นายกรัฐมนตรีปาฐกถา ยันต้องปฏิรูปการศึกษาทั้งหมด ข้าราชการต้องทำให้ประชาชนกล้าเข้าหา งัด ม.44 บอกห้ามเรียกใครว่ารากหญ้า ลั่นไม่มีแบ่งแยก เคยให้นโยบาย ม.รัฐเอกชน ปรับหลักสูตรให้คิดไม่ใช่เติมคำ คุณภาพไม่ได้อยู่ที่คะแนน แต่ต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สร้างภูมิคุ้มกัน แรงจูงใจ ถามลดภาระครูเรื่องประเมินได้หรือไม่ ทำให้เด็ก-พ่อแม่มีความสุข จ่อยุบทิ้งหน่วยไร้ผลงาน ชู คปป.วางยุทธศาสตร์ประเทศ ไม่ทับอำนาจบริหาร ปรองดองคดีต้องจบก่อน เผยเดินหน้ารถไฟแน่ สวดพวกวิจารณ์ไม่เคยทำให้โปร่งใส ขู่ถ้าไม่เกิดก็ต้องมี ครม.4 ของบต้องดูที่จำเป็น ท้าใครอ้างตนเรียกรับประโยชน์เอาหลักฐานมาจะลงโทษทันที
วันนี้ (26 ส.ค.) ที่สโมสรทหารบก เมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ปฏิรูปการศึกษา...สร้างอนาคตประเทศไทย” ในงานสัมมนาเรื่อง “การปฏิรูปการศึกษาและพัฒนามนุษย์สู่อนาคต” ที่จัดโดยคณะกรรมาธิการปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ตนอาศัยความจริงใจ ความตั้งใจให้บ้านเมืองเจริญขึ้นให้ได้ภายในสมัยของตน ความจริงแล้วแทบจะไม่ต้องพูด แต่วันนี้เป็นเพียงการทำความเข้าใจ เพราะงานด้านวิชาการทุกคนเก่งอยู่แล้ว ตนเป็นเพียงผู้ขับเคลื่อนในช่วงสถานการณ์พิเศษ ถ้าไม่ทำวันนี้ให้สำเร็จก็จะไม่สำเร็จอีกต่อไป เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ และมีอีกหลายเรื่อง ไม่คิดว่าปัญหาจะมีมากมายตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 เข้ามาทำงาน พอแตะอะไรก็ต้องทำทั้งหมด ไม่รู้ที่ผ่านมาไปอยู่ตรงไหน จึงต้องปฏิรูปทั้งหมด ที่ผ่านมามีการแบ่งแยกหลายความคิด รัฐบาลจึงมีหน้าที่ต้องตัดสินใจ ดูแลเรื่องต่างๆ ทั้งหมด สิ่งที่พยายามทำวันนี้คือการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ และการปฏิรูปอีก 11 ด้าน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การศึกษาเป็นรากฐานของทุกอย่าง ถ้าคนไม่มีคุณภาพ ประเทศก็ไม่มีทางก้าวหน้าได้ ต้องให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง และขอร้องข้าราชการที่ผ่านมาประชาชนไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร เพราะเขาไม่เข้าใจ ยิ่งข้าราชการพูดน้อย ใช้กฎหมายอย่างเดียวก็ยิ่งไปกันใหญ่ วันนี้ต้องทำให้ประชาชนกล้าเข้าหา จึงขอฝากถึงหน่วยงานราชการต่างๆ ขอให้พูด ชี้แจงหรือแก้เอกสารให้เข้าใจง่าย เพราะวันนี้ภาษาไทยยังไม่ค่อยได้ ยังมีภาษาอังกฤษอีก เช่น เรื่องกรอกภาษี ภ.ง.ด.91 ต้องง่ายกว่านี้ เพราะขนาดพวกเราเองยังยากเกินไป เราต้องพัฒนาคนต่อไปอย่างน้อยก็ต้องเท่าเทียมกัน เอาหลายอย่างของต่างประเทศมาทำบ้านเรา แต่บางเรื่องยังทำไม่ได้ เพราะการศึกษายังมีการเรียนรู้ที่ยังไม่เท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปการศึกษาต้องเข้าใจระบบการศึกษาของโลก อาเซียนและของเราเอง เพราะมีความแตกต่างกัน ซึ่งคนไทยเป็นคนมีความสุข แต่จะไม่ค่อยมีความสุขตอนการเมืองเข้ามาวุ่นวายเท่านั้นเอง เรามีอิสระเสรี เป็นแผ่นดินสุวรรณภูมิ แต่เราไม่ค่อยเข้มแข็งเพราะคิดว่าเพียงพอแล้ว แต่ไม่ใช่เลยเพราะวันนี้โลกไร้พรมแดนแล้ว วันนี้เราต้องปฏิรูปสิ่งต่างๆ ให้ได้ คิดให้ซับซ้อนกว่าเดิม ลดอัตตาตัวเองเพราะถ้ามัวแต่คิดและยึดสิ่งที่ตัวเองคิดอย่างเดียวก็จะกลายเป็นปัญหาของประเทศ
“การเมืองก็เช่นกัน ถ้าต่างคนต่างทะเลาะก็จะเป็นปัญหา แต่ถ้าต่างคนต่างยอมรับว่าเป็นผลประโยชน์ของชาติ แม้จะเห็นไม่ตรงกัน แต่เมื่อเป็นประโยชน์ส่วนรวมเราก็ต้องพร้อมที่จะร่วมมือเดินไปข้างหน้า ทำแค่นี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำไม่ได้ ทุกอย่างที่ผมทำผมต้องการเพียงแค่นี้ นักการเมือง ประชาชน หรือฝ่ายใดก็ตามต้องร่วมมือพาประเทศเดินไปให้ได้ อะไรที่ขัดแย้งหรือเป็นปัญหาก็ค่อยๆ ทำกันไป ไม่ใช่จะเอาทุกอย่างเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ แล้วมันจะเดินไปตรงไหนได้ สิ่งสำคัญคือเมื่อคนเหล่านี้มีความขัดแย้ง คนที่ถูกขับเคลื่อนก็จะเกิดความสับสนวุ่นวายต่อไปอีก วันนี้ผมขออนุญาตใช้มาตรา 44 ไม่ให้ใครในประเทศนี้เรียกคนเหล่านี้ว่ารากหญ้า ให้เรียกว่าคนที่มีรายได้น้อย มีการศึกษาน้อย ซึ่งเราต้องยกระดับพวกเขามาให้เท่าเทียม อย่าไปเรียกเขาว่าเป็นรากหญ้า วันนี้บ้านเมืองเราไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นแล้ว ไม่มีอำมาตย์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น อำมาตย์ก็คือข้าราชการที่เป็นตัวแทนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะมาดูแลประชาชน”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 ทำงานอย่างบูรณาการ การทำแผนใช้จ่ายงบประมาณ จะต้องมีการหารือร่วมกันก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ขนาดทำอย่างนี้ยังมีปัญหาพอสมควร เพราะรัฐบาลสนใจทุกเรื่องขณะที่ปัญหามีเป็นร้อยเรื่อง แต่ตนก็ต้องทำให้เสร็จ นั่นแหละคือการเดินตามโรดแมป การที่สื่อนำเสนอข้อมูลพยายามสร้างความขัดแย้งต่างๆ เข้าใจว่าไม่ได้เจตนา ตนก็ดุเดือดไปบ้างเพื่ออยากให้เข้าใจและพยายามทำให้ทุกอย่างหยุดลง เพราะอะไรที่เป็นหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่รู้กัน ต่างประเทศมีการรบราฆ่าฟันกันมากี่ปี ไม่มีใครเข้ามาแบบนี้และทำได้แบบที่เราทำ ที่ผ่านมานักการเมืองให้ความร่วมมือดี เว้นแต่บางคนที่รู้กลัวอะไรกันนักหนา กลัวจะอยู่นานหรืออย่างไร กลัวตนจะสืบทอดอำนาจหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ตนไม่เคยคิดมีอำนาจ เพราะยิ่งคิดว่ามีอำนาจยิ่งจะหลงตัวเอง ตนมีอำนาจหน้าที่ทำงานเหมือนตอนที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก มีอำนาจไว้เพื่อปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาแค่นั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อแสวงประโยชน์หรือสืบทอดอำนาจ ไม่เคยคิดอย่างนั้น วันนี้สิ่งที่สื่อมองแบบนั้นอาจเป็นเพราะสื่ออยู่กับการเมืองมานาน อยู่กับอำนาจและผลประโยชน์ ถ้าตนต้องการอย่างนั้นคงไม่มาเพราะอายตัวเอง พ่อแม่ตนสอนให้เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต รักสถาบัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เราทำแบบจริงใจ ลดอัตตาทุกมิติบูรณาการทำงาน เพราะปัญหาหลายเรื่องที่หมกหมมมา สิ่งที่ต้องการในวันนี้คือให้ประเทศชาติไม่ขัดแย้ง โดยเฉพาะพวกที่สอนแบบสุดโต่ง ต้องแก้ไข ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่าที่ไหน ถ้าสุดโต่งก็จะขัดแย้งกันอยู่แบบนี้ พูดถึงแต่เสรีภาพ แต่ไม่ฟังใครทั้งสิ้น หากนอกกรอบทั้งหมดประเทศก็ไปไม่ได้ตนไม่ต้องการใช้อำนาจบังคับใคร แต่อยากให้ใช้จิตสำนึกต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือหรือถูกใครชักจูงเหมือนที่ผ่านมาเพราะทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน ฉะนั้นการศึกษาที่ดีที่สุดคือทำอย่างไรให้คนมีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ รู้จัดตัวเอง ไม่ติดกับดักตัวเองอีกต่อไป สามารถช่วยตัวเองได้ ไม่ใช่รอแต่การช่วยเหลือตลอดเวลา เรียกร้องโน้นนี่ ซึ่งจะเป็นบ่อเกิดของการทุจริต เกิดความไม่เป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำ เป็นเครื่องมือของใครแบบที่ผ่านมา จะต้องไม่เป็นแบบนั้นอีก ต้องสอนแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองได้อย่างมีศักดิ์ศรีและอย่าคิดแต่เรื่องครอบครัวของตัวเอง ต้องทำเพื่อบ้านเมืองด้วย ซึ่งตนจะใช้อำนาจอย่างสร้างสรรค์และต้องสร้างคนให้มีจิตสำนึกที่ดี ตนจะใช้กระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจนและเป็นธรรม แต่ต้องสอนให้คนรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ ถ้าผิดก็ต้องรับการลงโทษไม่ใช่ปฏิเสธการถูกลงโทษทั้งที่มีความผิดชัดเจน จะมาปลุกระดมคนไม่ได้ ต้องรับผิดชอบตนเองและการกระทำของตัวเอง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ตนยังรู้สึกดีที่บนรถเมล์ รถไฟ ยังมีการลุกให้เด็กและคนชรานั่ง แต่ก็ยังมีพวกที่พยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ให้เป็นศัตรูกันเพื่อการเอาชนะซึ่งกันและกัน ถือเป็นเรื่องอันตราย เราเป็นข้าราชการเป็นส่วนหนึ่งของคนไทยที่หวังให้ประเทศก้าวหน้า เราจะต้องคิดใหม่ ต้องคิดนอกกรอบแล้วทำให้ได้ ถ้าไม่คิดนอกกรอบก็จะอยู่แบบเดิม ทั้งนี้ต้องไม่เอากฎหมายมาเอื้อประโยชน์ที่ผ่านมาใครกล้าใช้กฎหมายในทางที่ผิด กล้าซื้อสื่อและคิดว่าชนะทุกอย่างมันไม่ได้ซึ่งตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด
นายกฯ กล่าวต่อว่า เราจะต้องสร้างพลเมืองให้รู้สิทธิและหน้าที่ พร้อมทั้งปฏิรูปการศึกษาด้วยการสร้างคนใหัมีความรู้ความสามารถตรงความต้องการทิศทางการพัฒนาประเทศ คือต้องพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ สร้างความเข้มแข็งของประเทศ โดยให้รัฐและเอกชนทำงานร่วมกัน รัฐมีหน้าที่อำนวยความสะดวก ไม่ใช่เมื่อถึงเวลาหนึ่งไปบังคับภาคเอกชน
“เราต้องสร้างความเข้าใจเรื่องการทำงานด้านต่างๆ เช่น ด้านพลังงาน วันนี้ทำใหม่ เพราะมีคนที่ไม่เข้าใจอยู่แล้ว อีกทั้งยังคอยมีคนปลุกปั่น เราต้องทำให้ชัดเจนใน ครม.3 หรือจะเปลี่ยนนายกฯ ง่ายที่สุด ใครเห็นควรให้เปลี่ยนบ้าง” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยวันนี้ขาดนักวิจัย นักพัฒนา นักวิทยาศาสตร์ ขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวและด้านการบริการ วันนี้เราต้องเตรียมแรงงานที่จะเข้าสู่เออีซี ที่ก่อนหน้านี้เคยให้นโยบายไปแล้วที่มหาวิทยาลัยของรัฐและมหาวิทยาลัยเอกชนร่วมกันทำงาน แบ่งการผลิตคนออกมาให้มีความสามารถ ปรับสู่การเรียนที่ไม่ใช่แต่เติมคำที่เด็กจะไม่ได้คิดอะไรยาวๆรุ่นตนที่ผ่านมามีแต่เรียงความ ย่อความ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ต้องสอนให้เขารู้จักคิดและเรียนรู้
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้รัฐบาลทำทุกอย่างเต็มที่ทุกวัน ตนไม่เคยหยุดคิด ไม่เคยหยุดสั่งครม. วันนี้เราจะปล่อยให้ประเทศเดินหน้าช้าไปไม่ได้แล้ว เช่น เรื่องรถไฟที่ยังไม่เกิด มิหนำซ้ำยังมีอดีตนักการเมืองมาพูดมาวิจารณ์เรื่องการลงทุนระหว่างไทยจีน แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาทำงานกันยังไง แบ่งกัน 60/40 นักการเมืองพวกนั้นไม่เคยทำอะไรที่โปร่งใสเจรจากันไม่จบไม่สิ้น จะแบ่งประโยชน์ให้ประเทศนั้นประเทศนี้ แต่วันนี้ไม่ได้ ตนได้ไปเจรจาเองระหว่างนายกฯ กับนายกฯ ทุกอย่างมันจึงต้องเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิดขึ้นก็จะต้องมีครม.4 เกิดขึ้น ขอถือโอกาสขู่ไปด้วยแล้วกัน เราต้องทำให้เร็ว คนไทยใจร้อนทุกอย่างเลยไม่ทันใจ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การของบประมาณนั้นต้องดูว่าอะไรที่จำเป็น ไม่ใช่ขออะไรก็ให้หมด ถ้าเราไม่แก้ไขสิ่งเหล่านี้ จะจมปลักไปอีกนาน หลายเรื่องที่ กมธ.ปฏิรูปการศึกษาที่อ่านแล้ว ไม่รู้ 70 ปีจะเสร็จหมดไหม การปฏิรูปไม่ได้ทำไม่กี่ปีเสร็จ จีนยังใช้ 30 ปี และยังไม่เลิก มีอีกหลายร้อยเรื่อง แต่สิ่งที่สำคัญสูงสุดของจีนคือการปราบคอรัปชั่นทจะเห็นว่าบางประเทศเขาพยายามทำทุกอย่าง แต่คงไม่ถึงเอา ปตอ.ยิงนะ บางประเทศนั่งหลับก็ไม่ได้ แต่เราไม่เคยทำร้ายใครตั้งแต่ตนเข้ามา มีแต่ถูกทำร้าย อยากเน้นย้ำถึงว่าอยากให้สื่อสารให้เข้าใจให้ตรงกันว่าหลายอย่าง น่าจะศึกษาจากต่างประเทศบ้าง ประเทศไหนอะไรดี ในระดับประถม มัธยม อาชีวะ เอามาปรับ บางอย่างคิดเองมันช้า
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตราบใดที่ผมยังเป็นรัฐบาล เราไม่ใช่คู่แข่งขันกับทุกประเทศในอาเซียน พึ่งพาอาศัยกัน เป็นหุ้นส่วนกัน สิ่งที่สำคัญและเข้าใจตรงกันคือ เรากำลังพูดถึงการพัฒนาคนที่เป็นทรัพยากรที่มีค่าของประเทศ มากกว่าแค่การจัดการศึกษา พูดกันทั้งระบบ เพราะทุกประเทศขับเคลื่อนด้วยคน ถ้าคนไม่ดีก็ขับเคลื่อนไม่ได้ ฉะนั้นการเริ่มต้นต้องเริ่มที่ทั่วถึง เท่าเทียม มีคุณภาพ วันนี้เราต้องการพัฒนาคน และต้องมีประสิทธิผล จับต้องได้ อย่าเขียนแค่ให้สวยหรู ต้องขับเคลื่อนคนให้ได้รับการศึกษาที่ดีต่อเนื่องตลอดชีวิต และวันนี้ต้องเพิ่มแรงงานเข้ามา มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลายล้านคน เขามาใช้การศึกษาของเราด้วย ลูกเมียเขาเข้ามาด้วย สาธารณสุขอีก โรงพยาบาลชายแดนตอนนี้มีปัญหาเพราะต้องดูแลพวกเขาด้วย จึงต้องหาวิธีอื่นๆเพิ่มเติม นอกจากนี้รัฐบาลดูแลแม่วัยอ่อนอีก เดือนละ 400 บาทไม่ได้มากมาย และตนห่วงการกินนมของเด็กว่าจะทำให้เด็กเป็นเบาหวานได้ จากการกินนมกระป๋อง นมข้น ทั้งนี้เราต้องพัฒนาศักยภาพของประชนตั้งแต่เกิดจนตาย หลักคิดสำคัญคือ เป้าหมายต้องครอบคลุม แต่ต้องใช้งบประมาณอย่างประหยัด ดูแลสิทธิมนุษยชนด้วย
นายกฯ กล่าวว่า คุณภาพการศึกษาไม่ได้อยู่แค่คะแนนสอบอีกต่อไป แต่เราพูดถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไปพร้อมๆ กัน ในการจัดการศึกษาระดับต่างๆ ไม่ใช่แค่ให้นักศึกษาสอบผ่านเอาปริญญาเท่านั้น ถ้าแค่นั้นเด็กก็ติดกับดักตัวเอง ต้องมีทางเลือกให้ ตนจึงให้อาชีวะนำครูไปสอนในสมัยมัธยม เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับเขา การเสริมสร้างความเป็นคน ให้ใฝ่รู้ แสวงหาความรู้ คิดวิเคราะห์หาเหตุผล มีจิตสำนึก ต้องมีการแก้ให้ชัดเจน วันนี้ตนแก้ได้หมดถ้าจะให้มันเร็ว แต่อย่าเอาตนติดคุกด้วยแล้วกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ประการที่ 3 ถึงแม้โลกจะไร้พรมแดน แต่เรามีเพิ่มเติมในเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติต้องมีระบบป้องกัน เห็นกันหรือไม่ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นมา พอถึงเวลาก็อะไรกันไม่ได้ จะเข้าตรวจสอบก็ไม่ได้ เราต้องช่วยในการป้องกันและเฝ้าระวัง ถ้าเสรีทั้งหมดมันอยู่ไม่ได้ ความขัดแย้งมันมีทั้งโลก ความยากจน และพวกสุดโต่ง วันนี้รัฐบาลนี้ก็ถูกกล่าวหาว่าซื้ออาวุธ ตนถามว่าถ้าเราอยู่กันอย่างนี้ วันหน้าจะอยู่กันได้หรือไม่ เป็นเรื่องของพวกท่านแล้ว ประเทศเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว ตำรวจเป็นรั้วภายใน ประชาชนเป็นรั้วทั้งหมดเชื่อมต่อกัน วันนี้เราต้องคิดอย่างนี้เราต้องตอบโจทย์ตรงนี้ให้ได้ วันนี้เรารักใครก็ก็รักสุดโต่ง เกลียดใครก็เกลียดสุดโต่ง ทำแบบนี้ไม่ได้ ทั้งนี้ ระบบการศึกษาไม่ใช่การท่องจำเพียงอย่างเดียว ตนให้ค่านิยม 12 ประการไปก็ไปท่องไปทำเป็นเพลงกัน ตนไม่ได้บังคับอะไรเลย แต่สิ่งเหล่านี้ควรที่จะมีในคนไทยทุกคน ที่เคยมีกลอนเด็กเอ๋ยเด็กดี ของจอมพล ป.อยู่แล้ว ตนไม่ได้ล้มจอมพล ป. ถึงแม้ว่าชื่อตนจะ ป.ปลาเหมือนกัน แต่ล้มกันไม่ได้เพราะท่านเป็นบุคลากรในประวัติศาสตร์
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า เราต้องสอนให้คนใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสาร ต้องรู้ว่าอะไรใช้ได้ ใช้ไม่ได้ สิ่งที่ตนเห็น วันนี้เด็กๆ รักครูกูฯ (กูเกิล) มากกว่าครูในโรงเรียน เพราะครูกูดุเขาไม่ได้ พอถามไปเขารู้ทุกเรื่อง แต่รู้แค่สองบรรทัด และรู้อยู่แค่นั้น ก็เลยไม่เกิดจิตสำนึก ไม่สร้างความชำนาญ เราต้องมาคิดกันว่าต้องทำอย่างไรให้โซเชียลมีเดียมีประโยชน์ต่อการศึกษา เอาเทคโนโลยีมาเชื่อมโยงกับการศึกษาให้ได้ นอกจากนี้ บางโรงเรียนมีครูมาก บางโรงเรียนมีครูน้อย บางแห่งก็มีผู้อำนวยการมากเกินไป ตนเข้าใจว่าทุกคนต้องการความก้าวหน้า แต่ถ้าทุกคนเท่ากันหมดนั้นมันทำไม่ได้ จะเกิดปัญหาทันที เพราะความรับผิดชอบนั้นต่างกัน ทั้งโรงเรียนเล็กและโรงเรียนใหญ่นั้นต่างกัน
นายกฯ กล่าวว่า คนไทยรักชาติไม่ค่อยเป็น เพราะไม่รู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ถ้าเขารู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน สมัยก่อนผ่านการต่อสู้รบมาเท่าไหร่ เขาไม่รู้หรอก ในต่างประเทศก็เหมือนกัน แต่เขาผ่านการสู้รบสงครามการเมืองเยอะแยะไปหมด เขาลืมไปแล้ว ซึ่งเราก็เคยเกือบจะเกิดสงครามกลางเมืองไปแล้ว แต่เรายังไม่ถึงแบบเขา ยังไงเราก็ต้องสงบให้ได้ เราต้องสร้างกำลังใจให้เขาดูแลคนทุกช่วงวัย วันนี้ไทยคือไทย ต้องรู้ว่าประเทศไทยคืออะไร และทำให้เขาภูมิใจ เวลาใครไปชักจูงให้ไปทำสิ่งที่ไม่ดี จะได้มีภูมิต้านทาน และเราต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กและเยาวชน ไม่ให้หลงเชื่อ มีสติ รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ ซึ่งเรื่องเหล่านี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยทรงดำรัสไว้หมดแล้ว ซึ่งเราต้องสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ อย่าพูดคำว่าเรียนอย่างเดียว คำว่าเรียนมันเกี่ยวกับแค่ในห้องเรียน แต่เราต้องเรียนรู้ ที่มีการแจกคอมพิวเตอร์ แจกโน๊ตบุ๊ค มันใช้ได้หรือไม่ บ้านใครไม่มีคอมพิวเตอร์ เว้นแต่คนข้างล่าง นอกจากโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ก็ต้องใส่โซเชียลมีเดียเข้าไป การเรียรรู้คือการสงสัย ไม่ใช่ว่าใครเขาบอกก็เชื่อไปหมด ใครชวนไปไหนก็ไป ต้องสอนให้เขารู้ ให้เข้าใจให้ถูกต้อง บางทีเคยถามเขามาประท้วงกันทำไม เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน มาแล้วได้อะไรขึ้นมา ถึงเวลามีการใช้กฏหมายขึ้นก็มีคนตาย ไม่ได้หมายความว่า การเคลื่อนไหวที่เป็นประชาธิปไตยจะต้องให้เกิดความรุนแรง ไม่ใช่มีระเบิด มียิงกัน ต่างชาติเขาก็ไม่เคยเห็น ก็เข้าใจแต่สุดท้ายก็ถามว่าเลือกตั้งเมื่อไหร่เพราะเขาคิดแบบเขา ตนก็ไม่อยากอยู่นาน ก็ต้องช่วยกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การศึกษาของเราต้องยอมรับว่าสอนให้คนคิดไม่เป็น คิดแบบสั้นๆ เอาแต่ที่ป้อนให้เพื่อมาสอบ ปัญหาก็จะตามมาเพราะคนไทยคิดไม่เป็น คิดยาวไม่ได้ คิดอะไรแบบสั้นๆ บูรณาการไม่เป็น ดังนั้นการศึกษาวันนี้เราต้องสอนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก การพัฒนาประเทศ พัฒนาคนไม่จำเป็นต้องทำลายประวัติศาสตร์ แต่ต้องเพิ่มการเรียนรู้ อย่างการปฏิรูปประเทศวันนี้จำเป็นต้องใช้เวลานานไม่ใช่ 1-2 ปีเสร็จ มันต้องเริ่มตั้งแต่กระบวนการศึกษา การเรียนรู้ การบูรณาการงานร่วมกัน ขณะเดียวกันก็ต้องแก้ปัญหาต่างๆ ไปพร้อมๆ กัน ไม่เช่นนั้นเราก็จะพูดกันคนละภาษาและไม่เข้าใจกัน โลกทุกวันนี้ที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นเพราะความจน ตนไปพูดในทุกเวทีโลกว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากความจนของคนในประเทศนั้นๆ แล้วก็เริ่มต้นด้วนการปลุกระดมภายในประเทศเพื่อต่อต้านรัฐบาล ต่อมาต่างประเทศก็เข้ามายุ่งด้วย ดังนั้นการแก้ปัญหาของโลกคือการพัฒนาการศึกษา การช่วยเหลือ การยกระดับการมีรายได้ที่เท่าเทียม
“เวลานี้ผมไปต่างประเทศทุกคนเข้าใจผมมากขึ้น วันนี้ถ้าเราทุกคนไม่ร่วมกันแก้ปัญหาของประเทศไทย ประเทศไทยจะไม่มีจุดยืนในโลกใบนี้อีกต่อไป ถ้าเราแก้วันนี้ไม่ได้ มีคนถามผมว่า ประเทศไทยยังมีศักยภาพอยู่หรือเปล่า และผมจะสามารถยืนยันได้หรือไม่ว่าผมจะรักษาสถานการณ์ให้เป็นอยู่แบบนี้ได้ตลอดไปหรือไม่ ผมตอบยากหรือไม่คำถามนี้ วันนี้มีกฎหมาย มีอำนาจทุกอย่าง แต่ก็ยังมีคนออกมาพูดเรื่อยเปื่อยในทางที่สร้างสรรค์ก็อยากฝากว่าวันนี้เราทุกคนต้องเดินหน้า ไม่มีเรื่องของน้องพี่ ในการทำงานถามทุกคนได้เลยว่า ผมเป็นเพื่อนสนิท เป็นพี่เป็นน้อง รักใคร่กันมาโดยตลอด ตอนเป็น ผบ.ทบ.มีเขาเป็นน้อง แต่ผมไม่เคยเอางานมาเกี่ยวข้องด้วยเลย แม้จะรักกันแทบตาย ผมกับรองนายกฯ ทุกคนให้เกียรติกันมาโดยตลอด ทุกคนเป็นพี่ผมทั้งนั้น แต่เวลาทำงานผมต้องสั่งท่านได้ เรื่องนโยบาย อะไรที่เป็นเรื่องสำคัญ ผมเป็นคนตัดสินใจ แต่ถ้านอกเวลาท่านจะเตะก้นผม ผมก็ยอมท่านอยู่แล้ว แต่ในการทำงานถ้าผมสั่ง ท่านต้องทำ แม้จะเคยเป็นผู้บังคับบัญชาผมเคยเล่าให้หลายคนฟังว่า ผมอยู่กับท่านมา 40 ปี พวกท่านก็สั่งผมมาเกือบ 40 ปี แต่พอผมสั่งท่านมาปีกว่าๆ ก็บอกว่ายอมแพ้ มันแก้แค้นเหลือเกิน สั่งเยอะเหลือเกินเกือบ 2 ปี สั่งงานจนเกือบทำไม่ทัน แต่ก็สู้ ช่วยผมในการทำงาน ดังนั้นเราต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันให้ได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีใครไปอ้างผม อ้างน้อง อ้างพี่ มาเรียกรับผลประโยชน์ขอให้บอกมา ยืนยันว่าไม่มี ถ้ามีหลักฐานให้บอกมาจะลงโทษทันที ยืนยันเรื่องแบบนี้ไม่เคยคิดและไม่เคยมีเกิดขึ้น การทำงานย่อมมีเพื่อนฝูง พี่น้องแต่ถ้าจะมาขอเรื่องผลประโยชน์เป็นไปไม่ได้”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากให้ลดภาระของครูลงได้หรือไม่ เรื่องการประเมินผล ไม่ใช่เอาเวลาในห้องเรียนกับเด็กมาทำอย่างอื่น อาจจะต้องทำงาน สร้างคนประเมินลงไป นำไปสู่การกระจายอำนาจการศึกษาลงไปอีก วันนี้ตนกำลังเร่งให้กระทรวงมหาดไทย ให้ท้องถิ่นปรับปรุงตัวเอง ถ้าอยากได้อำนาจ ได้งบประมาณต้องปรับปรุงตัวเอง วันนี้หลายที่ทำงบประมาณไม่เป็นเพราะเขาไม่รู้
“รัฐบาลนี้ไม่ใช่พรรคการเมือง ทุกกระทรวงร่วมหัวจมท้ายกับผมหมด ลงเรือลำเดียวกัน จะเรือแป๊ะไม่แป๊ะผมไม่รู้ ผมไม่เคยเรียกเรือแป๊ะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เรียกเองบางคนบอกเรือแป๊ะจะล่มแล้ว มันไม่มีล่มหรอก ตราบใดที่พวกเรายังอยู่เคียงข้างกันเสมอ เขากำลังใจเท่านั้นเอง ผมทำใจขาดให้อยู่แล้ว” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า อยากให้กระทรวงศึกษาทำเรื่องใกล้ตัวเด็ก ให้เด็กมีความสุข ให้พ่อแม่มีความสุข ไม่ต้องเอาของไปจำนำ ไปดูค่าใช้จ่ายนักเรียน ไม่ใช่ไม่มีค่าเล่าเรียนแต่เก็บค่าบำรุงสองหมื่น ถ้าเราสามารถทำระยะสั้นและวางระยะยาวได้ วันหน้าก็มีการขับเคลื่อน ทำต่อ ทุกคนมีส่วนร่วมทั้งหมด สปช. ครม.เก่าอย่าน้อยใจ ตนเข้าใจความรู้สึก แต่ต้องยอมรับเข้าใจสถานการณ์ หลายๆอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ท่านไม่เก่ง อีกทั้งตอนนี้กำลังรื้อโครงสร้างกระทรวงอยู่ หากหน่วยไหนในกระทรวงไหนไม่มีผลงานยุบไป เสียพลังงานเปล่า
นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้เศรษฐกิจก็ไม่ดีเท่าที่ควร เราพยายามแก้ทุกอย่างนายสมคิด จาตรุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาสองวันเริ่มปวดหัวแล้ว เรียกร้องกันเข้ามาเยอะ ท่านก็อยู่กับผมมาตลอดที่ผ่านมา เพียงแต่ตอนนี้เข้ามาทำเอง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ขอให้ทุกคนร่วมมือกันตนจะอยู่หรือไม่อยู่ ไม่เป็นไร ไม่ต้องเล่นไพ่รอตำรวจ รอว่าเมื่อไหร่ตนจะไป ตนไม่ต้องการอำนาจไว้แต่ทำอย่างไรเราจะไปด้วยกัน ไม่ต้องมารอหรือถามตนว่าจะไปเมื่อไหร่ ถ้ารอก็จะไม่ไป แต่ถ้าบอกว่าจะช่วยกันและเดินไปด้วยกัน ตนจะไปเอง ส่วนการมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ไม่ได้มีเพื่อตน แต่มีเพื่อประเทศ เพราะถ้าไม่แล้วใครจะทำ เพราะวันนี้รัฐบาลที่ผ่านมาบางคนยังออกมาพูดว่าจะปฏิรูปอะไรกัน ทั้งที่พูดเรื่องปฏิรูปก่อนที่ตนจะเข้ามา แต่วันนี้กลับไม่รู้ว่าปฏิรูปอะไรบ้าง เรื่องการปรองดองคดีต้องจบก่อน ไม่ใช่ตนไม่อยากปรองดอง แต่เพื่อประเทศชาติตนทำไม่ได้ ต้องถามคนตายดูบ้างสิ ถ้าย้อนกลับไปได้อยากให้ทุกคนเห็นภาพที่ตนเคยเห็น ในตอนนั้นรับไม่ไหวจริงๆ แต่ตนจะเลิกพูดเพราะเดี๋ยวจะไม่ปรองดอง สิ่งที่เราคิดวันนี้อยากให้ทุกคนรู้ว่า คปป.เป็นความหวัง โดยจะไม่ทาบทับกับอำนาจบริหารทั้งสิ้น ทำแต่เรื่องการปฏิรูป จะกลัวอะไรกันนักหนา ก็แค่วางยุทธศาสต์ประเทศ วางอนาคตประเทศชาติไว้ว่าจะเดินอย่างไร โดยวางกรอบกว้างๆ และส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป การที่เขาพูดแบบนี้แสดงว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาคิดจะไม่ทำใช่หรือไม่ ทั้งนี้ประชาชนต้องไม่ถูกการเมืองชักนำให้สู้รบกันอีกต่อไป