เมื่อเวลา 13.30น. วานนี้ (26ส.ค.) ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง"ปฏิรูปการศึกษา...สร้างอนาคตประเทศไทย" ในงานสัมมนา "การปฏิรูปการศึกษาและพัฒนามนุษย์สู่อนาคต" ที่จัดโดย คณะกรรมาธิการปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนอาศัยความจริงใจ ความตั้งใจให้บ้านเมืองเจริญขึ้นให้ได้ภายในสมัยของตน ความจริงแล้วแทบจะไม่ต้องพูด แต่วันนี้เป็นเพียงการทำความเข้าใจ เพราะงานด้านวิชาการทุกคนเก่งอยู่แล้ว ตนเป็นเพียงผู้ขับเคลื่อนในช่วงสถานการณ์พิเศษ ถ้าไม่ทำวันนี้ให้สำเร็จ ก็จะไม่สำเร็จอีกต่อไป เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ และมีอีกหลายเรื่อง ไม่คิดว่าปัญหาจะมีมากมาย ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 เข้ามาทำงาน พอแตะอะไรก็ต้องทำทั้งหมด ไม่รู้ที่ผ่านมาไปอยู่ตรงไหนจึงต้องปฏิรูปทั้งหมด ที่ผ่านมามีการแบ่งแยกหลายความคิด รัฐบาลจึงมีหน้าที่ต้องตัดสินใจ ดูแลเรื่องต่างๆทั้งหมด สิ่งที่พยายามทำวันนี้คือ การรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ และการปฏิรูปอีก 11 ด้าน
การศึกษาเป็นรากฐานของทุกอย่าง ถ้าคนไม่มีคุณภาพ ประเทศก็ไม่มีทางก้าวหน้า ต้องให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง และขอร้องข้าราชการ ที่ผ่านมาประชาชนไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร เพราะเขาไม่เข้าใจ ยิ่งข้าราชการพูดน้อย ใช้กฎหมายอย่างเดียว ก็ยิ่งไปกันใหญ่ วันนี้ต้องทำให้ประชาชนกล้าเข้าหา จึงขอฝากถึงหน่วยงานราชการต่างๆ ขอให้พูด ชี้แจง หรือแก้เอกสารให้เข้าใจง่าย เพราะวันนี้ภาษาไทยยังไม่ค่อยได้ ยังมีภาษาอังกฤษอีก เช่น เรื่องกรอกภาษี ภ.ง.ด. 91 ต้องง่ายกว่านี้ เพราะขนาดพวกเราเองยังยากเกินไป เราต้องพัฒนาคนต่อไป อย่างน้อยก็ต้องเท่าเทียมกัน เอาหลายอย่างของต่างประเทศมาทำบ้านเรา แต่บางเรื่องยังทำไม่ได้ เพราะการศึกษายังมีการเรียนรู้ที่ยังไม่เท่าเทียมกัน
**ห้ามเรียกคนจนว่า "รากหญ้า"
อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปการศึกษาต้องเข้าใจระบบการศึกษาของโลก อาเซียน และของเราเอง เพราะมีความแตกต่างกัน ซึ่งคนไทยเป็นคนมีความสุข แต่จะไม่ค่อยมีความสุขตอนการเมืองเข้ามาวุ่นวายเท่านั้นเอง เรามีอิสระ เสรี เป็นแผ่นสุวรรณภูมิ แต่เราไม่ค่อยเข้มแข็ง เพราะคิดว่าเพียงพอแล้ว แต่ไม่ใช่เลย เพราะวันนี้โลกไร้พรมแดนแล้ว วันนี้เราต้องปฏิรูปสิ่งต่างๆ ให้ได้ คิดให้ซับซ้อนกว่าเดิม ลดอัตตาตัวเอง เพราะถ้ามัวแต่คิดและยึดสิ่งที่ตัวเองคิดอย่างเดียว ก็จะกลายเป็นปัญหาของประเทศ
" การเมืองก็เช่นกัน ถ้าต่างคนต่างทะเลาะ ก็จะเป็นปัญหา แต่ถ้าต่างคนต่างยอมรับว่าเป็นผลประโยชน์ของชาติ แม้จะเห็นไม่ตรงกัน แต่เมื่อเป็นประโยชน์ส่วนรวม เราก็ต้องพร้อมที่จะร่วมมือเดินไปข้างหน้า ทำแค่นี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำไม่ได้ ทุกอย่างที่ผมทำ ผมต้องการเพียงแค่นี้ นักการเมือง ประชาชน หรือฝ่ายใดก็ตาม ต้องร่วมมือพาประเทศเดินไปให้ได้ อะไรที่จัดแย้งหรือเป็นปัญหาก็ค่อยๆ ทำกันไป ไม่ใช่จะเอาทุกอย่างเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ แล้วมันจะเดินไปตรงไหนได้ สิ่งสำคัญคือ เมื่อคนเหล่านี้มีความขัดแย้ง คนที่ถูกขับเคลื่อนก็จะเกิดความสับสน วุ่นวายต่อไปอีก วันนี้ผมขออนุญาตใช้ มาตรา 44 ไม่ให้ใครในประเทศนี้ ห้ามเรียกคนเหล่านี้ว่า รากหญ้า ให้เรียกว่า คนที่มีรายได้น้อย มีการศึกษาน้อย ซึ่งเราต้องยกระดับพวกเขามาให้เท่าเทียม อย่าไปเรียกเขาว่าเป็น รากหญ้า วันนี้บ้านเมืองเราไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นแล้ว ไม่มีอำมาตย์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น อำมาตย์ ก็คือข้าราชการที่เป็นตัวแทนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะมาดูแลประชาชน"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 ทำงานอย่างบูรณาการ การทำแผนใช้จ่ายงบประมาณจะต้องมีการหารือร่วมกันก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ขนาดทำอย่างนี้ยังมีปัญหาพอสมควร เพราะรัฐบาลสนใจทุกเรื่อง ขณะที่ปัญหามีเป็นร้อยเรื่อง แต่ตนก็ต้องทำให้เสร็จ นั่นแหละ คือการเดินตามโรดแมป การที่สื่อนำเสนอข้อมูลพยายามสร้างความขัดแย้งต่างๆ เข้าใจว่า ไม่ได้เจตนา ซึ่งตนก็ดุเดือดไปบ้างเพื่ออยากให้เข้าใจ และพยายามทำให้ทุกอย่างหยุดลง เพราะอะไรที่เป็นหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่รู้กัน ต่างประเทศมีการรบราฆ่าฟันกันมากี่ปี ไม่มีใครเข้ามาแบบนี้ และทำได้แบบที่เราทำ ที่ผ่านมานักการเมืองให้ความร่วมมือดี เว้นแต่บางคนที่รู้กลัวอะไรกันนักหนา กลัวจะอยู่นานหรืออย่างไร กลัวตนจะสืบทอดอำนาจหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ตนไม่เคยคิดมีอำนาจ เพราะยิ่งคิดว่ามีอำนาจยิ่งจะหลงตัวเอง ตนมีอำนาจหน้าที่ทำงานเหมือนตอนที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก มีอำนาจไว้เพื่อปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาแค่นั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อแสวงประโยชน์หรือสืบทอดอำนาจ ไม่เคยคิดอย่างนั้น วันนี้สิ่งที่สื่อมองแบบนั้นอาจเป็นเพราะสื่ออยู่กับการเมืองมานาน อยู่กับอำนาจและผลประโยชน์ ถ้าตนต้องการอย่างนั้นควไม่มาเพราะอายตัวเอง พ่อแม่ตนสอนให้เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต รัก สถาบัน
วันนี้เราทำแบบจริงใจ ลดอัตตาทุกมิติบูรณาการทำงาน เพราะปัญหาหลายเรื่องที่หมกหมมมา สิ่งที่ต้องการในวันนี้คือ ให้ประเทศชาติไม่ขัดแย้ง โดยเฉพาะพวกที่สอนแบบสุดโต่ง ต้องแก้ไข ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่าที่ไหน ถ้าสุดโต่ง ก็จะขัดแย้งกันอยู่แบบนี้ พูดถึงแต่เสรีภาพ แต่ไม่ฟังใครทั้งสิ้น หากนอกกรอบทั้งหมดประเทศก็ไปไม่ได้ ตนไม่ต้องการใช้อำนาจบังคับใคร แต่อยากให้ใช้จิตสำนึกต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือ หรือถูกใครชักจูงเหมือนที่ผ่านมา เพราะทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน ฉะนั้นการศึกษาที่ดีที่สุดคือ ทำอย่างไรให้คนมีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ รู้จักตัวเอง ไม่ติดกับดักตัวเองอีกต่อไป สามารถช่วยตัวเองได้ ไม่ใช่รอแต่การช่วยเหลือตลอดเวลา เรียกร้องโน่น นี่ ซึ่งจะเป็นบ่อเกิดของการทุจริต เกิดความไม่เป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำ เป็นเครื่องมือของใครแบบที่ผ่านมา จะต้องไม่เป็นแบบนั้นอีก ต้องสอนแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี และอย่าคิดแต่เรื่องครอบครัวของตัวเอง ต้องทำเพื่อบ้านเมืองด้วย ซึ่งตนจะใช้อำนาจอย่างสร้างสรรค์ และต้องสร้างคนให้มีจิตสำนึกที่ดี ตนจะใช้กระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจนและเป็นธรรม แต่ต้องสอนให้คนรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ ถ้าผิดก็ต้องรับการลงโทษ ไม่ใช่ปฏิเสธการถูกลงโทษ ทั้งที่มีความผิดชัดเจน จะมาปลุกระดมคนไม่ได้ ต้องรับผิดชอบตนเอง และการกระทำของตัวเอง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ตนยังรู้สึกดีที่บนรถเมล์ รถไฟ ยังมีการลุกให้เด็กและคนชรานั่ง แต่ก็ยังมีพวกที่พยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ ให้เป็นศัตรูกัน เพื่อการเอาชนะซึ่งกันและกัน ถือเป็นเรื่องอันตราย เราเป็นข้าราชการเป็นส่วนหนึ่งของคนไทยที่หวังให้ประเทศก้าวหน้า เราจะต้องคิดใหม่ ต้องคิดนอกกรอบ แล้วทำให้ได้ ต้องไม่เอากฎหมายมาเอื้อประโยชน์ ที่ผ่านมาใครกล้าใช้กฎหมายในทางที่ผิด กล้าซื้อสื่อ และคิดว่าชนะทุกอย่างมันไม่ได้ ซึ่งตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด
เราจะต้องสร้างพลเมืองให้รู้สิทธิและหน้าที่ พร้อมทั้งปฏิรูปการศึกษา ด้วยการสร้างคนใหัมีความรู้ความสามารถตรงความต้องการทิศทางการพัฒนาประเทศ คือ ต้องพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ สร้างความเข้มแข็งของประเทศ โดยให้รัฐและเอกชนทำงานร่วมกัน รัฐมีหน้าที่อำนวยความสะดวก ไม่ใช่เมื่อถึงเวลาหนึ่งไปบังคับภาคเอกชน
"เราต้องสร้างความเข้าใจเรื่องการทำงานด้านต่างๆ เช่น ด้านพลังงาน วันนี้ทำใหม่ เพราะมีคนที่ไม่เข้าใจอยู่แล้ว อีกทั้งยังคอยมีคนปลุกปั่น เราต้องทำให้ชัดเจนใน ครม.3 หรือจะเปลี่ยนนายกฯ ง่ายที่สุด ใครเห็นควรให้เปลี่ยนบ้าง" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยวันนี้ ขาดนักวิจัย นักพัฒนา นักวิทยาศาสตร์ ขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว และด้านการบริการ วันนี้เราต้องเตรียมแรงงานที่จะเข้าสู่ เออีซี ที่ก่อนหน้านี้เคยให้นโยบายไปแล้ว ที่มหาวิทยาลัยของรัฐ และมหาวิทยาลัยเอกชนร่วมกันทำงาน แบ่งการผลิตคนออกมาให้มีความสามารถ ปรับสู่การเรียนที่ไม่ใช่แต่เติมคำ ที่เด็กจะไม่ได้คิดอะไรยาวๆ รุ่นตนที่ผ่านมามีแต่เรียงความ ย่อความ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ต้องสอนให้เขารู้จักคิด และเรียนรู้
**ถ้ารถไฟจีนเกิดไม่ได้ต้องมี "ครม.ตู่ 4"
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้รัฐบาลทำทุกอย่างเต็มที่ทุกวัน ตนไม่เคยหยุดคิด ไม่เคยหยุดสั่งครม. วันนี้เราจะปล่อยให้ประเทศเดินหน้าช้าไปไม่ได้แล้ว เช่น เรื่องรถไฟที่ยังไม่เกิด มิหนำซ้ำยังมีอดีตนักการเมืองมาพูดมาวิจารณ์เรื่องการลงทุนระหว่างไทย-จีน แต่ไม่เคยรู้เลยว่า เขาทำงานกันยังไง แบ่งกัน 60/40 นักการเมืองพวกนั้นไม่เคยทำอะไรที่โปร่งใส เจรจากันไม่จบไม่สิ้น จะแบ่งประโยชน์ให้ประเทศนั้น ประเทศนี้ แต่วันนี้ไม่ได้ ตนได้ไปเจรจาเอง ระหว่างนายกฯ กับนายกฯ ทุกอย่างมันจึงต้องเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิดขึ้นก็จะต้องมี ครม.4 เกิดขึ้น ขอถือโอกาสขู่ไปด้วยแล้วกัน เราต้องทำให้เร็ว คน ไทยใจร้อน ทุกอย่างเลยไม่ทันใจ
ส่วนการของบประมาณนั้น ต้องดูว่าอะไรที่จำเป็น ไม่ใช่ขออะไรก็ให้หมด ถ้าเราไม่แก้ไขสิ่งเหล่านี้ จะจมปลักไปอีกนาน หลายเรื่องที่กมธ.ปฏิรูปการศึกษาที่อ่านแล้ว ไม่รู้ 70 ปี จะเสร็จหมดไหม การปฏิรูปไม่ได้ทำไม่กี่ปีเสร็จ จีนยังใช้ 30 ปี และยังไม่เลิก มีอีกหลายร้อยเรื่อง แต่สิ่งที่สำคัญสูงสุดของจีนคือ การปราบคอร์รัปชัน
"ตราบใดที่ผมยังเป็นรัฐบาล เราไม่ใช่คู่แข่งขันกับทุกประเทศในอาเซียน แต่พึ่งพาอาศัยกัน เป็นหุ้นส่วนกัน สิ่งที่สำคัญ และเข้าใจตรงกันคือ เรากำลังพูดถึงการพัฒนาคน ที่เป็นทรัพยากรที่มีค่าของประเทศ มากกว่าแค่การจัดการศึกษา พูดกันทั้งระบบ เพราะทุกประเทศขับเคลื่อนด้วยคน ถ้าคนไม่ดี ก็ขับเคลื่อนไม่ได้ ฉะนั้นการเริ่มต้นต้องเริ่มที่ทั่วถึง เท่าเทียม มีคุณภาพ"
นายกฯ กล่าวว่า คุณภาพการศึกษาไม่ได้อยู่แค่คะแนนสอบอีกต่อไป แต่เราพูดถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไปพร้อมๆ กัน ในการจัดการศึกษาระดับต่างๆ ไม่ใช่แค่ให้นักศึกษาสอบผ่านเอาปริญญาเท่านั้น ถ้าแค่นั้นเด็กก็ติดกับดักตัวเอง ต้องมีทางเลือกให้ ตนจึงให้อาชีวะนำครูไปสอนในสมัยมัธยม เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับเขา การเสริมสร้างความเป็นคน ให้ใฝ่รู้ แสวงหาความรู้ คิดวิเคราะห์หาเหตุผล มีจิตสำนึก ต้องมีการแก้ให้ชัดเจน วันนี้ตนแก้ได้หมดถ้าจะให้มันเร็ว แต่อย่าเอาตนติดคุกด้วยแล้วกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ประการที่สาม ถึงแม้โลกจะไร้พรมแดน แต่เรามีเพิ่มเติมในเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติต้องมีระบบป้องกัน เห็นกันหรือไม่ว่า มีเรื่องเกิดขึ้นมา พอถึงเวลาก็อะไรกันไม่ได้ จะเข้าตรวจสอบก็ไม่ได้ เราต้องช่วยในการป้องกัน และเฝ้าระวัง ถ้าเสรีทั้งหมดมันอยู่ไม่ได้ ความขัดแย้งมันมีทั้งโลก ความยากจน และพวกสุดโต่ง วันนี้รัฐบาลนี้ก็ถูกกล่าวหาว่า ซื้ออาวุธ ตนถามว่าถ้าเราอยู่กันอย่างนี้ วันหน้าจะอยู่กันได้หรือไม่ เป็นเรื่องของพวกท่านแล้ว ประเทศเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว ตำรวจเป็นรั้วภายใน ประชาชนเป็นรั้วทั้งหมด เชื่อมต่อกัน วันนี้เราต้องคิดอย่างนี้ เราต้องตอบโจทย์ตรงนี้ให้ได้
**การทำงานไม่มีคำว่า พี่-น้อง
การศึกษาวันนี้ เราต้องสอนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก การพัฒนาประเทศ พัฒนาคนไม่จำเป็นต้องทำลายประวัติศาสตร์ แต่ต้องเพิ่มการเรียนรู้ อย่างการปฏิรูปประเทศวันนี้ จำเป็นต้องใช้เวลานาน ไม่ใช่ 1-2 ปี เสร็จ มันต้องเริ่มตั้งแต่กระบวนการศึกษา การเรียนรู้ การบูรณาการงานร่วมกัน ขณะเดียวกันก็ต้องแก้ปัญหาต่างๆไปพร้อมๆ กัน ไม่เช่นนั้นเราก็จะพูดกันคนละภาษา และไม่เข้าใจกัน โลกทุกวันนี้ที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นเพราะความจน ตนไปพูดในทุกเวทีโลกว่าปัญหาทั้งหมด เกิดจากความจนของคนในประเทศนั้นๆ แล้วก็เริ่มต้นด้วนการปลุกระดมภายในประเทศเพื่อต่อ ต้านรัฐบาล ต่อมาต่างประเทศก็เข้ามายุ่งด้วย ดังนั้นการแก้ปัญหาของโลกคือการพัฒนาการศึกษา การช่วยเหลือ การยกระดับการมีรายได้ที่เท่าเทียม
"วันนี้เราทุกคนต้องเดินหน้าไม่มีเรื่องของน้องพี่ ในการทำงาน ถามทุกคนได้เลยว่า ผมเป็นเพื่อนสนิท เป็นพี่เป็นน้อง รักใคร่กันมาโดยตลอด ตอนเป็น ผบ.ทบ.มีเขาเป็นน้อง แต่ผมไม่เคยเอางานมาเกี่ยวข้องด้วยเลย แม้จะรักกันแทบตาย ผมกับรองนายกฯ ทุกคนให้เกียรติกันมาโดยตลอด ทุกคนเป็นพี่ผมทั้งนั้น แต่เวลาทำงาน ผมต้องสั่งท่านได้ เรื่องนโยบาย อะไรที่เป็นเรื่องสำคัญ ผมเป็นคนตัดสินใจ แต่ถ้านอกเวลา ท่านจะเตะก้นผม ผมก็ยอมท่านอยู่แล้ว แต่ในการทำงานถ้าผมสั่ง ท่านต้องทำ แม้จะเคยเป็นผู้บังคับบัญชาผม เคยเล่าให้หลายคนฟังว่า ผมอยู่กับท่านมา 40 ปี พวกท่านก็สั่งผมมาเกือบ 40 ปี แต่พอผมสั่งท่านมาปีกว่าๆ ก็บอกว่ายอมแพ้ มันแก้แค้นเหลือเกิน สั่งเยอะเหลือเกิน เกือบ 2 ปี สั่งงานจนเกือบทำไม่ทัน แต่ก็สู้ ช่วยผมในการทำงาน ดังนั้นเราต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันให้ได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีใครไปอ้างผม อ้างน้อง อ้างพี่ มาเรียกรับผลประโยชน์ ขอให้บอกมา ยืนยันว่าไม่มี ถ้ามีหลักฐานให้บอกมาจะลงโทษทันที ยืนยันเรื่องแบบนี้ไม่เคยคิดและไม่เคยมีเกิดขึ้น การทำงานย่อมมีเพื่อนฝูง พี่น้องแต่ถ้าจะมาขอเรื่องผลประโยชน์เป็นไปไม่ได้"
** ลั่น "เรือแป๊ะ" ไม่มีวันล่ม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ลดภาระของครูลงได้หรือไม่ เรื่องการประเมินผล ไม่ใช่เอาเวลาในห้องเรียนกับเด็กมาทำอย่างอื่น อาจจะต้องทำงาน สร้างคน ประเมินลงไป นำไปสู่การกระจายอำนาจการศึกษาลงไปอีก วันนี้ตนกำลังเร่งให้กระทรวงมหาดไทย ให้ท้องถิ่นปรับปรุงตัวเอง ถ้าอยากได้อำนาจ ได้งบประมาณ ต้องปรับปรุงตัวเอง
" รัฐบาลนี้ไม่ใช่พรรคการเมือง ทุกกระทรวงร่วมหัวจมท้ายกับผมหมด ลงเรือลำเดียวกัน จะเรือแป๊ะ ไม่แป๊ะ ผมไม่รู้ ผมไม่เคยเรียกเรือแป๊ะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เรียกเอง บางคนบอกเรือแป๊ะจะล่มแล้ว มันไม่มีล่มหรอก ตราบใดที่พวกเรายังอยู่เคียงข้างกันเสมอ เขาให้กำลังใจเท่านั้นเอง ผมทำใจขาดให้อยู่แล้ว" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้เศรษฐกิจก็ไม่ดีเท่าที่ควร เราพยายามแก้ทุกอย่าง นายสมคิด จาตรุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาสองวันเริ่มปวดหัวแล้ว เรียกร้องกันเข้ามาเยอะ ท่านก็อยู่กับผมมาตลอดที่ผ่านมา เพียงแต่ตอนนี้ เข้ามาทำเอง
วันนี้ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน ตนจะอยู่หรือไม่อยู่ ไม่เป็นไร ไม่ต้องเล่นไพ่รอตำรวจ รอว่าเมื่อไหร่ตนจะไป ตนไม่ต้องการอำนาจไว้ แต่ทำอย่างไรเราจะไปด้วยกัน ไม่ต้องมารอ หรือถามตนว่าจะไปเมื่อไร ถ้ารอก็จะไม่ไป แต่ถ้าบอกว่าจะช่วยกันและเดินไปด้วยกัน ตนจะไปเอง ส่วนการมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ไม่ได้มีเพื่อตน แต่มีเพื่อประเทศ เพราะถ้าไม่แล้วใครจะทำ เพราะวันนี้รัฐบาลที่ผ่านมา บางคนยังออกมาพูดว่า จะปฏิรูปอะไรกัน ทั้งที่พูดเรื่องปฏิรูปก่อนที่ตนจะเข้ามา แต่วันนี้กลับไม่รู้ว่า ปฏิรูปอะไรบ้าง เรื่องการปรองดอง คดีต้องจบก่อน ไม่ใช่ตนไม่อยากปรองดอง แต่เพื่อประเทศชาติ ตนทำไม่ได้ ต้องถามคนตายดูบ้างสิ ถ้าย้อนกลับไปได้ อยากให้ทุกคนเห็นภาพที่ตนเคยเห็น ในตอนนั้นรับไม่ไหวจริงๆ แต่ตนจะเลิกพูดเพราะเดี๋ยวจะไม่ปรองดอง สิ่งที่เราคิดวันนี้อยากให้ทุกคนรู้ว่า คปป. เป็นความหวัง โดยจะไม่ทาบทับกับอำนาจบริหารทั้งสิ้น ทำแต่เรื่องการปฏิรูป จะกลัวอะไรกันนักหนา ก็แค่วางยุทธศาสต์ประเทศ วางอนาคตประเทศชาติไว้ว่าจะเดินอย่างไร โดยวางกรอบกว้างๆ และส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป การที่เขาพูดแบบนี้แสดงว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาคิดจะไม่ทำใช่หรือไม่ ทั้งนี้ประชาชนต้องไม่ถูกการเมืองชักนำให้สู้รบกันอีกต่อไป
โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนอาศัยความจริงใจ ความตั้งใจให้บ้านเมืองเจริญขึ้นให้ได้ภายในสมัยของตน ความจริงแล้วแทบจะไม่ต้องพูด แต่วันนี้เป็นเพียงการทำความเข้าใจ เพราะงานด้านวิชาการทุกคนเก่งอยู่แล้ว ตนเป็นเพียงผู้ขับเคลื่อนในช่วงสถานการณ์พิเศษ ถ้าไม่ทำวันนี้ให้สำเร็จ ก็จะไม่สำเร็จอีกต่อไป เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ และมีอีกหลายเรื่อง ไม่คิดว่าปัญหาจะมีมากมาย ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 เข้ามาทำงาน พอแตะอะไรก็ต้องทำทั้งหมด ไม่รู้ที่ผ่านมาไปอยู่ตรงไหนจึงต้องปฏิรูปทั้งหมด ที่ผ่านมามีการแบ่งแยกหลายความคิด รัฐบาลจึงมีหน้าที่ต้องตัดสินใจ ดูแลเรื่องต่างๆทั้งหมด สิ่งที่พยายามทำวันนี้คือ การรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ และการปฏิรูปอีก 11 ด้าน
การศึกษาเป็นรากฐานของทุกอย่าง ถ้าคนไม่มีคุณภาพ ประเทศก็ไม่มีทางก้าวหน้า ต้องให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง และขอร้องข้าราชการ ที่ผ่านมาประชาชนไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร เพราะเขาไม่เข้าใจ ยิ่งข้าราชการพูดน้อย ใช้กฎหมายอย่างเดียว ก็ยิ่งไปกันใหญ่ วันนี้ต้องทำให้ประชาชนกล้าเข้าหา จึงขอฝากถึงหน่วยงานราชการต่างๆ ขอให้พูด ชี้แจง หรือแก้เอกสารให้เข้าใจง่าย เพราะวันนี้ภาษาไทยยังไม่ค่อยได้ ยังมีภาษาอังกฤษอีก เช่น เรื่องกรอกภาษี ภ.ง.ด. 91 ต้องง่ายกว่านี้ เพราะขนาดพวกเราเองยังยากเกินไป เราต้องพัฒนาคนต่อไป อย่างน้อยก็ต้องเท่าเทียมกัน เอาหลายอย่างของต่างประเทศมาทำบ้านเรา แต่บางเรื่องยังทำไม่ได้ เพราะการศึกษายังมีการเรียนรู้ที่ยังไม่เท่าเทียมกัน
**ห้ามเรียกคนจนว่า "รากหญ้า"
อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปการศึกษาต้องเข้าใจระบบการศึกษาของโลก อาเซียน และของเราเอง เพราะมีความแตกต่างกัน ซึ่งคนไทยเป็นคนมีความสุข แต่จะไม่ค่อยมีความสุขตอนการเมืองเข้ามาวุ่นวายเท่านั้นเอง เรามีอิสระ เสรี เป็นแผ่นสุวรรณภูมิ แต่เราไม่ค่อยเข้มแข็ง เพราะคิดว่าเพียงพอแล้ว แต่ไม่ใช่เลย เพราะวันนี้โลกไร้พรมแดนแล้ว วันนี้เราต้องปฏิรูปสิ่งต่างๆ ให้ได้ คิดให้ซับซ้อนกว่าเดิม ลดอัตตาตัวเอง เพราะถ้ามัวแต่คิดและยึดสิ่งที่ตัวเองคิดอย่างเดียว ก็จะกลายเป็นปัญหาของประเทศ
" การเมืองก็เช่นกัน ถ้าต่างคนต่างทะเลาะ ก็จะเป็นปัญหา แต่ถ้าต่างคนต่างยอมรับว่าเป็นผลประโยชน์ของชาติ แม้จะเห็นไม่ตรงกัน แต่เมื่อเป็นประโยชน์ส่วนรวม เราก็ต้องพร้อมที่จะร่วมมือเดินไปข้างหน้า ทำแค่นี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำไม่ได้ ทุกอย่างที่ผมทำ ผมต้องการเพียงแค่นี้ นักการเมือง ประชาชน หรือฝ่ายใดก็ตาม ต้องร่วมมือพาประเทศเดินไปให้ได้ อะไรที่จัดแย้งหรือเป็นปัญหาก็ค่อยๆ ทำกันไป ไม่ใช่จะเอาทุกอย่างเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ แล้วมันจะเดินไปตรงไหนได้ สิ่งสำคัญคือ เมื่อคนเหล่านี้มีความขัดแย้ง คนที่ถูกขับเคลื่อนก็จะเกิดความสับสน วุ่นวายต่อไปอีก วันนี้ผมขออนุญาตใช้ มาตรา 44 ไม่ให้ใครในประเทศนี้ ห้ามเรียกคนเหล่านี้ว่า รากหญ้า ให้เรียกว่า คนที่มีรายได้น้อย มีการศึกษาน้อย ซึ่งเราต้องยกระดับพวกเขามาให้เท่าเทียม อย่าไปเรียกเขาว่าเป็น รากหญ้า วันนี้บ้านเมืองเราไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นแล้ว ไม่มีอำมาตย์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น อำมาตย์ ก็คือข้าราชการที่เป็นตัวแทนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะมาดูแลประชาชน"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 ทำงานอย่างบูรณาการ การทำแผนใช้จ่ายงบประมาณจะต้องมีการหารือร่วมกันก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ขนาดทำอย่างนี้ยังมีปัญหาพอสมควร เพราะรัฐบาลสนใจทุกเรื่อง ขณะที่ปัญหามีเป็นร้อยเรื่อง แต่ตนก็ต้องทำให้เสร็จ นั่นแหละ คือการเดินตามโรดแมป การที่สื่อนำเสนอข้อมูลพยายามสร้างความขัดแย้งต่างๆ เข้าใจว่า ไม่ได้เจตนา ซึ่งตนก็ดุเดือดไปบ้างเพื่ออยากให้เข้าใจ และพยายามทำให้ทุกอย่างหยุดลง เพราะอะไรที่เป็นหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่รู้กัน ต่างประเทศมีการรบราฆ่าฟันกันมากี่ปี ไม่มีใครเข้ามาแบบนี้ และทำได้แบบที่เราทำ ที่ผ่านมานักการเมืองให้ความร่วมมือดี เว้นแต่บางคนที่รู้กลัวอะไรกันนักหนา กลัวจะอยู่นานหรืออย่างไร กลัวตนจะสืบทอดอำนาจหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ตนไม่เคยคิดมีอำนาจ เพราะยิ่งคิดว่ามีอำนาจยิ่งจะหลงตัวเอง ตนมีอำนาจหน้าที่ทำงานเหมือนตอนที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก มีอำนาจไว้เพื่อปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาแค่นั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อแสวงประโยชน์หรือสืบทอดอำนาจ ไม่เคยคิดอย่างนั้น วันนี้สิ่งที่สื่อมองแบบนั้นอาจเป็นเพราะสื่ออยู่กับการเมืองมานาน อยู่กับอำนาจและผลประโยชน์ ถ้าตนต้องการอย่างนั้นควไม่มาเพราะอายตัวเอง พ่อแม่ตนสอนให้เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต รัก สถาบัน
วันนี้เราทำแบบจริงใจ ลดอัตตาทุกมิติบูรณาการทำงาน เพราะปัญหาหลายเรื่องที่หมกหมมมา สิ่งที่ต้องการในวันนี้คือ ให้ประเทศชาติไม่ขัดแย้ง โดยเฉพาะพวกที่สอนแบบสุดโต่ง ต้องแก้ไข ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่าที่ไหน ถ้าสุดโต่ง ก็จะขัดแย้งกันอยู่แบบนี้ พูดถึงแต่เสรีภาพ แต่ไม่ฟังใครทั้งสิ้น หากนอกกรอบทั้งหมดประเทศก็ไปไม่ได้ ตนไม่ต้องการใช้อำนาจบังคับใคร แต่อยากให้ใช้จิตสำนึกต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือ หรือถูกใครชักจูงเหมือนที่ผ่านมา เพราะทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน ฉะนั้นการศึกษาที่ดีที่สุดคือ ทำอย่างไรให้คนมีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ รู้จักตัวเอง ไม่ติดกับดักตัวเองอีกต่อไป สามารถช่วยตัวเองได้ ไม่ใช่รอแต่การช่วยเหลือตลอดเวลา เรียกร้องโน่น นี่ ซึ่งจะเป็นบ่อเกิดของการทุจริต เกิดความไม่เป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำ เป็นเครื่องมือของใครแบบที่ผ่านมา จะต้องไม่เป็นแบบนั้นอีก ต้องสอนแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี และอย่าคิดแต่เรื่องครอบครัวของตัวเอง ต้องทำเพื่อบ้านเมืองด้วย ซึ่งตนจะใช้อำนาจอย่างสร้างสรรค์ และต้องสร้างคนให้มีจิตสำนึกที่ดี ตนจะใช้กระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจนและเป็นธรรม แต่ต้องสอนให้คนรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ ถ้าผิดก็ต้องรับการลงโทษ ไม่ใช่ปฏิเสธการถูกลงโทษ ทั้งที่มีความผิดชัดเจน จะมาปลุกระดมคนไม่ได้ ต้องรับผิดชอบตนเอง และการกระทำของตัวเอง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ตนยังรู้สึกดีที่บนรถเมล์ รถไฟ ยังมีการลุกให้เด็กและคนชรานั่ง แต่ก็ยังมีพวกที่พยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ ให้เป็นศัตรูกัน เพื่อการเอาชนะซึ่งกันและกัน ถือเป็นเรื่องอันตราย เราเป็นข้าราชการเป็นส่วนหนึ่งของคนไทยที่หวังให้ประเทศก้าวหน้า เราจะต้องคิดใหม่ ต้องคิดนอกกรอบ แล้วทำให้ได้ ต้องไม่เอากฎหมายมาเอื้อประโยชน์ ที่ผ่านมาใครกล้าใช้กฎหมายในทางที่ผิด กล้าซื้อสื่อ และคิดว่าชนะทุกอย่างมันไม่ได้ ซึ่งตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด
เราจะต้องสร้างพลเมืองให้รู้สิทธิและหน้าที่ พร้อมทั้งปฏิรูปการศึกษา ด้วยการสร้างคนใหัมีความรู้ความสามารถตรงความต้องการทิศทางการพัฒนาประเทศ คือ ต้องพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ สร้างความเข้มแข็งของประเทศ โดยให้รัฐและเอกชนทำงานร่วมกัน รัฐมีหน้าที่อำนวยความสะดวก ไม่ใช่เมื่อถึงเวลาหนึ่งไปบังคับภาคเอกชน
"เราต้องสร้างความเข้าใจเรื่องการทำงานด้านต่างๆ เช่น ด้านพลังงาน วันนี้ทำใหม่ เพราะมีคนที่ไม่เข้าใจอยู่แล้ว อีกทั้งยังคอยมีคนปลุกปั่น เราต้องทำให้ชัดเจนใน ครม.3 หรือจะเปลี่ยนนายกฯ ง่ายที่สุด ใครเห็นควรให้เปลี่ยนบ้าง" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยวันนี้ ขาดนักวิจัย นักพัฒนา นักวิทยาศาสตร์ ขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว และด้านการบริการ วันนี้เราต้องเตรียมแรงงานที่จะเข้าสู่ เออีซี ที่ก่อนหน้านี้เคยให้นโยบายไปแล้ว ที่มหาวิทยาลัยของรัฐ และมหาวิทยาลัยเอกชนร่วมกันทำงาน แบ่งการผลิตคนออกมาให้มีความสามารถ ปรับสู่การเรียนที่ไม่ใช่แต่เติมคำ ที่เด็กจะไม่ได้คิดอะไรยาวๆ รุ่นตนที่ผ่านมามีแต่เรียงความ ย่อความ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ต้องสอนให้เขารู้จักคิด และเรียนรู้
**ถ้ารถไฟจีนเกิดไม่ได้ต้องมี "ครม.ตู่ 4"
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้รัฐบาลทำทุกอย่างเต็มที่ทุกวัน ตนไม่เคยหยุดคิด ไม่เคยหยุดสั่งครม. วันนี้เราจะปล่อยให้ประเทศเดินหน้าช้าไปไม่ได้แล้ว เช่น เรื่องรถไฟที่ยังไม่เกิด มิหนำซ้ำยังมีอดีตนักการเมืองมาพูดมาวิจารณ์เรื่องการลงทุนระหว่างไทย-จีน แต่ไม่เคยรู้เลยว่า เขาทำงานกันยังไง แบ่งกัน 60/40 นักการเมืองพวกนั้นไม่เคยทำอะไรที่โปร่งใส เจรจากันไม่จบไม่สิ้น จะแบ่งประโยชน์ให้ประเทศนั้น ประเทศนี้ แต่วันนี้ไม่ได้ ตนได้ไปเจรจาเอง ระหว่างนายกฯ กับนายกฯ ทุกอย่างมันจึงต้องเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิดขึ้นก็จะต้องมี ครม.4 เกิดขึ้น ขอถือโอกาสขู่ไปด้วยแล้วกัน เราต้องทำให้เร็ว คน ไทยใจร้อน ทุกอย่างเลยไม่ทันใจ
ส่วนการของบประมาณนั้น ต้องดูว่าอะไรที่จำเป็น ไม่ใช่ขออะไรก็ให้หมด ถ้าเราไม่แก้ไขสิ่งเหล่านี้ จะจมปลักไปอีกนาน หลายเรื่องที่กมธ.ปฏิรูปการศึกษาที่อ่านแล้ว ไม่รู้ 70 ปี จะเสร็จหมดไหม การปฏิรูปไม่ได้ทำไม่กี่ปีเสร็จ จีนยังใช้ 30 ปี และยังไม่เลิก มีอีกหลายร้อยเรื่อง แต่สิ่งที่สำคัญสูงสุดของจีนคือ การปราบคอร์รัปชัน
"ตราบใดที่ผมยังเป็นรัฐบาล เราไม่ใช่คู่แข่งขันกับทุกประเทศในอาเซียน แต่พึ่งพาอาศัยกัน เป็นหุ้นส่วนกัน สิ่งที่สำคัญ และเข้าใจตรงกันคือ เรากำลังพูดถึงการพัฒนาคน ที่เป็นทรัพยากรที่มีค่าของประเทศ มากกว่าแค่การจัดการศึกษา พูดกันทั้งระบบ เพราะทุกประเทศขับเคลื่อนด้วยคน ถ้าคนไม่ดี ก็ขับเคลื่อนไม่ได้ ฉะนั้นการเริ่มต้นต้องเริ่มที่ทั่วถึง เท่าเทียม มีคุณภาพ"
นายกฯ กล่าวว่า คุณภาพการศึกษาไม่ได้อยู่แค่คะแนนสอบอีกต่อไป แต่เราพูดถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไปพร้อมๆ กัน ในการจัดการศึกษาระดับต่างๆ ไม่ใช่แค่ให้นักศึกษาสอบผ่านเอาปริญญาเท่านั้น ถ้าแค่นั้นเด็กก็ติดกับดักตัวเอง ต้องมีทางเลือกให้ ตนจึงให้อาชีวะนำครูไปสอนในสมัยมัธยม เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับเขา การเสริมสร้างความเป็นคน ให้ใฝ่รู้ แสวงหาความรู้ คิดวิเคราะห์หาเหตุผล มีจิตสำนึก ต้องมีการแก้ให้ชัดเจน วันนี้ตนแก้ได้หมดถ้าจะให้มันเร็ว แต่อย่าเอาตนติดคุกด้วยแล้วกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ประการที่สาม ถึงแม้โลกจะไร้พรมแดน แต่เรามีเพิ่มเติมในเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติต้องมีระบบป้องกัน เห็นกันหรือไม่ว่า มีเรื่องเกิดขึ้นมา พอถึงเวลาก็อะไรกันไม่ได้ จะเข้าตรวจสอบก็ไม่ได้ เราต้องช่วยในการป้องกัน และเฝ้าระวัง ถ้าเสรีทั้งหมดมันอยู่ไม่ได้ ความขัดแย้งมันมีทั้งโลก ความยากจน และพวกสุดโต่ง วันนี้รัฐบาลนี้ก็ถูกกล่าวหาว่า ซื้ออาวุธ ตนถามว่าถ้าเราอยู่กันอย่างนี้ วันหน้าจะอยู่กันได้หรือไม่ เป็นเรื่องของพวกท่านแล้ว ประเทศเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว ตำรวจเป็นรั้วภายใน ประชาชนเป็นรั้วทั้งหมด เชื่อมต่อกัน วันนี้เราต้องคิดอย่างนี้ เราต้องตอบโจทย์ตรงนี้ให้ได้
**การทำงานไม่มีคำว่า พี่-น้อง
การศึกษาวันนี้ เราต้องสอนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก การพัฒนาประเทศ พัฒนาคนไม่จำเป็นต้องทำลายประวัติศาสตร์ แต่ต้องเพิ่มการเรียนรู้ อย่างการปฏิรูปประเทศวันนี้ จำเป็นต้องใช้เวลานาน ไม่ใช่ 1-2 ปี เสร็จ มันต้องเริ่มตั้งแต่กระบวนการศึกษา การเรียนรู้ การบูรณาการงานร่วมกัน ขณะเดียวกันก็ต้องแก้ปัญหาต่างๆไปพร้อมๆ กัน ไม่เช่นนั้นเราก็จะพูดกันคนละภาษา และไม่เข้าใจกัน โลกทุกวันนี้ที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นเพราะความจน ตนไปพูดในทุกเวทีโลกว่าปัญหาทั้งหมด เกิดจากความจนของคนในประเทศนั้นๆ แล้วก็เริ่มต้นด้วนการปลุกระดมภายในประเทศเพื่อต่อ ต้านรัฐบาล ต่อมาต่างประเทศก็เข้ามายุ่งด้วย ดังนั้นการแก้ปัญหาของโลกคือการพัฒนาการศึกษา การช่วยเหลือ การยกระดับการมีรายได้ที่เท่าเทียม
"วันนี้เราทุกคนต้องเดินหน้าไม่มีเรื่องของน้องพี่ ในการทำงาน ถามทุกคนได้เลยว่า ผมเป็นเพื่อนสนิท เป็นพี่เป็นน้อง รักใคร่กันมาโดยตลอด ตอนเป็น ผบ.ทบ.มีเขาเป็นน้อง แต่ผมไม่เคยเอางานมาเกี่ยวข้องด้วยเลย แม้จะรักกันแทบตาย ผมกับรองนายกฯ ทุกคนให้เกียรติกันมาโดยตลอด ทุกคนเป็นพี่ผมทั้งนั้น แต่เวลาทำงาน ผมต้องสั่งท่านได้ เรื่องนโยบาย อะไรที่เป็นเรื่องสำคัญ ผมเป็นคนตัดสินใจ แต่ถ้านอกเวลา ท่านจะเตะก้นผม ผมก็ยอมท่านอยู่แล้ว แต่ในการทำงานถ้าผมสั่ง ท่านต้องทำ แม้จะเคยเป็นผู้บังคับบัญชาผม เคยเล่าให้หลายคนฟังว่า ผมอยู่กับท่านมา 40 ปี พวกท่านก็สั่งผมมาเกือบ 40 ปี แต่พอผมสั่งท่านมาปีกว่าๆ ก็บอกว่ายอมแพ้ มันแก้แค้นเหลือเกิน สั่งเยอะเหลือเกิน เกือบ 2 ปี สั่งงานจนเกือบทำไม่ทัน แต่ก็สู้ ช่วยผมในการทำงาน ดังนั้นเราต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันให้ได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีใครไปอ้างผม อ้างน้อง อ้างพี่ มาเรียกรับผลประโยชน์ ขอให้บอกมา ยืนยันว่าไม่มี ถ้ามีหลักฐานให้บอกมาจะลงโทษทันที ยืนยันเรื่องแบบนี้ไม่เคยคิดและไม่เคยมีเกิดขึ้น การทำงานย่อมมีเพื่อนฝูง พี่น้องแต่ถ้าจะมาขอเรื่องผลประโยชน์เป็นไปไม่ได้"
** ลั่น "เรือแป๊ะ" ไม่มีวันล่ม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ลดภาระของครูลงได้หรือไม่ เรื่องการประเมินผล ไม่ใช่เอาเวลาในห้องเรียนกับเด็กมาทำอย่างอื่น อาจจะต้องทำงาน สร้างคน ประเมินลงไป นำไปสู่การกระจายอำนาจการศึกษาลงไปอีก วันนี้ตนกำลังเร่งให้กระทรวงมหาดไทย ให้ท้องถิ่นปรับปรุงตัวเอง ถ้าอยากได้อำนาจ ได้งบประมาณ ต้องปรับปรุงตัวเอง
" รัฐบาลนี้ไม่ใช่พรรคการเมือง ทุกกระทรวงร่วมหัวจมท้ายกับผมหมด ลงเรือลำเดียวกัน จะเรือแป๊ะ ไม่แป๊ะ ผมไม่รู้ ผมไม่เคยเรียกเรือแป๊ะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เรียกเอง บางคนบอกเรือแป๊ะจะล่มแล้ว มันไม่มีล่มหรอก ตราบใดที่พวกเรายังอยู่เคียงข้างกันเสมอ เขาให้กำลังใจเท่านั้นเอง ผมทำใจขาดให้อยู่แล้ว" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้เศรษฐกิจก็ไม่ดีเท่าที่ควร เราพยายามแก้ทุกอย่าง นายสมคิด จาตรุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาสองวันเริ่มปวดหัวแล้ว เรียกร้องกันเข้ามาเยอะ ท่านก็อยู่กับผมมาตลอดที่ผ่านมา เพียงแต่ตอนนี้ เข้ามาทำเอง
วันนี้ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน ตนจะอยู่หรือไม่อยู่ ไม่เป็นไร ไม่ต้องเล่นไพ่รอตำรวจ รอว่าเมื่อไหร่ตนจะไป ตนไม่ต้องการอำนาจไว้ แต่ทำอย่างไรเราจะไปด้วยกัน ไม่ต้องมารอ หรือถามตนว่าจะไปเมื่อไร ถ้ารอก็จะไม่ไป แต่ถ้าบอกว่าจะช่วยกันและเดินไปด้วยกัน ตนจะไปเอง ส่วนการมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ไม่ได้มีเพื่อตน แต่มีเพื่อประเทศ เพราะถ้าไม่แล้วใครจะทำ เพราะวันนี้รัฐบาลที่ผ่านมา บางคนยังออกมาพูดว่า จะปฏิรูปอะไรกัน ทั้งที่พูดเรื่องปฏิรูปก่อนที่ตนจะเข้ามา แต่วันนี้กลับไม่รู้ว่า ปฏิรูปอะไรบ้าง เรื่องการปรองดอง คดีต้องจบก่อน ไม่ใช่ตนไม่อยากปรองดอง แต่เพื่อประเทศชาติ ตนทำไม่ได้ ต้องถามคนตายดูบ้างสิ ถ้าย้อนกลับไปได้ อยากให้ทุกคนเห็นภาพที่ตนเคยเห็น ในตอนนั้นรับไม่ไหวจริงๆ แต่ตนจะเลิกพูดเพราะเดี๋ยวจะไม่ปรองดอง สิ่งที่เราคิดวันนี้อยากให้ทุกคนรู้ว่า คปป. เป็นความหวัง โดยจะไม่ทาบทับกับอำนาจบริหารทั้งสิ้น ทำแต่เรื่องการปฏิรูป จะกลัวอะไรกันนักหนา ก็แค่วางยุทธศาสต์ประเทศ วางอนาคตประเทศชาติไว้ว่าจะเดินอย่างไร โดยวางกรอบกว้างๆ และส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป การที่เขาพูดแบบนี้แสดงว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาคิดจะไม่ทำใช่หรือไม่ ทั้งนี้ประชาชนต้องไม่ถูกการเมืองชักนำให้สู้รบกันอีกต่อไป