xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” แนะอาชีวะผลิตคนสอดรับศักยภาพชาติ ล่าตัวพวกป้ายสี คสช.รับประโยชน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกฯ แนะอาชีวะผลิตคนให้สอดคล้องศักยภาพชาติ รบ.วางนโยบายต้นจนจบแต่ผลสำเร็จไม่ถึง 50% เรียนรู้ต้องเริ่มที่ใจ มองปัญหาของชาติก่อนตัวเอง แนะฝ่ายศึกษาสร้างคนเชื่อมโยงไปทำงาน AEC ไม่กังวลวันหน้าจะอยู่อย่างไร ไม่ฝืน ปชต.แค่ขอเวลาเดินหน้าชาติ ไล่ดู ศก.รอบบ้านก่อนด่ารบ.ทำส่งออกตก สั่งล่าพวกป้ายสี คสช.หาประโยชน์ ชี้ทหารเอาไว้รักษาชีวิต-แผ่นดิน ให้หมาถามมีทหารไว้ทำไม จี้ดูผลงานที่ผ่านมา ไม่ใช่แต่จับผิด



วันนี้ (29 ม.ค.) ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1 เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงาน “อาชีวศึกษาทวิภาคีไทย” พร้อมแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “อาชีวศึกษา ฝีมือชน คนสร้างชาติ” ที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 ม.ค. 2559 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่าวันนี้มองเห็นถึงความก้าวหน้าและศักยภาพในการผลิตบุคลากรให้สอดคล้องกับศักยภาพของประเทศว่าเราต้องการอะไร ซึ่งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะต้องเริ่มตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทางจึงจะสามารถแก้ปัญหาได้ครบวงจร ซึ่งอาชีวะจะต้องรู้ถึงความต้องการและศักยภาพของประเทศ จึงจะสามารถผลิตคนให้สอดคล้องเพราะอาชีวะเป็นองค์กรหลักสำคัญที่จะผลิตแรงงานฝีมือให้สอดคล้องกับการสร้างเศรษฐกิจใหม่ของประเทศและไม่ว่าจะทำอะไรก็จะต้องมีการวัดผล อาทิเช่นการเรียนภาษาต่างประเทศ ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาต่างๆก็จะต้องตอบคำถามให้ได้ว่าสามารถผลิตบุคลากรได้จำนวนเท่าไรแต่จะต้องไม่ลืมภาษาไทย เพราะเป็นพื้นฐานของทั้งหมดปัจจุบันคนนิยมเรียนภาษาต่างประเทศกันมากทำให้ภาษาไทยเกิดความผิดเพี้ยนไปมากโดยเฉพาะภาษาในโซเชียลมีเดีย ภาษาคนรุ่นใหม่ อีกหน่อยคงต้องมีพจนานุกรมเล่มใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะคำย่อยต่างๆ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดนี้คิดและวางนโยบายตั้งแต่ต้นจนถึงปลายทางและคิดจากปลายทางย้อนกลับมาตั้งต้นซึ่งระหว่างทางก็จะเจอปัญหาโดยเฉพาะการเชื่อมต่อต่างๆ หากถามถึงผลสำเร็จแต่ละแผนงานถือว่าดีเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถามถึงผลสำเร็จร่วมมีไม่ถึง 50 นี่คือปัญหาของประเทศไทย วันนี้เราจึงต้องมาจับมือร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน ธุรกิจอาชีวะศึกษาจึงถือเป็นตัวระบบขับเคลื่อนที่สำคัญ ต้องเรียนไปด้วยและรู้ไปด้วย

“การเรียนรู้ จะต้องรู้ตั้งแต่ใจตัวเองว่าเราจะอยู่อย่างไรในวันข้างหน้าและอนาคตที่จะไม่เกิดความขัดแย้งและรู้ว่าจะอยู่ร่วมกันด้วยความร่วมมือ การแก้ปัญหาและการร่วมมือกับรัฐอย่างไร โดยเฉพาะรัฐที่มีธรรมาภิบาลจะต้องร่วมมือด้วยความถูกต้อง ไม่ใช่อะไรก็ต่อต้านขัดแย้งทั้งหมด เพราะอย่าลืมว่าวันนี้มันคือปัญหาของประเทศ วันนี้คนเก่งมีเยอะคนดีมีมาก แต่ก็มีคนเลวเยอะ ทำอย่างไรจะให้มีคนดีมากกว่าคนเลวซึ่งเรามีกฎหมายจัดการกับคนเลวอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญทำอย่างไรอย่าให้คนเหล่านี้มาสร้างความเดือดร้อน สร้างปัญหาให้กับประเทศหนทางที่จะทำให้เกิดความสงบและสันติอย่างเดียวคือด้วยตัวของเราเอง ด้วยกฎหมาย สังคมซึ่งการศึกษาจึงถือเป็นหลักสำคัญที่ต้องเพิ่มเติมสิ่งเหล่านี้ลงไปว่าทำอย่างไรเราจะมีชีวิตร่วมกันอย่างปกติสุขในวันข้างหน้า สนับสนุนรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลในการพัฒนาประเทศ ไม่ใช่มองอะไรเป็นชิ้นๆ ต่างคนต่างทำมันไม่ได้ วันนี้มันคือปัญหาของประเทศ เมื่อเรายังไม่มีความพร้อมทั้งเศรษฐกิจ รายได้ประเทศ ก็ต้องร่วมมือกันในทุกๆ ด้าน ขอให้ลืมตัวเองไปก่อนแล้วให้คิดถึงปัญหาของประเทศ วันนี้มีเวลาที่จะปฏิรูปประเทศอีกไม่นาน เพราะฉะนั้นต้องใช้เวลานี้เดินหน้าทำงาน ไม่เช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ผมไม่ได้ขู่ ไม่ได้ไปไล่ล่าใคร แต่มันเป็นข้อเท็จจริงของประเทศ เวลา 1 ปี 6 เดือนที่เหลือ ผมต้องการเร่งรัดงานตามนโยบายต่างๆ จะต้องบูรณาการร่วมกันให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เราต้องคิดทั้งหมดโดยเฉพาะฝ่ายการศึกษา ไม่ใช่คิดแต่งานของตัวเอง ต้องคิดงานแบบเชิงบูรณาการ ทั้งเศรษฐกิจระดับล่าง ชุมชนไปยังอำเภอ จังหวัด เขตเศรษฐกิจพิเศษ สู่ประชาคมอาเซียน ทุกกิจกรรมต้องเชื่อมโยงกัน การผลิตคนไม่ใช่ผลิตเพื่อในประเทศอย่างเดียว ต้องพร้อมผลิตเพื่อไปทำงานในต่างประเทศด้วย ที่ผ่านมาการศึกษาของเรามีปัญหาทำให้พื้นฐานของคนแตกต่างกัน ตนไม่ได้โทษใคร แต่ในภาคการศึกษาก็บอกว่าเป็นเพราะเปลี่ยนรัฐมนตรีบ่อยเกินไป ตนถามว่าใครคนเปลี่ยน ก็พวกพรรคการเมืองที่เปลี่ยนกันเอง

นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้ต้องย้อนมาสู่เรื่องรัฐธรรมนูญ แผนการปฏิรูปยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ต้องเอาเรื่องเหล่านี้มาคิด ไม่เช่นนั้นมันไปไม่ได้ ต้องสอนให้คนมีกระบวนการคิดที่เป็นระบบให้มากขึ้น ด้านธุรกิจเราต้องเปิดประตูประเทศไทยเพื่อมีศักยภาพในการแข่งขันของตัวเอง สิ่งเหล่านี้ตนกำลังขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งวันนี้ประเทศไทยยังติดกับดักตัวเอง กับดักประชาธิปไตย กับดักสิทธิมนุษยชน กับดักการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เขียนเพื่อประชาชนโดยรวม ตนไม่เข้าใจทุกประเทศที่เขาเจริญก้าวหน้าเขาเอากฎหมายเป็นหลักทั้งสิ้น กฎหมายต้องเป็นพื้นฐาน ถ้าคนไม่ละเมิดกฎหมายก็ไม่ต้องใช้กฎหมายแรง ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอันเดียวกันไม่ว่าจะยากดีมีจน นั่นแหละคือความเท่าเทียมแท้จริงในโลกใบนี้

นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้รัฐบาลออกกฎหมายไป 400 กว่าฉบับยังไม่พอ เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยปรับแก้กฎหมาย มีผลกระทบต่อภาคธุรกิจเพราะกฎหมายล้าสมัยวันนี้ต้องแก้กันทุกวันและการแก้กฎหมายมันง่ายที่ไหน และอะไรๆ ก็จะให้ใช้มาตรา 44 ถามว่ามาตรา 44 จะไปใช้กับอาเซียนได้ไหม ถ้าได้ตนจะออกให้การแก้กฎหมายเหล่านี้ต้องเข้าสู่กระบวนการ สนช.ที่จะพิจารณากัน 3 วาระ โดยที่รัฐบาลส่งกฎหมายต้นทางไปให้พิจารณาจะผ่านไม่ผ่านก็ต้องไปว่ากันมา

“ผมบอกแล้ว ผมเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง วันนี้ผมยังแข็งแรงอยู่ถ้าตราบใดยังเสียงดังถือว่ายังโอเค ไม่เคยยอมแพ้เพราะผมแพ้ผมก็อยู่ไม่ได้ คิดแบบผมคิดบ้างผมไม่ได้คำนึงว่าผมจะอยู่อย่างไรในวันข้างหน้าถ้าผมกังวลคงไม่มายืนตรงนี้หรอก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า การสร้างคน ต้องสร้างการเรียนรู้ การใช้สมองที่ไม่ใช่สมองที่คิดแต่เรื่องความขัดแย้ง การละเมิดสิทธิมนุษยชนการละเมิดกฎหมาย คิดแต่ประชาธิปไตยเพราะถ้ายังติดกับดักเรื่องเหล่านี้ ประเทศจะเดินหน้าไม่ได้ถอยหลังไปเรื่อย ทั้งนี้ ช่วงที่ตนอยู่จะต้องสร้างอาชีพ สร้างรายได้ประหยัด อดออม โดยนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้และศึกษาให้ลึกซึ้ง นี้คือกระบวนการประชาธิปไตยที่ท่านสร้างมาทั้งเรื่องความมั่นคงการพัฒนาและการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากความสามารถเฉพาะตัวเราต้องฝึกคนมีความชำนาญอย่างลึกซึ้งทั้งระบบเพื่อพัฒนาไปเป็นผ้บริหาร สำหรับคนที่เอาทุนรัฐไปต้องมีการติดตามอยู่ตรงไหน มีการพัฒนาหรือไม่ ถ้ายังไม่พัฒนาก็ให้ไปเพิ่มมา การสร้างการเรียนรู้ต้องเริ่มจากคนที่ไม่รู้อะไรเลย อย่างภาษาอังกฤษต้องเริ่มจากภาษาอังกฤษเพื่อให้ประชาชนสื่อสารในชีวิตประจำวันได้ วันนี้ที่คุยกับต่างประเทศทุกวันทั้งที่มีคนพูดว่าไม่มีใครคบเราโดยตนศึกษาประวัติศาสตร์ของเขาทั้งหมด มีการเปลี่ยนผ่านอย่างไร ดังนั้น เขาก็ต้องเข้าใจประวัติศาสตร์ของเราด้วย ตนไม่ฝืนประชาธิปไตยอะไรทั้งสิ้น แต่ต้องให้เวลาเราเดินหน้าด้วย

นายกฯ กล่าวว่า ทั้งหมดที่พูดไป ต้องไปกำหนดเป็นโรดแมปไปกำหนดจัดทำงบประมาณ ที่ต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นด้วย ขณะนี้รัฐบาลกำลังจัดทำงบประมาณใหม่หมดทั้งงบฯ โครงการก่อสร้างพื้นฐาน งบฯประจำงบฯ เร่งด่วนที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหา วันนี้รัฐบาลทำไปเป็นพันเรื่องแต่จะเป็นรูปธรรมหรือไม่ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน อย่าท้อแท้ซึ่งเรื่องของความคิดไม่มีวันแก่ ต้องดูแลกันในวันข้างหน้าไม่ใช่อยากได้ทุกอย่าง แต่ไม่ร่วมมือ ที่ขอมาทุกเรื่องต้องดูด้วยว่ารัฐบาลมีเงินไหม พอรัฐบาลจะคุยเรื่องภาษีก็ไม่เอา แต่เวลาลดราคาก็มากันใหญ่ อย่างนี้มันไปกันไม่ได้ เมื่อเก็บภาษีไม่ได้ ผู้ประกอบการก็แย่ ที่บอกรายได้การส่งออกลดลงในรอบ 10 ปี แล้วเคยไปดูไหมว่ารอบบ้านการส่งออกลดลงด้วยหรือไม่ ไม่เคยดู ต้องไปสอนคนให้เข้าใจว่าตอนนี้ประชาคมโลกเป็นอย่างไร ไม่อย่างนั้นตนก็โดนด่าทุกวัน

นายกฯ กล่าวต่อว่า ไม่ใช่ประเทศไทยที่เศรษฐกิจตกแต่เพื่อนบ้านของเราก็ตกไปด้วย รัฐบาลกำลังพยายามหามาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการเองก็ต้องลดต้นทุนการผลิต และเราต้องช่วยกันคิดทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น วันนี้ต้องดูว่าฝีมือแรงงานในประเทศไทยนั้นผ่านเกณฑ์มาตรฐานจำนวนเท่าใด และจะดูแลผู้ที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์อย่างไร ค่าแรงสำหรับแรงงานไทยสูงที่สุดในอาเซียน เราเป็นประเทศรายได้ปานกลาง แต่รายได้ประชาชนกลับไม่แน่นอน ดังนั้นต้องช่วยกันคิดหาวิธีแก้ไข และอยากฝากถึงการเข้าประชาคมอาเซียนว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด วันนี้มีการทะเลาะกันเรื่องเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะปัญหาที่ดินจึงต้องมีการสร้างความเข้าใจโดยรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด

นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ได้ไล่ล่าผู้ที่แอบอ้างตนเพื่อหาผลประโยชน์อย่าพูดส่งเดชว่ามีการตกลงกันกับคนของ คสช. ถ้าจริงก็ไปหาหลักฐานมา แต่อย่าพูดส่งเดช ถ้ามีหลักฐานก็จะจับให้อย่าพูดให้เกิดความเสียหาย เมื่อวานนี้มีการประเมินเรื่องของคะแนนความโปร่งใส แค่จะรักษาคะแนนให้คงเดิมก็ยากอยู่แล้วถ้าบอกว่ามีการทุจริตก็ขอให้บอกด้วยว่าทุจริตจุดใด ที่รัฐมนตรี หรือข้าราชการ ขอให้หามายืนยันว่าตนไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลยตั้งแต่เข้ามาที่เข้ามาก็เพื่อแก้ไขปัญหา แก้ไขความผิดพลาด ไม่ได้จ้องทำร้ายใคร ทำแบบนี้เห็นด้วยหรือไม่ วันนี้เราต้องแข็งแรงเพราะพูดอะไรจะไม่มีคนเชื่อ อาเซียนก็จะไม่เชื่อ เวลาที่ตนพูดห้ามหลับเพราะมั่นใจในสิ่งที่ทำ ตนเข้าใจอาเซียนและสถานการณ์วันนี้หลายประเทศก็เชิญรัฐบาลไปเยือน ทั้งอินเดีย รัสเซีย จีน เกาหลี หากรังเกียจก็คงไม่เชิญ แต่มีคนไทยบางกลุ่มต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความแตกแยก

“วันก่อนมีคนถามว่ามีทหารไว้ทำไม ก็ต้องตอบว่ามีทหารไว้ดูแล 5 แสนตารางกิโลเมตร เอาไว้รักษาชีวิตรักษาแผ่นดินผืนนี้ และให้หมาพวกนี้มาพูด วันนี้ผมเบรกไม่อยู่ เขาตายไปเท่าไหร่ น้ำท่วม ฝนแล้ง โจรขโมย นึกถึงเวลาที่เขาทำบ้าง ไม่ใช่ไปจับว่าไอ้นี่เรียกเงิน ถ้ามีก็ไปแจ้งความมา เขามีช่องทางร้องทุกข์กล่าวโทษ แจ้งโรงพักพอไปแจ้งแล้วก็ไม่เชื่อตำรวจอีก แล้วจะไปเชื่อใคร หรือจะอยู่โดยยามก็ไปจ้างยามมา แล้วมันจะได้ไหมเล่า ทำไมเราไม่ทำให้มันเข้มแข็ง การปฏิรูปก็ต้องเริ่มจากเล็ก-กลาง-ใหญ่ ทำไมเราไม่สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้ก่อน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่าวันนี้ถามว่าทหารได้อะไร เชื่อว่าไม่ได้อะไรแต่ที่ได้คือทำให้ทุกคนมีลมหายใจ มีเสรีภาพในทุกอย่าง เหล่านี้ถามว่าใครทำให้ ถ้าไม่ใช่ทหาร การใช้ทหารไม่ใช่การลงทุน แต่สิ่งที่จะได้กลับมาก็คือเศรษฐกิจและการค้า เนื่องจากประเทศได้รับความมั่นใจในเสถียรภาพความมั่นคง

นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือวันนี้มีคนพยายามให้ร้ายต่อประเทศ กระทรวงการต่างประเทศต้องสามารถชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีได้ทุกเรื่อง วันนี้เรามีแม่น้ำ 5 สายก็ดูเหมือนจะตีกันแล้ว ไม่ว่าจะรัฐธรรมนูญหรือโรดแมป ตนยังไม่ได้พูดอะไรสักคำว่าจะทำได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้จะให้ทำอย่างไร หรือจะใช้กำลังบังคับกัน ดังนั้นจึงอยู่ที่ประชาชน เพราะประชาชนคือผู้ออกเสียงอย่างแท้จริง ไม่ใช่พวกแอบอ้าง ตนพูดมากไม่ได้เพราะจะถูกกล่าวหาว่าต้องการสืบทอดอำนาจ แต่จะทำทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยตอนที่ยังอยู่ในตำแหน่งหรือมีใครคิดว่าไม่ถูกต้อง วันนี้ใครเปิดโทรศัพท์เพื่อดูแอปพลิเคชันอินโฟกราฟิกของรัฐบาลบ้าง ถ้าไม่มีก็แสดงว่ารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีต้องเปลี่ยนได้แล้วเพราะต้องพูดให้คนเข้าใจ วันนี้ยังมีคนถามว่าทำไมเลือกตั้งไม่ได้และเขาไม่มีความเชื่อมั่น ดังนั้นต้องพูดให้เขาเชื่อ หากต้องการย้อนกลับไปที่เก่า ตนก็ขอบายและการทำงานจะไม่ท้อแท้อยู่แล้ว นายกฯ ไม่มีอ่อนแอ อ่อนไม่ได้ ยิ่งมีเวลาน้อยยิ่งดุกว่าเดิม เพราะไม่เช่นนั้นจะแก้ไขปัญหาใดๆ ไม่ได้ ที่ต้องปวดหัวทุกวันเพราะรับปัญหาต่างๆ ทั้งหมด ถามว่ารัฐบาลหน้าจะแก้ไขปัญหาเช่นนี้หรือไม่ มียุทธศาสตร์ชาติมีแนวทางการแก้ไขปัญหาเช่นนี้หรือไม่ สามารถแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันให้ดีขึ้นแบบนี้หรือไม่

















กำลังโหลดความคิดเห็น