นายกฯ เผย ละเมิด ม.112 ก็ออกหมายจับ ฉะ พวกหมิ่น สถาบันไปทำอะไรให้เจ็บแค้น ย้อนไม่มีชาติไหนทำลายวัฒนธรรมเพื่อ ปชต. ขออย่ายุ่งมากเรื่องนี้ ยันเขต ศก.พิเศษ ไม่ทับผืนป่า ปัด งอนเหตุไม่คุยสื่อเป็นอาทิตย์ เผย ใช้เวลาเรียบเรียงแจงแม่น้ำ 5 สาย ขอสื่ออย่าเอาทุกเรื่องมาโยงสืบทอดอำนาจ รับคุยอดีตนายกฯ หลายคนเป็นห่วงบ้านเมือง ข้อมูลถูกบิดเบือนทำ ตปท. เข้าใจผิด ตัดพ้อความดีตัวเองมีน้อย
วันนี้ (20 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่กองทัพประสานงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการกับกลุ่มบุคคลแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงไปกระทำการมิบังควรเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยล่าสุด ตำรวจมีการออกหมายจับไปแล้วว่า ละเมิดหรือเปล่าล่ะ ถ้าละเมิดก็ออกหมายจับเท่านั้นเอง มีหลักฐานหรือเปล่า ที่ผ่านมา การปิดเว็บไซต์ก็ใช้หมายศาลทั้งหมดแล้วเชื่อฟังกันไหมเล่า รับพระราชทานอภัยโทษก็หลายรายแล้วก็ยังกลับมาเล่นงานสถาบันอยู่อีก คนเหล่านี้มันเป็นอะไรไม่รู้ สถาบันไปทำอะไรให้เจ็บแค้นตนไม่เข้าใจ ชอบทำลายสิ่งที่เรามีอยู่ทำลายประวัติ ทำลายสิ่งที่ดีงามของประเทศ เพื่อจะไปสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างนี้หรือ ไม่มีประเทศไหนทำประชาธิปไตยก็คือประชาธิปไตยอะไรที่เป็นประเทศเป็นประวัติศาสตร์เป็นวัฒนธรรมประเพณีเขาไม่ทำลายกันทั้งนั้น มีแต่ประเทศไทยทำลายทุกอย่างเพื่อจะไปสู่ประชาธิปไตยที่มันไร้ขีดจำกัด อยากจะทำอะไรก็ทำกันไปแต่พอถึงเวลาเรียกร้องทำไมไม่ปลอดภัยมันจะปลอดภัยได้อย่างไรกฎหมายยังไม่เคารพเลย วันหน้าต่างชาติเข้ามาทำงานเปิดเป็นประชาคมอาเซียน (เออีซี) จะคุมอะไรเขาได้ วันนั้นก็อย่ามาเรียกร้องจากตนก็แล้วกันว่าทำไมเป็นอย่างนี้อย่างนั้น ทำไมไม่ปลอดภัยมีการโกงทางอินเทอร์เน็ตค้าขายข้างใน ตนไม่รู้ก็ไปแก้เอาเอง เพราะท่านเรียกร้องแบบนั้นก็แบบนั้น
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า คสช. เป็นคนแจ้งความเรื่องกลุ่มแอบอ้างสถาบันมาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “มันก็ต้องมีคนแจ้งมา ทำไมต้องอะไรกันหนักกันหนา อย่าไปยุ่งกันนักเลย เรื่อง 112 ไม่อยากให้เป็นข่าวมากนักหรอก เขาก็มาสู้คดี มันผิดหรือเปล่า มันแอบอ้างกันหรือเปล่าไปดูตรงโน้น มันก็ต้องมีคนแจ้งความ เดี๋ยวไปถามตำรวจ เขามาแจ้งผมที่ไหนเล่า”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงปัญหาการใช้พื้นที่ดำเนินตามนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษไปทับซ้อนกับพื้นที่ของนโยบายทวงคืนผืนป่า ว่า การทวงคืนผืนป่าจริง ๆ ต้องทวงคืนให้หมดอยู่แล้ว แต่ในเมื่อป่ามันถูกบุกรุกไปใช่ไหม สิ่งแรกต้องเข้าใจก่อนว่าการบุกรุกผืนป่ามันผิดกฎหมาย แล้วเมื่อป่านำกลับมาแล้วต้องมาพิจารณาใช้ประโยชน์ถ้าเป็นป่าเสื่อมโทรมใช่ไหมเล่า แล้วมันไปทาบทับกันตรงไหนไม่เข้าใจ คนที่อยู่ในพื้นที่ตนก็ให้อยู่ชะลอไปแล้ว ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ให้คณะกรรมการจัดที่ดินให้อยู่ด้วยซ้ำ มันต้องเป็นอย่างนั้นแก้ปัญหาแบบนั้น ไม่ใช่แก้โดยปล่อยอยากอยู่ก็อยู่ไป เขตเศรษฐกิจจะไปทำที่ไหนประเทศเพื่อบ้านหรืออย่างไรหรือไปทำในทะเล ไม่รู้สิที่ดินก็มีเท่านี้ อย่าไปสร้างความรู้ผิด ๆ ถ้าบอกว่าเพื่อคนจนเพื่อประชาธิปไตยอย่างไรมันก็เข้าหลักสิทธิมนุษยชน 3 อย่างไม่ต้องทำอะไรหรอก ทำอะไรไม่ได้สักอย่างไม่ต้องไปคิดอะไรให้เมื่อย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกครั้งถึงเรื่องที่ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า ก็ไม่ได้ไปไหน อยู่ทำงานไม่ได้โกรธแค้นเคืองใครทั้งสิ้น ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เป็นการทบทวนการทำงาน เพราะจะต้องมีการประชุมร่วมกับคณะทำงาน หรือที่เรียกว่าแม่น้ำ5 สายในสัปดาห์หน้า เพราะฉะนั้นจึงต้องเตรียมการไว้พอสมควรว่าจะต้องพูดอะไรบ้าง โดยให้ฝ่าย เสธ. และฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปหาข้อมูลว่าเรื่องต่าง ๆ เป็นมาอย่างไรและไปถึงไปไหนแล้ว เพราะตนต้องพูดให้เกิดความต่อเนื่องตั้งแต่ระยะที่ 1 คือในส่วนของ คสช. และระยะต่อมาที่ คสช. ที่มีรัฐบาล และช่วงที่ 2 ต่อจากนี้ คือตั้งแต่เดือน ต.ค.58 - ก.ค.60 ว่า เราจะต้องทำอะไรต่อไป ก็ต้องร่างแผนทั้งหมดออกมา ตอนนี้อยู่ระหว่างการเรียบเรียงจะได้ไม่หลุดกรอบ เพราะจะทำให้เสียเวลา ประเด็นสำคัญของตน คือ การสร้างความเข้าใจ แม่น้ำทั้ง 5 สายว่าเราจะทำอย่างไรต่อไปและวางอนาคตสำหรับประเทศชาติในวันข้างหน้า ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีความคิดเห็นต่าง ซึ่งตนไม่ได้จำกัด ทุกคนต่างมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นแต่ก็ต้องเป็นมติว่าที่ประชุมสรุปออกมาอย่างไร หรือกฎหมายว่าอย่างไร รวมทั้งประชาชนทุกคนในชาติจะว่าอย่างไร
“ผมยืนยันอยู่อย่างหนึ่งว่า ผมไม่ได้ต้องการสืบทอดอำนาจอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องการให้มีกลไกอะไรที่เหนือการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพียงแต่มีกลไกที่จะเสนอแผนการปฏิรูปให้ทำก็สุดแล้วแต่ว่าจะทำหรือไม่ทำ หรือจะทำแค่ไหนอย่างไร ก็จะเป็นเรื่องของสภาที่จะพิจารณากันมาส่วนนี้ คือ ประเด็นของการปฏิรูปที่จะต้องสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่จะต้องออกทุก 5 ปี ที่จะต้องไม่ไปควบคุมเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งมันทำไม่ได้ ใครไปคิดทำเช่นนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นสื่ออย่าไปเขียนให้ยึดโยงเช่นนั้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่อจากนี้ไปแต่ละสัปดาห์จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนน้อยลงใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ตนอยากพูดอะไรก็จะพูด มีเรื่องงตนก็พูด ไม่มีเรื่องตนก็ไม่อยากพูด “ถ้าผมไม่พูดวันนี้มันจะเป็นอย่างนี้ไหมเล่า ประชาชนจะเข้าใจกันบ้างหรือไม่ มันก็จะอึมครึมไปเรื่อย แสวงหาอำนาจ แสวงหาผลประโยชน์กันไปเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรเลย มันเป็นคนละยุค คนละสมัย สมัยก่อนไม่ต้องพูดมาก เพราะไม่มีความขัดแย้ง ทำไมไม่แยกแยะกันให้ออก ดูว่าความขัดแย้งมีขึ้นหรือเปล่า และเกิดขึ้นเพราะอะไร ประท้วงเพราะอะไร ทำไมผมถึงต้องออกมาแบบนี้ ต้องไปหาโจทย์ตรงนี้ให้ได้ก่อน ถ้าคิดกันไม่ออกแบบผมคิดท่านก็จะเป็นแบบนี้เอาตอนปลายมาพูดกันตลอด ซึ่งมันไม่ใช่ สิ่งที่ผมคิดมันซับซ้อนมากกว่าจะมาถึงวันนี้ ผมคิดในเวลาไม่กี่วัน แต่บ้านเมืองมันไปไม่ได้แล้ว ก่อนหน้านั้นก็ปล่อยอยากจะคิดอยากจะทำอะไรกัน ผมก็เป็นเพียงประชาชนคนหนึ่ง แต่ก็เห็นอยู่ว่าทำกันได้หรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องการปรองดองตนได้ชี้แจงไปแล้วว่าจะต้องมีกลไกที่ดำเนินการเรื่องการสร้างความปรองดอง เพราะถามว่าหากให้รัฐบาลทำจะมีปัญหาเกิดขึ้นหรือเปล่าตนไม่รู้ จึงจำเป็นต้องมีกลไกไปคิดและเสนอขึ้นมา ส่วนจะทำหรือไม่ทำก็แล้วแต่ เพียงแต่จะต้องมีคนคอยสะกิดบ้าง ทั้งนี้ มันมีประเด็น 3 เรื่องของความขัดแย้งก็ต้องทำให้สำเร็จและเร็ว วันข้างหน้าเราจะทำกันอย่างไรหากปัญหายังเกิดขึ้นอีก จนไม่สามารถปลดล็อกได้ ปัญหาเหล่านี้จะต้องแก้ให้ได้
“ผมบอกแล้วว่าที่ผมเข้ามาตรงนี้เพราะมันปลดล็อกอะไรไม่ได้เลย นอกจากสิ่งที่ผมทำเท่านั้นเอง เลือกตั้งก็ไม่ได้ ลดความขัดแย้งให้เลิกเดินขบวนเลิกประท้วงก็ไม่ได้ เดินไปไหนไม่ได้สักอัน อำนาจตามกฎหมายก็ลดลงไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่ผมอยากจะเข้ามา อยากจะมาสร้างอำนาจใหม่อย่างที่สื่อบางคนเอาไปเขียน ผมไม่อยากให้ไปเขียนแบบนี้ ประเทศชาติเสียหาย ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของผมสักอย่าง ที่ผมเข้ามาวันนี้ ก็เพราะต้องการเข้ามาทำในฐานะที่ผมเป็นทหารเก่า และเป็นผู้ต้องรักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ เมื่อมันมีความจำเป็นมันไปไหนไม่ได้ ถ้ามันไปได้ผมจะเข้ามายุ่งทำไม ก็รู้ดีว่าปัญหามันเยอะแยะไปหมดทุกวันนี้ ขอร้องว่าหลาย ๆ เรื่องอย่าเอามายึดโยงกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริต กระบวนการยุติธรรม การเลือกปฏิบัติ ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ อย่าเอาเรื่องทุกเรื่องมาปนกัน เจ้าหน้าที่ที่ทำผิดกฎหมายทั้งหมดที่อยู่ในกระบวนการวันนี้ล้วนแต่เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะเข้ามาทั้งสิ้น วันนี้เพียงแต่นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กฎหมายจะตัดสินว่าอย่างไรผมก็พร้อมทำตามนั้น ไม่เกี่ยวว่าพอเล่นงานตรงนี้ไม่ได้ แล้วก็ไปเลือกใช้วิธีการอื่น ไม่เป็นความจริง กฎหมายเขียนไว้อย่างชัดเจน อะไรต้องทำก่อนหรือหลัง ถ้าเขาบอกไม่ต้องทำก็ไม่ต้องทำ ไม่จำเป็นต้องไปยึดโยงอะไรกัน ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เราเสียการรับรู้ของต่างประเทศเพราะสร้างให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมด วานนี้ ผมก็ได้คุยกับผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่าน ในทางการเมืองก็บอกว่าขณะนี้มีคนไปบิดเบือนว่าสิ่งที่ผมทำเป็นความต้องการสืบทอดอำนาจ เป็นกลุ่มอำนาจใหม่ ยืนยันว่าผมไม่เคยคิดว่าผมมีอำนาจอะไรเลย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องการต่างประเทศ ได้เร่งโดยมีมาตรการเพิ่มเติมโดยให้ทุกกระทรวงให้ข้อมูลกับกระทรวงการต่างประเทศ หรือสำนักงานเอกอัครราชทูตและมีข้อมูลในทุก ๆ ด้านให้กับเอกอัครราชทูตที่ต่างประเทศด้วย ไม่เช่นนั้นเขาจะรับรู้รับทราบจากสื่อเพียงอย่างเดียว ซึ่งบางสื่อเขียนในแง่มุมที่ไม่ครบ ดังนั้น เราต้องให้ข้อมูลทั้งหมดทั้ง 5 สายในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา กระบวนการยุติธรรมและการต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีการเดือนหน้าในทุก ๆ ด้าน รวมทั้งการปฏิรูปซึ่งเรื่องการเมืองตนขอพูดเพียงแค่นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ที่พูดคุยและให้คำแนะนำ รวมทั้งแสดงความเป็นห่วงประเทศชาติโดยเฉพาะการบิดเบือนข้อมูลนั้น หมายถึงใคร รวมถึง นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ทั้งนั้นนั่นแหละ อดีตนายกฯ ทุกคน ท่านก็เป็นห่วง ก็คุยได้แล้วผมผิดอย่างนั้นหรือ ผมฟังทุกคนหรือไม่อย่างนี้ แล้วมันดีหรือไม่ล่ะ ทำไมเรื่องดีของผมมันมีน้อยเหลือเกิน”