเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ชุดคุ้มครองหมู่บ้านฉวยโอกาสตั้งตนเองเป็นคณะกรรมการชุดใหม่ ช่วงแรกชาวบ้านไม่ว่าอะไร นึกว่าเป็นการดีเพราะจะป้องกันรักษาความปลอดภัย ไม่ให้คณะเดิมกลับมาสร้างทุกข์อีก ผ่านไปไม่นานคณะใหม่เริ่มออกลายความเป็นเสืออดอยากหิวโซ
จากคำหวาน คำสัญญาสารพัดทุกเช้าเย็นว่าจะทำนั่นนี่โน่นเพื่อประโยชน์สุขของชาวบ้าน อ้างว่าต้องขอเวลา ให้ชาวบ้านยอมอดทนกับกฎระเบียบเข้มงวด คนดีคนชั่วในหมู่บ้านต้องลืมความหลัง ปัญหาเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งต่างๆ ลืมความหลังแล้วมาตั้งต้นบนความปรองดอง
ที่เคยทำหน้าบูดบึ้งขึ้งโกรธก็ต้องมาฉีกยิ้มให้เห็นฟัน 32 ซี่ สมานไมตรีซึ่งกันและกัน
ชาวบ้านสงสัยว่าคนดีที่ไหนจะยอมคบหาสมาคมกับคนชั่ว แสดงว่าคณะกรรมหมู่บ้านชุดใหม่แท้จริงแล้วต้องการปรองดองสมานไมตรีกับกลุ่มชั่วร้ายซึ่งตัวเองได้ใช้อาวุธคุกคามจนพ้นจากอำนาจปกครองหมู่บ้าน นั่นคือการประสานผลประโยชน์ทำนอง “ทีมึงมั่ง ทีกูมั่ง” นั่นเอง
ในหมู่บ้าน เดิมเคยแตกเป็นก๊วน ขัดแย้งกันเป็นระยะ ก๊กเหลี่ยมมีเครือข่ายชุมโจรขนาดใหญ่ ทั้งนักบวชกำมะลอ กลุ่มติดอาวุธ กลุ่มนักซื้อเสียง ทั้งหลอกลวง รีดนาทาเร้นชาวบ้าน เป็นการซ้ำเติมด้วยภัยแล้ง น้ำท่วม โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ค้าขายไม่คล่องเงินทองฝืดเคืองเรื้อรัง
จากชุดคุ้มครองหมู่บ้านมาเป็นคณะกรรมการออกกฎเหล็กมาคุมเข้ม ชาวบ้านจะวิจารณ์ จับกลุ่มปรึกษาหารือกันก็ไม่ได้ อ้างความมั่นคง หลังจากอดทนรอผลงานมานาน กลายเป็นความผิดหวัง อะไรที่ควรทำก็ไม่ทำ อะไรที่ชาวบ้านไม่ต้องการ กลับหาทางยัดเยียดให้ อ้างประโยชน์สุข
ช่วงหลังหัวหน้ากรรมการริอ่านคบหานายทุนในประเทศและต่างประเทศ เปิดพื้นที่ให้พวกทุนหนาเข้ามาหาช่องทางกอบโกยทรัพย์สินในหมู่บ้าน จัดการออกสัมปทาน ไม่ใส่ใจว่าชาวบ้านจะเดือดร้อนจากผลกระทบ จนเจ็บป่วยอยู่ในสภาพตายผ่อนส่งด้วยโรคจากสารพิษร้ายแรง
กลายเป็นผู้ทรยศ คดในข้องอในกระดูก หักหลังชาวบ้านอย่างเลือดเย็น!
เมื่อถูกกดขี่หนักข้อ ชาวบ้านรู้ชัดว่าคณะกรรมการแฝงด้วยพวกคิดไม่ซื่อ จึงเริ่มส่งเสียง แสดงความไม่พอใจ ทวงสัญญาลมๆ แล้งๆ ว่าเมื่อไหร่จะได้ในสิ่งที่เสนอ คำตอบก็คือทุกอย่างยังต้องรอให้เป็นไปตามถนนหนทางคดเคี้ยว ขึ้นเขาลงห้วย ทำให้รู้ว่ากรรมการอยากอยู่กินนานๆ นั่นเอง
นับเป็นสภาวะหนีจระเข้ปะเสือหิวแท้ๆ สูสีกับพวกกบเลือกนายจริงๆ!
ชาวหมู่บ้านสิ้นธรณีเริ่มปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไรดีกับชะตากรรมน่าสมเพชเช่นนี้ ถ้ายังงอมืองอเท้า ทำตัวเป็นคนอยู่ในโอวาท ไม่มีปากเสียง ทรัพย์สินของหมู่บ้านคงไม่เหลือ โดนกรรมการเสือหิวจอมหักหลังถ่ายโอนให้นายทุนหุ้นส่วนจนไม่เหลือถึงรุ่นลูกหลานเป็นแน่
กลุ่มผู้นำมวลชนขับไล่เสือหิวชุดก่อนเริ่มชิมลาง เปรยว่าถ้ายังไม่มีอะไรดีขึ้น น่าจะรวมตัวกันทวงถามว่าเมื่อไหร่กรรมการจะทำตามสัญญาลมๆ แล้งๆ เพราะช่วงนี้ภัยแล้งทำให้ไม่เหลือน้ำค้างก้นแม่น้ำ เหลือเพียงติดก้นอ่างในเขื่อนเท่านั้น จะใช้ได้อีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้
ผลงานไม่ดี มีแต่เสียงขู่คำรามสลับกับข้ออ้างแก้ตัวสำหรับความล้มเหลว ขณะเดียวกันก็โบ้ยโทษนั่นนี่โน่น สร้างฉากใหม่เอาตัวรอดไปวันๆ บางครั้งก็พูดเชิงขู่ว่าถ้าไม่อยู่แล้วพวกหน้าเดิมจะกลับมาอีกนะ ชาวหมู่บ้านสิ้นธรณีสวนว่า คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้ ก็เจอมาหมดแล้วนี่
มาถึงจุดนี้ จะอ้างว่ากฎระเบียบชุดใหม่ยังแต่งไม่เสร็จ ขอให้ใจเย็นๆ ชาวบ้านไม่ฟังแล้ว ยิ่งเห็นลีลาท่าทีมากเล่ห์ ลูกเล่นแบบตลกด้านปล่อยออกมาแต่ละครั้ง ยิ่งทำให้รู้สึกสภาวะเกินทน
ชาวหมู่บ้านสิ้นธรณีรู้ซึ้งแล้วว่าใครก็ตามอาสาเข้ามาจัดการงานให้นั้นย่อมต้องคิดค่าแรงบวกกำไรหลายเท่า บางกลุ่มอ้างว่าต้องให้คุ้มกับความเสี่ยง บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่ดีกินดีมีทรัพย์สินเงินทองพอใช้จนถึงรุ่นลูกหลานโน่น
มาถึงช่วงนี้ จะทำอะไรไม่ง่ายนัก หักด้ามพร้าด้วยเข่าจะเป็นอันตราย คงต้องรอให้พร้าทื่อไร้คมเสียก่อนจึงจะจัดการได้ รอมานาน เสียหาย มาเยอะแล้วก็ยังยอมได้ ทนอีกสักหน่อยจะเป็นไร
จากนี้รอดูซิว่าหมู่บ้านสิ้นธรณีสิ้นคนดีหรือยัง ถ้ายังจะทำอย่างไรต่อไป หรือจะสิ้นธรณีจริงๆ
โดย โสภณ องค์การณ์
ช่วงนี้นับเป็นวิกฤตหลากหลายมิติของหมู่บ้านสิ้นธรณี มองไปรอบด้านล้วนแต่มีความทุกข์เข็ญ ชาวบ้านเคยมีความสุขก็ตกอยู่ในสภาพอกไหม้ไส้ขม ดิ้นรนอย่างไรก็ยังไร้ทางออก เสียงหัวเราะด้วยท่าทางเบิกบานที่เคยมีกลับเป็นความเงียบเหงา จะร้องเรียนกับใครก็ไม่ได้ ทุกคนเผชิญชะตากรรมเดียวกัน คณะกรรมการของหมู่บ้านนอกจากไม่ใส่ใจแล้ว ยังห้ามชาวบ้านโอดครวญเสียงดัง
เป็นทุกข์เรื้อรังของหมู่บ้านสิ้นธรณี ตั้งแต่คณะกรรมการหมู่บ้านชุดใหม่เข้ามา แทนที่ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านจะดีขึ้น กลับกลายเป็นเลวร้ายกว่าที่เป็นมา แต่ละคนมาพร้อมกับสภาพไม่ต่างจากเสือหิว หาช่องทางกอบโกยความร่ำรวยจากความลำบากยากแค้นของชาวบ้านเต็มที่
ก่อนคณะกรรมการชุดนี้เข้ามา หมู่บ้านสิ้นธรณีเผชิญภัยพิบัติธรรมชาติสารพัดทั้งน้ำท่วมใหญ่ ไร่นาเสียหาย จากนั้นเป็นภัยแล้ง ราคาพืชผลตกต่ำ เป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจโลก แต่โดนซ้ำเติมด้วยความผิดหวังเพราะคณะกรรมการหมู่บ้านมองทุกวิกฤตเป็นโอกาสตักตวงเงินของหมู่บ้านคณะกรรมการกังฉินชุดก่อนโดนชาวบ้านรวมตัวขับไล่เพราะได้สร้างความเสียหายเกินกว่าจะประเมินได้ ความโลภของกรรมการ ความโง่เขลาเบาปัญญาของหัวหน้ากำมะลอได้มีพฤติกรรม
ไม่น่าไว้ใจด้านความประพฤติ หมกมุ่นอยู่กับการเดินทางท่องเที่ยวแสวงหาความสุขใส่ตัว
หัวหน้ากรรมการชมชอบงานล้างผลาญงบหมู่บ้านไม่ต่างจากฝูงอีแร้งรุมจิกกินหมาเน่ากลางทุ่ง ไม่ใส่ใจเสียงท้วงติง ไม่รู้สึกเคอะเขินกับข้อกล่าวหาพฤติกรรมฉาว สร้างความอเนจอนาถใจให้ชาวบ้านสิ้นธรณียิ่งนัก ในที่สุดชุดคุ้มครองหมู่บ้านใช้อาวุธข่มขู่จนพวกกรรมการต้องยอมออกไป
นับเป็นคราวเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ชุดคุ้มครองหมู่บ้านฉวยโอกาสตั้งตนเองเป็นคณะกรรมการชุดใหม่ ช่วงแรกชาวบ้านไม่ว่าอะไร นึกว่าเป็นการดีเพราะจะป้องกันรักษาความปลอดภัย ไม่ให้คณะเดิมกลับมาสร้างทุกข์อีก ผ่านไปไม่นานคณะใหม่เริ่มออกลายความเป็นเสืออดอยากหิวโซ
จากคำหวาน คำสัญญาสารพัดทุกเช้าเย็นว่าจะทำนั่นนี่โน่นเพื่อประโยชน์สุขของชาวบ้าน อ้างว่าต้องขอเวลา ให้ชาวบ้านยอมอดทนกับกฎระเบียบเข้มงวด คนดีคนชั่วในหมู่บ้านต้องลืมความหลัง ปัญหาเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งต่างๆ ลืมความหลังแล้วมาตั้งต้นบนความปรองดอง
ที่เคยทำหน้าบูดบึ้งขึ้งโกรธก็ต้องมาฉีกยิ้มให้เห็นฟัน 32 ซี่ สมานไมตรีซึ่งกันและกัน
ชาวบ้านสงสัยว่าคนดีที่ไหนจะยอมคบหาสมาคมกับคนชั่ว แสดงว่าคณะกรรมหมู่บ้านชุดใหม่แท้จริงแล้วต้องการปรองดองสมานไมตรีกับกลุ่มชั่วร้ายซึ่งตัวเองได้ใช้อาวุธคุกคามจนพ้นจากอำนาจปกครองหมู่บ้าน นั่นคือการประสานผลประโยชน์ทำนอง “ทีมึงมั่ง ทีกูมั่ง” นั่นเอง
ในหมู่บ้าน เดิมเคยแตกเป็นก๊วน ขัดแย้งกันเป็นระยะ ก๊กเหลี่ยมมีเครือข่ายชุมโจรขนาดใหญ่ ทั้งนักบวชกำมะลอ กลุ่มติดอาวุธ กลุ่มนักซื้อเสียง ทั้งหลอกลวง รีดนาทาเร้นชาวบ้าน เป็นการซ้ำเติมด้วยภัยแล้ง น้ำท่วม โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ค้าขายไม่คล่องเงินทองฝืดเคืองเรื้อรัง
จากชุดคุ้มครองหมู่บ้านมาเป็นคณะกรรมการออกกฎเหล็กมาคุมเข้ม ชาวบ้านจะวิจารณ์ จับกลุ่มปรึกษาหารือกันก็ไม่ได้ อ้างความมั่นคง หลังจากอดทนรอผลงานมานาน กลายเป็นความผิดหวัง อะไรที่ควรทำก็ไม่ทำ อะไรที่ชาวบ้านไม่ต้องการ กลับหาทางยัดเยียดให้ อ้างประโยชน์สุข
ช่วงหลังหัวหน้ากรรมการริอ่านคบหานายทุนในประเทศและต่างประเทศ เปิดพื้นที่ให้พวกทุนหนาเข้ามาหาช่องทางกอบโกยทรัพย์สินในหมู่บ้าน จัดการออกสัมปทาน ไม่ใส่ใจว่าชาวบ้านจะเดือดร้อนจากผลกระทบ จนเจ็บป่วยอยู่ในสภาพตายผ่อนส่งด้วยโรคจากสารพิษร้ายแรง
กลายเป็นผู้ทรยศ คดในข้องอในกระดูก หักหลังชาวบ้านอย่างเลือดเย็น!
เมื่อถูกกดขี่หนักข้อ ชาวบ้านรู้ชัดว่าคณะกรรมการแฝงด้วยพวกคิดไม่ซื่อ จึงเริ่มส่งเสียง แสดงความไม่พอใจ ทวงสัญญาลมๆ แล้งๆ ว่าเมื่อไหร่จะได้ในสิ่งที่เสนอ คำตอบก็คือทุกอย่างยังต้องรอให้เป็นไปตามถนนหนทางคดเคี้ยว ขึ้นเขาลงห้วย ทำให้รู้ว่ากรรมการอยากอยู่กินนานๆ นั่นเอง
นับเป็นสภาวะหนีจระเข้ปะเสือหิวแท้ๆ สูสีกับพวกกบเลือกนายจริงๆ!
ชาวหมู่บ้านสิ้นธรณีเริ่มปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไรดีกับชะตากรรมน่าสมเพชเช่นนี้ ถ้ายังงอมืองอเท้า ทำตัวเป็นคนอยู่ในโอวาท ไม่มีปากเสียง ทรัพย์สินของหมู่บ้านคงไม่เหลือ โดนกรรมการเสือหิวจอมหักหลังถ่ายโอนให้นายทุนหุ้นส่วนจนไม่เหลือถึงรุ่นลูกหลานเป็นแน่
กลุ่มผู้นำมวลชนขับไล่เสือหิวชุดก่อนเริ่มชิมลาง เปรยว่าถ้ายังไม่มีอะไรดีขึ้น น่าจะรวมตัวกันทวงถามว่าเมื่อไหร่กรรมการจะทำตามสัญญาลมๆ แล้งๆ เพราะช่วงนี้ภัยแล้งทำให้ไม่เหลือน้ำค้างก้นแม่น้ำ เหลือเพียงติดก้นอ่างในเขื่อนเท่านั้น จะใช้ได้อีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้
ผลงานไม่ดี มีแต่เสียงขู่คำรามสลับกับข้ออ้างแก้ตัวสำหรับความล้มเหลว ขณะเดียวกันก็โบ้ยโทษนั่นนี่โน่น สร้างฉากใหม่เอาตัวรอดไปวันๆ บางครั้งก็พูดเชิงขู่ว่าถ้าไม่อยู่แล้วพวกหน้าเดิมจะกลับมาอีกนะ ชาวหมู่บ้านสิ้นธรณีสวนว่า คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้ ก็เจอมาหมดแล้วนี่
มาถึงจุดนี้ จะอ้างว่ากฎระเบียบชุดใหม่ยังแต่งไม่เสร็จ ขอให้ใจเย็นๆ ชาวบ้านไม่ฟังแล้ว ยิ่งเห็นลีลาท่าทีมากเล่ห์ ลูกเล่นแบบตลกด้านปล่อยออกมาแต่ละครั้ง ยิ่งทำให้รู้สึกสภาวะเกินทน
ชาวหมู่บ้านสิ้นธรณีรู้ซึ้งแล้วว่าใครก็ตามอาสาเข้ามาจัดการงานให้นั้นย่อมต้องคิดค่าแรงบวกกำไรหลายเท่า บางกลุ่มอ้างว่าต้องให้คุ้มกับความเสี่ยง บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่ดีกินดีมีทรัพย์สินเงินทองพอใช้จนถึงรุ่นลูกหลานโน่น
มาถึงช่วงนี้ จะทำอะไรไม่ง่ายนัก หักด้ามพร้าด้วยเข่าจะเป็นอันตราย คงต้องรอให้พร้าทื่อไร้คมเสียก่อนจึงจะจัดการได้ รอมานาน เสียหาย มาเยอะแล้วก็ยังยอมได้ ทนอีกสักหน่อยจะเป็นไร
จากนี้รอดูซิว่าหมู่บ้านสิ้นธรณีสิ้นคนดีหรือยัง ถ้ายังจะทำอย่างไรต่อไป หรือจะสิ้นธรณีจริงๆ