xs
xsm
sm
md
lg

สวย หัวใจน่ากราบ เปิดใจ..นางฟ้าของสรรพสัตว์ “ปุ้ย ปิยะวรรณ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เหมือนนางฟ้าลงมาโปรดสัตว์ “ปุ้ย-ปิยะวรรณ” หนึ่งในพลังสำคัญผู้ผลักดันความเปลี่ยนแปลงในสังคมคนรักสัตว์ จากเด็กหญิงที่จริงจังเมตตา สู่การจัดตั้งองค์กร A call for Animal Rights Thailand ที่พึ่งอีกหนึ่งแรงของสัตว์ร่วมโลก

ได้ยินได้ฟังมานักต่อนัก เกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์ ไม่ว่าสัตว์เลี้ยงหรือไม่เลี้ยง แต่เนิ่นนานที่ผ่านมา ก็ดูจะเป็นเพียงกรณีที่ผ่านเลย กระทั่งปลายปีที่ผ่านมา จึงเกิดกฎหมายที่ใช้ได้จริงๆ ในชื่อ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ และหนึ่งในกำลังสำคัญที่ร่วมผลักดันกฎหมายฉบับดังกล่าวก็คือองค์กรที่มีชื่อว่า A call for Animal Rights Thailand โดยผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคนหนึ่งนั้นก็คือหญิงสาวคนนี้

“ปุ้ย-ปิยะวรรณ ตั้งสกุลสถาพร” โดยสถานะอาชีพ คือครูและเจ้าของโรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ แต่ในแง่ชีวิต เธอมีจิตใจรักสัตว์มาตั้งแต่เด็ก เมื่อเติบโตและมองเห็นปัญหาที่เกิดจากการทารุณกรรรมสัตว์ ทำให้เธอสลัดความสุขสบายส่วนตัวบางประการ เพื่อเริ่มต้นผลักดันความเปลี่ยนแปลง ไล่ตั้งแต่ช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงที่ถูกทารุณและก่อตั้งกลุ่มองค์กรที่มีพลังพอจะขับเคลื่อนสังคมไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ผ่านองค์กร A call for Animal Rights Thailand ซึ่งเป็นการรวมตัวกับองค์กรช่วยเหลือสัตว์มากกว่า 30 องค์กร ทั้งองค์กรจิตอาสา NGO c]tทุกหน่วยงานคนรักสัตว์ต่างๆ เพื่อฟอร์มทีมทำงานร่วมกัน จนสามารถผลักดัน พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์มาใช้ได้ในปัจจุบัน...

  • ก่อนจะมาเป็น A call for Animal Rights Thailand

ก่อนหน้านี้ ปุ้ยก็เป็นคนรักสัตว์ธรรมดาคนหนึ่ง เป็นคนที่โลกสวยมาก (ยิ้ม) เห็นอะไรนิดอะไรหน่อยที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับสัตว์ จะร้องไห้ตลอด ทีนี้ เนื่องจากเรารักสัตว์มาก และเราก็ไม่เคยรู้ว่าสังคมมันเลวร้ายขนาดไหน จนกระทั่งได้เห็นในสื่อทีวี สื่อออนไลน์ ซึ่งมีตั้งแต่เคสสุนัขจรที่ชื่อว่าน้องฟลุคถูกฟันเหวอะหวะทั้งตัว เพราะเขาไปเห่ามอเตอร์ไซค์แล้วล้มซึ่งคนซ้อนเป็นภรรยาเขาท้องอยู่ด้วย ถามว่าหมาผิดไหม ก็เป็นหมาอ่ะเนอะ ถ้ามันพูดรู้เรื่องกว่านี้ มันจะเกิดเป็นหมาไหม แต่คนขับเขาแค้นมาก กลับบ้านไปเอามีดมาฟันหมา และอีกข่าวหนึ่งก็คือข่าวหมาเจ้าโตถูกฟันกลางหน้า ตัวนี้เราไปช่วยได้ แต่สุดท้ายเขาก็ตาย แล้วก็ข่าวลักลอบสัตว์ 1,000-2,000 ตัว ที่ถูกยัดอยู่ในกรง

เราเห็นภาพแบบนี้ เราร้องไห้เหมือนเป็นคนโรคจิต จิตตกอย่างรุนแรงไปเลย เพราะเราไม่เคยเห็น เราไม่เคยนึกว่าคนไทยที่บอกว่าดีนัก ดีหนา เมืองพุทธใจดีเนี่ย มันมีคนไม่ดีอย่างนี้อยู่ด้วย ทำให้เรารับไม่ได้ คิดว่าจะเริ่มทำอะไรสักอย่างแล้ว อีกอย่าง ปุ้ยจะเป็นคนที่พูดแล้วก็ทำตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่พูดอะไรแล้วไม่ทำ จากนั้นเราก็เห็นว่า ในเฟซบุ้คจะมีกลุ่มคนรักสัตว์เขารวมตัวกันช่วยสัตว์นู่นนี่นั่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ตั้งแต่ตอนนั้น ปุ้ยเลยเริ่มต้นด้วยการช่วยเหลือสัตว์เองที่ศูนย์กักกันแถวประเวศน์ เพราะเราอยากเห็นด้วยตัวเอง และพอไปเห็น มันก็ไม่โอเคจริงๆ แล้วเราก็ได้ช่วยสุนัขออกมา เอามารักษาและหาบ้านให้ ซึ่งปุ้ยใช้เงินตัวเองนะคะ แล้วก็มีเพื่อนๆ ที่รู้จักกัน พอเขาเห็นว่าปุ้ยลงมือทำจริงๆ ก็เลยช่วยกัน ตอนแรกจะเป็นในลักษณะนั้นค่ะ

  • จุดเริ่มต้น A call for Animal Rights Thailand

ปุ้ยเป็นคนเริ่มก่อตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมา เพราะปุ้ยมองว่ามันถึงเวลาแล้ว เราต้องการความเป็นเอกภาพ ต้องการพลังและโชว์ให้สังคมรับรู้ว่าคนรักสัตว์มีอยู่จริง ซึ่งพวกเราจะไม่นิ่งเฉยอีกแล้ว อีกอย่างที่มาทำ A call for Animal Rights Thailand เพราะว่าเราได้เห็นข่าวมาเยอะ เรารู้สึกว่าการแค่พูดว่าเรารักสัตว์ มันไม่พอ เราอยากให้เห็นถึงการกระทำด้วย และที่สำคัญคือทำไมประเทศไทยไม่มีกฎหมาย ไม่มี พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ ตรงนี้สำคัญมาก เราต้องการกฎหมาย เพราะเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเกิดการทารุณกรรมสัตว์ใดๆ ขึ้น พอถูกจับ ก็จะถูกปรับแค่ 1,000 บาท จำคุก 1 เดือน ซึ่งแทบจะไม่มีใครได้จำคุกเลย น่าจะมีที่จำคุกอยู่เคสเดียวคือเคสที่ขับรถลากสุนัข เรารู้สึกว่าเราต้องการกฎหมายที่ดีกว่านี้ เพราะไม่อย่างนั้นพวกที่เขาชอบทารุณกรรมสัตว์ อย่างจับหมา เขาก็โดนปรับแค่ 1,000 บาทแล้วก็ปล่อย ซึ่งเขาจะทำแบบนั้นอีกกี่ครั้งก็ได้ โทษมันน้อยเกินไป หรือถ้าเป็นพวกโรคจิตก็จ่ายเล่นก็ได้ เอาไปเลยหมื่นสอง ขอทารุณสัตว์สัก 12 ตัวอะไรทำนองนี้ ตรงนี้เลยเป็นจุดเริ่มต้นองค์กรของเรา แล้วก็เป็นจุดเริ่มของงานจิตอาสา

จากนั้นปุ้ยก็เลยติดต่อองค์กรที่มีอยู่แล้วต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอ็นจีโอ ทีมช่วยสัตว์ต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งนั่งค้นคว้าไปเรื่อยๆ ว่าใครที่เขาช่วยเหลือสัตว์จริงๆ คือเราอยากได้ตัวจริงเพราะเราต้องการคนที่มาทำงาน เป็นทีมเดียวกันกับเรา เราต้องการความเป็นเอกภาพของกลุ่มคนรักสัตว์ ตอนนั้นปุ้ยส่งจดหมายเปิดผนึกไปให้ตาม NGO ตามบุคคลต่างๆ ที่เราได้หมายตาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทุกคนก็ร่วมมือด้วย ทำให้เกิด A call for Animal Rights ขึ้นมา เป็นการรวมตัวขององค์กรช่วยเหลือสัตว์มากกว่า 30 องค์กร จะมีทั้งองค์กรจิตอาสา เอ็นจีโอ และทุกหน่วยงานที่เป็นคนรักสัตว์

  • การทำงานของ A call for Animal Rights Thailand มีอะไรบ้างคะ

หลังจากที่ก่อตั้งกลุ่มขึ้นมา เราก็มีการเรียกร้องเพื่อสวัสดิภาพสัตว์มาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะมีการทารุณกรรมสัตว์กี่ครั้ง อย่างเช่นเหตุการณ์ที่พระวัดช่องลมตีลูกสุนัขหัวแตก ซึ่งเราก็ไปถึงที่ แต่เราไม่ได้ไปเพื่อคุกคามหรือทำมารยาทที่ไม่ดีใส่เขานะคะ แต่เราไปเพื่อให้เห็นว่ากลุ่มคนรักสัตว์มีจริง คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ พวกเราไม่ยินยอมและเราจะเอาเรื่อง ตอนนั้นยังไม่มีกฎหมายด้วย แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ก็มองว่าเป็นแค่เรื่องหมาๆ แมวๆ วางยาเบื่อหมา ตีหมา มันเป็นเรื่องปกติสำหรับเขามาก ไม่สนใจ แต่เราต้องการให้สังคมรู้ว่าตอนนี้ประเทศไทยเปลี่ยนไปแล้วนะ

องค์กร A call for Animal Rights ของเราต้องการสร้างคนรุ่นใหม่ คนรักสัตว์ที่เป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสัตว์ คือไม่ใช่พูดว่ารักอย่างเดียว ถ้าคุณรัก คุณต้องออกมาปกป้อง คุณต้องทำอะไรบางอย่าง ถ้าคุณรักแล้วยังนิ่งเฉย นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเรา กลุ่มเราจะลุยอย่างคนที่มีการศึกษา ลุยอย่างคนที่ต้องการให้ประเทศชาติพัฒนาในเรื่องของจิตใจ ไม่ใช่วัตถุเพียงอย่างเดียว และสัตว์ก็เป็นตัวบ่งบอกให้เห็นถึงคุณภาพจิตใจของคนในสังคม เราก็มีการเรียกร้อง พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์มาตลอด มีการจัดงานหน้ารัฐสภา จัดที่นู่นที่นี่ มีทุกแบบเลย จนล่าสุด ก่อนจะได้ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ กลุ่มของพวกเราก็ได้มีการสร้างคำร้องกับทาง Change.org ซึ่งมีคนร่วมด้วยกับเราทั้งหมดหนึ่งแสนสี่หมื่นกว่าคน เป็นการยืนยันว่ากลุ่มคนประเทศไทยเราพร้อมแล้ว เราต้องการ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์อันเป็นกฎหมายที่แสดงให้เห็นถึงความเมตตา ให้สมกับประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ตอนนั้นดารา นักร้อง ศิลปินช่วยกันหมด รวมกันทุกภาคฝ่ายอย่างเต็มที่จริงๆ แต่กลุ่มของปุ้ยจะอยู่ในภาคประชาชน เราเป็นจิตอาสา เพราะอย่างงานประจำ ปุ้ยก็คือเป็นคุณครูสอนภาษา แต่ว่าเราเป็นคนรักสัตว์

ปุ้ยจะเป็นแนวนักเรียกร้องแบบฮาร์ดคอร์อยู่เหมือนกัน ซึ่งเราก็ไม่ได้โลกสวยนะคะแต่อยากให้รู้ว่าเราเอาจริง คนรักสัตว์เอาจริง ที่สำคัญ เราสร้างกระแสได้ ถ้าเราสร้างกระแสได้ คนก็จะสนใจมากขึ้น เมื่อก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้สนใจ พอเป็นกระแสก็เริ่มมีคนสนใจ มีสื่อมาสนใจ เราไม่ได้เป็นกลุ่มเล็ก เพราะเราเล่นจริงๆ

  • แล้วผลงานที่ผ่านมาขององค์กร A call for Animal Rights Thailand มีอะไรบ้างคะ เราได้ช่วยเหลืออย่างไรบ้าง

ผลงานที่ผ่านมามีเป็นร้อยๆ เคสใหญ่ๆ ที่เราช่วยเหลือมา อย่างเช่นเหตุการณ์ แทงโกลเด้น แทงคอหมาของตัวเอง พระตีหัวลูกหมากะโหลกแตก สาวประเภทสองเขวี้ยงหมาลงตึก ตำรวจยิงหมา ผู้ใหญ่บ้านกินหมาซึ่งกินหมาที่มีเจ้าของด้วย ขโมยสัตว์มาเพื่อนำมาทำงานอดิเรก เยอะมาก (ลากเสียงยาว) เพราะว่ามันมีแต่เรื่องแย่ๆ

กลุ่มเราจะมีการกระจายงาน ทุกคนสามารถเป็นหนึ่งในองค์กรเราได้หมดเลย ขอเพียงแค่ว่าคุณไม่ใช่แค่พูดว่ารัก คุณพูดแล้วคุณออกมาปกป้องสิ่งคุณรัก ออกมาช่วยเหลือสิ่งที่คุณรัก ซึ่งเราทำมาแล้วเยอะมาก ทั้งเคสของการเรียกร้องสวัสดิภาพสัตว์ เคสเรียกร้อง พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ เคสของการช่วยเหลือสัตว์ ในเคสของช่วยเหลือสังคม เราจะไม่ได้ช่วยแค่หมาแมวนะคะ แต่เราช่วยทั้งหมด (ยิ้ม) ซึ่งผลตอบรับที่เราทำมา ดีขึ้นมากๆ เราพูดได้เลยว่าเราเป็นตัวจุดเริ่มมาร้างแรงบันดาลใจให้คนรักสัตว์กล้าที่จะก้าวออกมา และมันก็ส่งผลจนถึงตอนนี้ว่ามีคนที่กล้าทำในสิ่งนี้มากขึ้น เราได้สร้างคนรุ่นใหม่ๆ แล้วเขาก็จะสร้างต่อ คนก็จะเรียนรู้จากคนด้วยกันเอง มีคนหนึ่งทำแล้วว่ามันดี ก็จะมีคนรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาเอง

ส่วนใหญ่ เรื่องการทารุณกรรมสัตว์ก็จะมีแจ้งมาในเพจเฟซบุ๊ก ร่วมถึงเพจส่วนตัวและทางไลน์ มันจะมาถึงเราเองค่ะ และถ้าเรามองว่ามันเกินไป อย่างเคสล่าสุดที่มีน้องนักศึกษาไปขโมยแมวข้างบ้านมาเลาะเอากระดูกมาศึกษาทำวิชามิวเซียม คอลเลคชั่น เราก็มองว่าอย่างนี้คือผิดปกติรุนแรงแล้ว เราก็จะเล่นแล้วอะไรอย่างนี้ คือคำว่า “เล่น” ของเรา เราไม่ได้เข้าไปขู่คุกคามหรือทำอะไรที่ดูเหมือนไร้การศึกษา ไม่ใช่ค่ะ แต่เราจะมีการโพสต์ขึ้นมาในเพจเพื่อเป็นการบอกกล่าวว่ามันเกิดกรณีนี้ขึ้นนะ แล้วเราก็ขอเรียนไปทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ รวมถึงอาจารย์ภาควิชา อาจารย์คณะ ให้มีการตรวจสอบเด็กคนนี้

  • หลังจากที่ก่อตั้งกลุ่มขึ้นมา มีพัฒนาการไปอย่างไรบ้าง

สมาชิกใน A call for Animal Rights จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามยุค ตามเวลา เพราะทุกคนสามารถร่วมทีมกับเราได้ อย่างช่วงบุกเบิกก็จะเป็นทีมหนึ่ง ช่วงน้ำท่วมก็จะเป็นทีมหนึ่ง คือใครว่าง คนนั้นลุย ตอนนี้ก็มีประมาณสิบคน ส่วนใหญ่ก็จะมีประมาณนี้ตลอด ทุกคนก็จะมีความสามารถ ทุกคนมีหน้าที่การงานที่ดีด้วย แต่จะแบ่งเวลาและเงินของตัวเองด้วย (หัวเราะ) เราพยายามจะแตะเงินบริจาคให้น้อยที่สุด ส่วนใหญ่ถ้าเราไปช่วยเอง ช่วยใกล้ๆ จะเป็นเงินตัวเองทั้งนั้น หรือว่าอย่างมาก ถ้าหนักจริงๆ ปุ้ยก็จะโพสต์ ก็จะมีเพื่อนที่รู้จักเรา มาร่วมช่วยบริจาคกับเรา ทุกคนจะทุ่มทั้งแรงกาย แรงใจ เงินและเวลา ทุกวันนี้ก็เบาลงแล้ว เพราะเราได้สิ่งที่เราต้องการแล้วนั่นก็คือ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์แต่ว่ามันก็ยังมีการทารุณกรรมสัตว์เกิดขึ้นทุกวัน เราก็จะมีการช่วยผลักดันกฎหมายลูกหรือกฎกระทรวงเพื่อให้อุดช่องโหว่ของ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์มากขึ้น ล่าสุดปุ้ยก็ได้ไปรับรางวัลที่รัฐสภามาค่ะ (ยิ้ม)

  • หลังจากที่มีกรณีข่าวเกี่ยวกับสัตว์ที่เกิดขึ้น จนนำไปสู่การผลักดันให้มี พ.ร.บ คุ้มครองสัตว์ขึ้นมา ตอนนี้ถามว่าคนเกรงกลัวกฎหมายนี้มากขึ้นไหม แล้วผลตอบรับจากการมีกฎหมายนี้ส่งผลให้ปัญหาน้อยลงบ้างหรือเปล่าคะ

ถามว่าคนเกรงกลัวมากขึ้นไหม ก็มีมากขึ้นค่ะ แต่คนไม่เข้าใจก็มี ถึงบอกว่าอย่าไปมองว่าเป็นหมา เป็นแมว เป็นตัวอะไร มองว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตดีกว่า คนที่ทำร้ายสัตว์ได้ จะไปป้องคนไม่ดีทำไม จะไปนั่งห่วงทำไมว่าคนไม่ดีจะถูกปรับเยอะมากแค่ไหน จัดการไปเลยเพราะว่าคนไม่ดีพวกนี้ ทำกับสัตว์ตัวเล็กได้ เดี๋ยวก็ทำกับคนได้วันหนึ่ง อาจจะเป็นลูกคุณก็ได้ ใครจะไปรู้ เพราะฉะนั้นจัดการไปเลยคนไม่ดี ทำไมเราจะต้องนั่งห่วงคนไม่ดี อันนี้ปุ้ยไม่เข้าใจ เราน่าจะเลือกสิ่งที่เลือกเกิดไม่ได้ พูดยังพูดไม่ได้เลย เขาไม่ผิดอะไร เพราะฉะนั้น เราสร้างกระแส ทุกวันนี้ก็เป็นกระแสที่ดีมากขึ้น อย่างที่บอกว่ารักแล้วก็องป้องเรามีความรู้อะไร เราบอกต่อ อย่างสอนเพี่อน สอนญาติ สอนน้อง สอนลูกในเรื่องของความเมตตา เล่นกับสัตว์อย่างไรให้ถูกต้อง อย่างเด็กที่เล่นกับหมาแล้วเล่นผิดวิธี ไปดึงหางมัน หมามันพูดไม่ได้ว่าเจ็บ เพราะฉะนั้นมันอาจจะกัด แล้วพ่อแม่โทษใคร โทษหมา ไม่ผิดเลยทั้งเด็กทั้งหมา แต่ถามว่าผิดที่ใคร ผิดที่พ่อแม่ ถ้าจะทำร้าย ควรจะทำร้ายตัวเอง เพราะว่าคุณไม่สอนลูก คุณไม่ดูแลลูก คุณไม่ดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณให้ดี พอมันเกิดอะไรขึ้น คุณเลือกที่จะโทษสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากตัวเอง และนั่นคือคนในสังคม ถึงเราจะต้องมีกฎหมาย แต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่คิดเป็น

แต่รวมๆ มันดีขึ้นนะในมุมของเราที่มีอาวุธในการจัดการคนร้าย แต่ก็ไม่ได้หมดไป ก็ยังมีข่าวในการทารุณกรรมสัตว์โหดร้ายทุกวัน ทั้งๆ ที่เรามีกฏหมายแล้ว เพราะฉะนั้นจึงบอกว่าประเด็นมันขึ้นอยู่กับจิตใจคน เรื่องของจิตสำนึกคนเป็นอะไรที่ประเทศ รัฐบาลควรจะคำนึงถึงแล้ว เราหลอกตัวเองมานานเกิน ตอนนี้สื่อต่างๆ ทำให้เห็นแล้วว่าจริงๆ คนไทยเสื่อมถอยมากนะ ไอคิวก็แย่ เรื่องการศึกษาก็ย่ำแย่ เรื่องจิตใจก็ย่ำแย่อีก เราควรมีการพัฒนาได้แล้ว อย่างโรงเรียนเมืองนอกเขาจะมีหน่วยงานช่วยเหลือสัตว์เขาตามโรงเรียน เขาสอนวิธีการเลี้ยงสัตว์ ปลูกฝังเรื่องจิตใจ ถามว่าสัตว์เกี่ยวอะไร เกี่ยวนะคะ สัตว์เป็นสิ่งมีชีวิต อย่างเช่นสุนัขเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่ามนุษย์ และสามารถเข้าใกล้มนุษย์ได้มากที่สุด เพราะฉะนั้น ถ้าคุณแม้กระทั่งสุนัข คุณยังมีความเมตตากับเขา สอนเด็กให้มีความเมตตาเห็นใจสัตว์ตัวเล็กได้ ต่อไปเขาก็จะเมตตากับคนที่ด้อยกว่าเขาเหมือนกัน เหมือนกับคนที่ทำร้ายสัตว์ได้ ก็ทำร้ายคนได้เหมือนกัน เมืองนอกเขามองว่าสำคัญมาก อย่างเมืองไทย พอมีกฏหมายเรื่องสัตว์ออกมา คนกลับออกมาโวยวายว่าทำไมกฏหมายสัตว์มันดีกว่าคนอย่างนี้เยอะมากค่ะ

ถึงยังไง ปุ้ยอยากให้คนมองว่าอย่ามองว่านั่นคือสัตว์ อย่ามองว่านั่นคือคน ขอให้มองว่านี่คือสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตที่มีความรัก ที่มีความรู้สึกเหมือนกัน แล้วคนที่เขาทำทารุณกรรมสัตว์ได้ มีงานวิจัยมากมายที่บอกว่าเริ่มจากการทารุณกรรมสัตว์เล็กๆ หมา แมว ทำร้ายได้อย่างหน้าตาเฉย แล้วมันก็จะเริ่มพัฒนามาเป็นการทำร้ายเด็ก ทำร้ายคน ฆ่าเด็กฆ่าคนไปเรื่อยๆ นั่นคือสาเหตุที่กฏหมายเขาหนักมาก เพราะเขารู้ว่ามันอาจจะมีแนวโน้มเป็นอาชญากรในอนาคต เพราะฉะนั้น อย่าแบ่งแยกเลย ถ้าจะบอกว่ากฎหมายสัตว์แรง เพราะมันเพิ่งเกิดขึ้น นี่ไม่ได้แรง ถ้าเทียบกับเมืองนอกเขาเรียกว่าอ่อนมาก แต่เราควรจะไปปรับกฏหมายคนหรือเปล่า กฏหมายคนของเราต่างหากที่มันแย่ ที่มันควรจะต้องปรับปรุงหรือเปล่า

  • แล้วเรามีอุปสรรคหรือปัญหาอะไรบ้างไหม แรกๆ ที่ทำมีท้อบ้างหรือเปล่าเพราะเห็นว่าเราทุ่มทั้งแรงกาย แรงใจ แถมเงินในกระเป๋าตัวเองอีก

ท้อจนไม่รู้จะท้ออย่างไรแล้วค่ะ ร้องไห้จนจิตตก ไม่คุยกับคนเป็นเดือนๆ ยกเว้นตอนสอนหนังสือ ไม่คุยกับคนที่บ้าน ตอนนั้นยังมีแฟนอยู่ ไม่คุยกับแฟนเลย นั่งเครียดว่าเราจะทำอย่างไรดี เพื่อจะได้กฎหมาย เหมือนจิตตกไปเลย จริงจังมากๆ แล้วพอระหว่างที่ดำเนินการ ก็เจออุปสรรคอีกมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นอุปสรรคจากคน ท้อหลายรอบไม่รู้กี่รอบแล้ว แต่ก็ท่องไว้ในใจตลอดเวลาว่าทำเพื่อสัตว์ ก็อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้สบายมากนะคะ อย่างที่บอกว่าเราเริ่มจากคนรักสัตว์ที่ไม่เคยเห็นภาพความรุนแรงมาก่อน เราไม่เคยรู้ว่าช้างน้อยลั้นลาที่เราเคยไปขี่มัน โอ้โห เบื้องหลังนี่คือเขาถูกพรากแม่พรากลูกตั้งแต่ยังไม่หย่านม เขาต้องถูกขอสับ เบื้องหลังการแสดงละครสัตว์ เบื้องหลังโลมาที่เราชอบหูมันมาก ไปจ่ายเงินเพื่อจุ๊บโลมา คือโลมา กว่าจะได้มาหนึ่งตัวนี่ต้องฆ่าถึงเจ็ดตัว กว่าจะได้ลูกมันมาตัวหนึ่ง จนทะเลเป็นสีเลือดเลย ถามว่าปุ้ยรู้ได้อย่างไร ปุ้ยต้องศึกษา ต้องขุด แล้วภาพที่เราได้เห็น มันน่าสะเทือนใจมาก

บางคนมองเราว่าทำไมเยอะขนาดนั้น บ้างก็บอกว่าพวกรักสัตว์โลกสวย ตรงนี้ปุ้ยอยากจะพูดว่าถ้าโลกสวยจริง ก็คงไม่มีพวกเราเกิดขึ้นมาหรอก แต่เพราะโลกมันสกปรก โลกมันย่ำแย่มาก และพวกเราอยากจะให้โลกมันดีขึ้น คุณต้องรู้ว่าเราเห็นอะไรมาบ้าง คุณไม่เห็น แต่เราเห็น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราต้องสู้เพื่อสัตว์ ทำไมเราต้องทำอะไรขนาดนี้ เพราะปุ้ยรู้ว่าเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหน แต่ว่าตอนแรกๆ เรายังบาลานซ์ไม่เป็น ก็จะหนักมาก แต่ทุกวันนี้ ก็ดีขึ้น สิ่งที่กำลังทำอยู่ก็คือการให้ความรู้กับคน เพราะการเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้เกิดขึ้นภายในวันเดียว ทุกวันนี้ปุ้ยจริงจังมาห้าปีแล้ว จริงจังยิ่งกว่างานประจำอีก เพราะงานตัวเองมันอยู่ตัวอยู่แล้วไง

  • แล้วทุกวันนี้ล่ะคะมีปัญหาด้านการทำงานอะไรอยู่บ้างไหม

ขาดแคลนแรงงานค่ะ (หัวเราะ) เพราะอย่างที่บอกว่า ทุกคนเป็นจิตอาสา บางทีเราอยากจะช่วย แต่ทุกคนทำงานประจำกันหมดเลย อย่างตัวปุ้ยเป็นเจ้าของ ปุ้ยเลยมีเวลา เพื่อนปุ้ยเป็นเจ้าของเหมือนกัน แต่เราไม่ซีเรียสนะ เราทำเท่าที่เราได้ ไม่กดดันตัวเอง เราแค่หวังว่าอยากให้คนรุ่นใหม่ๆ ถ้าจะเจริญ ไม่อยากให้เจริญแค่วัตถุ ให้เจริญที่จิตใจด้วย ถ้าจะเจริญเก่ง อย่าเก่งที่สมอง เก่งที่ใจ คือคนที่แข็งแรง ไม่ใช่คนที่รังแกคนอื่น คนที่แข็งแรงจริงคือคนที่ช่วยเหลือคนอื่นมากกว่า เราอยากจะรณรงค์ในคนด้านนั้น

  • เนื่องจากปัจจุบันมีคนเลี้ยงสัตว์กันมากขึ้น อยากจะแนะนำอะไรกับคนที่นำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงในส่วนนี้ไหมคะ

ง่ายๆ เลยคือต้องเลี้ยงเมื่อพร้อม เลี้ยงแล้วรับผิดชอบ อย่าซื้อเป็นแฟชั่น พ่อแม่อย่าซื้อให้ลูกเพียงเพราะเห็นว่าเป็นแฟชั่น แต่ต้องถามว่าพร้อมหรือเปล่า คำว่าเลี้ยงเมื่อพร้อมแปลว่า พร้อมในเรื่องอะไรบ้าง หนึ่งเลยเงิน สำคัญจริงๆ เพราะพาไปรักษาแต่ละครั้งนี่ สลบเหมือดเลย สองเวลา สามสถานที่ บ้านเช่านี้อย่าไปเลี้ยง เพราะคุณไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดไป พอคุณจะไปอยู่ที่ใหม่หรืออะไรก็ตาม แล้วที่ใหม่เขาไม่ให้เลี้ยงสัตว์ สุดท้ายจะทำยังไง ก็ทิ้ง...เยอะมาก สี่วุฒิภาวะ และห้าคือความรับผิดชอบ พ่อแม่อย่าซื้อเป็นของขวัญของลูก กรุณาดูวุฒิภาวะลูกด้วย ซึ่งแฟชั่นค่านิยมอย่าซื้อสัตว์เลี้ยงตามเทศกาลหรือเป็นแฟชั่น ซื้อเป็นของขวัญให้กันวาเลนไทน์อย่างนี้ตัวแทนความรัก การซื้อสัตว์เลี้ยงให้กันไม่ใช่ของขวัญมันเป็นการซื้อภาระ 10 กว่าปีให้กับอีกคนหนึ่ง

มันเคยมีกรณีนะ เช่นที่คู่รักชอบทำคือซื้อเป็นตัวแทนความรัก แต่พอเลิกกันแล้วก็ทิ้ง เลิกกันแล้วทิ้งยังไม่พอ มีเคสทะเลาะกันแล้วตีหมาด้วย ผัวเมียทะเลาะกัน ไม่ใช่แฟนนะคะ แต่ลงกับสัตว์เอาสุนัขทุ่มกับรถหลังหักแล้วก็ขังอยู่แต่ในกรง จนกระทั่งคนแถวบ้านเขาจิตอาสาที่รักสัตว์เขาเห็นเขาก็คอยดูแล้วเขาก็ขอออกมารักษา แต่กว่าจะได้รักษานั้นหลายเดือนมาก นึกว่าจะโอเคมีแต่คนติดต่อขออุปการะมากมาย แต่สุดท้ายเขาบอบช้ำข้างในเกินไป แล้วก็ตายทั้งๆ ที่เราดูไม่ออกเลยว่าเขาเจ็บปวดภายใน ขนาดเขาแย่ เขาวิ่งเข้าหาคนรัก อย่างนี้คือเขาผิดอะไร ตัวแทนความรักของพวกคุณ เวลาคุณทะเลาะกันคุณซัดกันเองสิคะ คุณมาทำหมาทำไม

ปุ้ยไม่โอเคเลยกับสังคมรักสัตว์ที่ฉาบฉวย สังคมรักสัตว์ที่ทำตามเป็นกระแส ซื้อเป็นของขวัญหรืออะไรโดยที่ไม่มีความพร้อม ไม่มีวุฒิภาวะไม่มีความรับผิดชอบ อันนี้ไม่โอเค และนี่แหละที่เป็นตัวสร้างปัญหาของสังคมในปัจจุบัน คือเกิดจากเจ้าของที่ไร้ความรับผิดชอบทั้งสิ้น และฟาร์มเพาะสัตว์ที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะฉะนั้น อย่างที่บอกว่าต้องรณรงค์ เลี้ยงเมื่อพร้อม เลี้ยงแล้วรับผิดชอบทั้งชีวิต และไม่เลี้ยงเพราะเป็นแฟชั่นหรือให้เป็นของขวัญกันอย่างนี้ค่ะ

สำหรับปุ้ย ตอนเด็กๆ คุณแม่ไม่ให้ปุ้ยเลี้ยงสัตว์นะคะ คุณแม่บอกว่าหนูยังโตไม่พอ คุณแม่จะต้องสอนก่อน ต้องมั่นใจก่อนว่า หนึ่งคือ ปุ้ยยอมเก็บขี้หมาหรือเปล่า แล้วเขาก็บอกว่า โอ้โห เลี้ยงสัตว์มันต้องเจอเรื่องอะไรบ้าง ไหวมั้ย นู่นนี่ ทำได้มั้ย แล้วเขาก็พิสูจน์เรามา จนกว่าเขาจะมั่นใจว่าโอเค เขาถึงยอมให้เราเลี้ยงสัตว์ นี่ล่ะค่ะ ปุ้ยคิดว่าผู้ปกครองต้องเป็นแบบนี้ อย่าสอนแค่พูด แต่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ทำให้ลูกเห็น

  • ในฐานะที่เป็นบุคคลที่เคลื่อนไหวเกี่ยวสวัสดิภาพสัตว์อยากให้ปุ้ยพูดถึงคนที่ชอบทารุณกรรมสัตว์หน่อยค่ะ

ทุกวันนี้มีกฎหมายแล้วนะคะ โทษจำคุกสองปี ปรับสี่หมื่นบาท แต่ขอบอกไว้เลยนะคะว่าอะไรก็ไม่สู้กฎแห่งกรรม สิ่งที่คุณทำ นั่นคือสิ่งที่คุณจะได้รับ ดังนั้น ไม่รัก ขอร้อง อย่าทำร้ายเขาเลย คุณเจ็บเป็น เขาก็เจ็บเป็น คุณหิว เขาก็หิวเป็น คุณมีครอบครัว เขาก็มีครอบครัว ดังนั้น ใจเขาใจเรา และกฎแห่งกรรมก็มีจริงๆ ก็อยากจะฝากว่า อย่าไปทำเขาเลย ถ้าวันหนึ่งมีคนมาทำคุณ ทำคนที่คุณรัก คุณจะรู้สึกอย่างไร เจ็บปวดไม่ต่างกัน

เราต้องมองทุกแง่มุม ทั้งมุมของคนที่รักสัตว์และมุมของคนที่ไม่รักสัตว์ เพราะสัตว์ ถ้ามีเจ้าของที่ไม่ดี มันก็จะกลายเป็นไปก่อกวนคนอื่นได้ แต่ถามว่ามันผิดที่สัตว์ไหม ไม่ใช่ค่ะ มันผิดที่เจ้าของ มีอะไรให้คุยกับคน มันคุยกันได้ อย่าไปลงที่สัตว์ อย่างคุณเอามีดไปฟันมัน ถามว่ามันรู้เรื่องหรือ มันไม่รู้ ถึงเราจะยืนด่ามันสามชั่วโมง มันก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น คุยกับคนดีกว่า … แล้วถามว่าถ้าเป็นสัตว์จร ไม่มีเจ้าของ แล้วมันทำไม่ดี ก็ขอเรื่องความเมตตา เขาไม่ได้พูดภาษาเดียวกับเรา ถ้าเขาฉลาด เขาคงไม่เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เราตีค่าเขาต่ำเหลือเกิน ก็ขอความกรุณาเห็นใจสักนิดหนึ่ง หรืออย่างน้อยๆ มันมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สามารถร้องเรียนได้ เราเกิดมาเหนือกว่าเขาทุกอย่าง เป็นไปได้ไหม ขอความเมตตาเล็กๆ ในจิตใจ ไม่รักอย่าทำร้าย เห็นใจสักนิด โปรดแบ่งปัน อาหงอาหารให้เขาหน่อย

  • ถามตามตรงสิ่งที่ทำอยู่เรียกว่าเป็นความสุขในชีวิตเลยหรือเปล่าคะ

พูดตามจริง อยู่ตรงนี้ไม่มีความสุขเลยนะคะ เงินก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ มีแต่เสียทั้งนั้นเลย เสียใจ เสียเวลา เสียความรู้สึก เสียเงินอีกต่างหาก แต่ถามว่าเพราะอะไรถึงทำ เพราะเราอยากให้สังคมเปลี่ยนแปลง นอกจากเราจะตีแผ่ความเลวร้าย เราก็อยากให้คนไทยได้ตระหนักว่า เรามีปัญหาเรื่องจิตใจแล้วนะ คนในสังคมต้องออกมาช่วยกันแล้ว เปลี่ยนแปลงปรับปรุงใหม่ สิ่งที่เห็นก็ดีใจ อย่างน้อยก็ได้ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ แล้วอีกอย่างก็คือคนรุ่นใหม่ที่เขาไม่ได้แค่พูด แต่เขาลงมือช่วยเหลือกันมากมายเลยเดี๋ยวนี้ แต่คนไม่ดีก็มีเยอะเหมือนกันนะ คนดีก็ต้องสามัคคีกัน (ยิ้ม)

  • ในอนาคตวางแผนจะทำอะไรต่อไปบ้างคะ

ปุ้ยมีโครงการที่จะทำเป็น Pet Community เป็นสังคมคนรักสัตว์ อยากจะทำให้ใหญ่และครบวงจรที่สุดในเมืองไทย รวมทุกสิ่งอย่างเลย นอกจากเรื่องการช่วยเหลือ จะมีการให้การศึกษา สอนคน เราอยากพัฒนาคนในสังคมไทยให้เจริญขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เหมือนที่ประเทศไทยอยากที่จะเป็น เป็นสังคมของคนรักสัตว์ที่ถูกต้อง สร้างคนเจเนอเรชั่นใหม่ที่รักสัตว์ เปลี่ยนแปลงสังคมด้วยความรู้ที่เรามี สร้างนักเคลื่อนไหวเพื่อสัตว์ จะทำให้มันเป็นเรนจ์ที่กว้างขึ้น พัฒนาสังคมคนรักสัตว์ให้กว้างขึ้น ขณะที่เรื่องกฎหมาย เราก็ยังจะทำอยู่ มีส่วนในการสนับสนุนการอุดช่องโหว่ของกฎหมาย เราก็จะร่วมผลักดันร่วมกับกลุ่มต่างๆ ด้วย เราก็คิดว่ามันจะดีกับทุกภาคส่วน และมันจะช่วยสร้างสรรค์สังคม เพราะว่าอย่างที่บอก เก่งแต่ไม่ดี อย่ามีเลยดีกว่า ต้องเอาดีไว้ก่อน (ยิ้ม)

 








 

Profile

ชื่อ สกุล : ปิยะวรรณ ตั้งสกุลสถาพร
ชื่อเล่น : ปุ้ย
การศึกษา : คณะศิลปศาสตร์ เอกจิตวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อาชีพ : เจ้าของโรงเรียนกวดวิชาเดอะ ซิลลาบัส โดย ครูปุ้ย
คติประจำใจ : เก่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเป็นคนดีด้วย



 

 

เรื่อง : วรัญญา งามขำ, กมลชนก บุญเพ็ง
ภาพ : ศิวกร เสนสอน

กำลังโหลดความคิดเห็น