วันสุดท้ายแถลงผลงานรัฐบาลรอบ 1 ปี พบมีแต่ข้าราชการกระทรวงที่ขึ้นพูดนั่งตบยุงฟัง หลังรองนายกฯ เผ่น “สุวพันธุ์” ระบุการขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลเดินหน้าต่อเนื่อง สนช.และ สปท. ทำงานราบรื่น รมว.วัฒนธรรม โวส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมอาเซียน เสริมอัตลักษณ์ไทย “สุรศักดิ์” ชูทวงคืนผืนป่า ให้ผู้ยากไร้จัดระเบียบอยู่คู่ป่าได้ บ่นเรื่องน้ำผู้รับเหมาอ้างทุจริต รัฐบาลกินหัวคิว พอถามก็พูดอ้อมแอ้ม ย้ำใช้อี-อ็อกชันไม่มีแน่ แต่พวกพูดส่งเดชต้องถูกฟ้อง ย้ำรัฐบาล-คสช.ไม่มีหัวคิวแน่
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล สำหรับวันสุดท้ายของการแถลงผลการดำเนินงานรัฐบาลรอบ 1 ปี ในส่วนของรัฐมนตรีแต่ละกลุ่มคลัสเตอร์ที่เหลือในส่วนของกลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กลุ่มความมั่นคงและกลุ่มสังคม ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล การแถลงเริ่มต้นด้วยรัฐมนตรีกลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ขณะที่บรรยากาศภายในห้องแถลงช่วงแรกมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมรับฟังอย่างคึกคัก เนื่องจากมีรองนายกรัฐมนตรี เช่น พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีร่วมรับฟังการแถลง แต่หลังจากรองนายกรัฐมนตรีเดินทางออกไปปรากฏว่าเหลือเพียงแค่ข้าราชการของกระทรวงต่างๆ ที่รัฐมนตรีตัวเองแถลงอยู่เท่านั้น เช่น พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม
ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 การขับเคลื่อนต่างๆ อาจไม่เดินไปอย่างที่ประชาชนและข้าราชการหวังไว้ แต่หลังจากนั้น จนถึงปัจจุบันกลไกในการขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาล สามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องและมีผลสัมฤทธิ์เห็นเป็นประจักษ์ได้ ซึ่งอนาคตภาพการขับเคลื่อนการทำงานของรัฐบาลก็จะเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้น งานด้านการประสานงานกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) การออกฏหมายเดินหน้าไปอย่างราบรื่น และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ทำให้งานผ่านไปได้อย่างรวดเร็วและสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีของรัฐบาล จนเห็นผลแล้ว และวันที่ 30 ธ.ค.ได้นัดประชุมวิป 3 ฝ่ายเพื่อหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อบ้างปีหน้า กำหนดผลระยะสั้น และระยะยาวอย่างไร ส่วนการปฏิรูปภายในคณะสงฆ์จะทำให้เกิดความถูกต้อง
โดยนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ในปี 58 กระทรวงวัฒนธรรมใช้วิธีการสร้างคน สังคม ให้เป็นคนดี มีคุณธรรม มีความปรองดอง ช่วยสร้างรายได้เพื่อให้เกิดความมั่นคงในตัวเอง สร้างเกียรติภูมิ โดยส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมและเชื่อมโยงอาเซียน สร้างความเจริญประเทศ ด้วยการเทิดทูลชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เสริมสร้างอัตลักษณ์ความเป็นไทย ทั้งเรื่องของภาษาไทย ภาษาท้องถิ่น ผ้าไทย อาหาร เทศกาล เสริมสร้างค่านิยม 12 ประการ เพื่อสร้างคุณธรรม จริยธรรม พัฒนาแหล่งเรียนรู้ อย่างหอสมุด พิพิธภัณฑ์ เรียนรู้พื้นที่ประวัติศาสตร์ และสร้างสื่อปลอดภัย ในการให้องค์ความรู้กับประชาชน ต่อสู้สื่อร้าย เป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน
จากนั้นช่วงบ่ายในส่วนของรัฐมนตรีกลุ่มงานความมั่นคง โดย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงว่า ตั้งแต่เข้ามาได้ดำเนินการรักษาผืนป่าสมบูรณ์ของประเทศไทย ที่เหลืออยู่ไม่ให้สูญเสียไปอีก หากพื้นที่ใดมีการเปลี่ยนแปลงสภาพป่าก็ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล ส่วนพื้นที่มีการบุกรุกได้เข้าไปจัดระเบียบ โดยแยกกลุ่มบุกรุกออกเป็น 4 กลุ่ม คือ ผู้มีอิทธิพล กลุ่มยากไร้ กลุ่มอยากยากไร้ แล้วเข้าไปใช้พื้นที่ และผู้ยากไร้ที่เป็นตัวแทนผู้มีอิทธิพลพยายามจัดระเบียบ ซึ่งผู้ที่ยากไร้จะไม่ถูกขับไล่ แต่จัดระเบียบให้อยู่กับป่าได้ ส่วนการบริหารทรัพยากรน้ำนั้นได้บูรณาการกันหลายกระทรวง ประชุมจัดงบฯ
“พอพูดเรื่องน้ำ สิ่งที่ผมลำบากใจอยู่ มีผู้รับเหมาจำนวนมากอ้างว่ามีการทุจริต มีการลงข่าวรัฐบาลทหารกินหัวคิว อันนี้ต้องฟ้องดำเนินคดี แต่พอได้ซักเจ้าตัวก็พูดอ้อมแอ้ม แต่ขออนุญาตพูดในที่นี้เลย โดยในส่วนของกรมน้ำ และกรมน้ำบาดาล ได้ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงไม่มีการโกงแน่ แต่ก็มีข่าววามีการแฮกเกอร์เข้ามาซึ่งเป็นเรื่องเทคโนโลยีก็ต้องมาว่ากัน ต่อไปนี้พวกที่พูดเรื่อยๆ แล้วลงข่าวไม่ตรง ถ้าตอบไม่ชัดถูกฟ้องร้องดำเนินคดีแน่ ผมต้องทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีข้าราชการ อย่าพูดส่งเดชว่ามีหัวคิว เลิกพูด รัฐบาลนี้มาจาก คสช.ไม่มีแน่” พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว