“ธาริต เพ็งดิษฐ์” อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชีวิตกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงอัสดงเต็มตัว ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 7 ต่อ 0 สั่งอายัดทรัพย์จำนวน 346 ล้านบาท ฐานร่ำรวยผิดปกติ และยังมีความผิดทางอาญาตามมาอีก
ภาพลักษณ์นายธาริตเสียหายย่อยยับ นับตั้งแต่เปลี่ยนสี จากยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งได้รับการชมเชยว่า เป็นข้าราชการที่ตรงไปตรงมา ไม่กลัวนักการเมือง แต่มาถึงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับรับใช้นักการเมืองอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู จนถูกสังคมรุมประณาม
และเพราะพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เพราะการก้มหัวรับใช้นางสาวยิ่งลักษณ์ ทำให้นายธาริตต้องเผชิญวิบากกรรมอย่างหนัก โดยมีคดีมากมาย และบางคดีศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกไปแล้ว
ไม่มีความเห็นอกเห็นใจอดีตข้าราชการระดับสูงผู้นี้ เพราะบทบาทช่วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก่อให้เกิดความชิงชังเกินกว่าจะให้อภัย โดยเลือกปฏิบัติ เลือกบังคับใช้กฎหมาย และจงใจเล่นงานฝ่ายต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงทำตัวเป็นอันธพาลป่วนเมือง
คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวก่อความวุ่นวาย ใช้ความรุนแรงคุกคามข่มขู่กลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ ขณะที่ประชาชนชุมนุมเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
แม้แต่การเป่านกหวีด แสดงสัญลักษณ์ขับไล่นางสาวยิ่งลักษณ์ นายธาริตยังประกาศดำเนินคดี
ดีเอสไอยุคนายธาริต ตั้งข้อหายัดเยียดใครต่อใครไปทั่ว ทำให้คนบริสุทธิ์ต้องตกเป็นผู้ต้องหา ต้องเสียเวลาเดินทางไปให้ปากคำ ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ต้องสูญเสียอิสรภาพบางอย่าง ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง และนายธาริตก็ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ
บางคดีศาลยกฟ้องไปแล้ว เช่น คดีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 ช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จึงต้องทวงถามว่า นายธาริตจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
การถูก ป.ป.ช.สั่งอายัดทรัพย์ ไม่ใช่การจองล้างจองผลาญ ไม่ใช่คดีที่โยงใยกับการเมืองแต่อย่างใด แต่เป็นคดีร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งยังไม่รู้ว่า นายธาริตนำเงินมาจากไหนตั้งมากมาย และเจ้าตัวยังแจกแจงที่มาที่ไปไม่ได้
ข้าราชการที่ไม่ได้มีมรดกเป็นบุญเก่า แต่กลับร่ำรวยมหาศาล ข้อสันนิฐานมีเพียงประเด็นเดียวคือ โกง โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ถ้าเป็นตำรวจจะร่ำรวยโดยการตบทรัพย์ รับส่วยและรีดไถ
นายธาริตไม่ใช่ข้าราชการคนแรกที่ถูกอายัดทรัพย์ เพราะก่อนหน้าก็ถูกสอยไปหลายคนแล้ว และแต่ละคนก็มีสิทธิที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
ถ้าแจงที่มาที่ไปของความร่ำรวยได้ ก็นำทรัพย์กลับไปเสวยสุข แต่ถ้าบอกไม่ได้ว่า เงินมาจากไหน ก็ต้องยึดทรัพย์เข้าหลวง และถ้ามีความผิดทางอาญา จะต้องดำเนินคดีตามขั้นตอน ซึ่งนายธาริตมีคดีแจ้งบัญชีเท็จรออยู่
การออกมาตอบโต้ ป.ป.ช.โดยอ้างว่าข้อกล่าวหาคลุมเครือ การประกาศจะสู้คดี เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน ไม่มีใครตำหนินายธาริต
แต่ที่สังคมรู้สึกหงุดหงิดนายธาริตคือ การร้องหาความเป็นธรรมจาก ป.ป.ช.โดยตั้งคำถามว่า ถ้าศาลตัดสินไม่มีความผิด ป.ป.ช.จะรับผิดชอบอย่างไร
คนจำนวนไม่น้อยคงอยากย้อนถามนายธาริตเหมือนกันว่า จะรับผิดชอบอย่างไรกับคดีที่เคยยัดเยียดให้คนอื่น
คดีที่นายธาริตเคยกล่าวหาคนอื่นไว้ เมื่อศาลตัดสินแล้วว่าไม่มีความผิด นายธาริตแสดงความรับผิดชอบบ้างหรือยัง
ตอนทำกับคนอื่นไว้ ไม่ว่า ตอนที่ตัวเองถูกกระทำบ้าง นายธาริตอย่าโวย เพราะอายชาวบ้านเปล่าๆ
คดีที่ถาโถมใส่นายธาริตขณะนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่า เรื่องของกฎแห่งกรรม กรรมใดใครก่อ สักวันหนึ่งต้องรับผลแห่งกรรมที่ก่อไว้
เพียงแต่กรรมของนายธาริตเห็นทันตา ไม่ทันไรกรรมตามสนองเสียแล้ว
คงไม่มีใครช่วยนายธาริตให้ฝ่าพ้นมรสุมที่กระหน่ำเข้าใส่ได้แล้ว นอกจากแนะนำให้ทำใจ แนะนำให้ก้มหน้ารับชะตากรรมไป อย่าร้องฟูมฟายให้อายใคร
ภาพลักษณ์นายธาริตเสียหายย่อยยับ นับตั้งแต่เปลี่ยนสี จากยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งได้รับการชมเชยว่า เป็นข้าราชการที่ตรงไปตรงมา ไม่กลัวนักการเมือง แต่มาถึงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับรับใช้นักการเมืองอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู จนถูกสังคมรุมประณาม
และเพราะพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เพราะการก้มหัวรับใช้นางสาวยิ่งลักษณ์ ทำให้นายธาริตต้องเผชิญวิบากกรรมอย่างหนัก โดยมีคดีมากมาย และบางคดีศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกไปแล้ว
ไม่มีความเห็นอกเห็นใจอดีตข้าราชการระดับสูงผู้นี้ เพราะบทบาทช่วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก่อให้เกิดความชิงชังเกินกว่าจะให้อภัย โดยเลือกปฏิบัติ เลือกบังคับใช้กฎหมาย และจงใจเล่นงานฝ่ายต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงทำตัวเป็นอันธพาลป่วนเมือง
คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวก่อความวุ่นวาย ใช้ความรุนแรงคุกคามข่มขู่กลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ ขณะที่ประชาชนชุมนุมเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
แม้แต่การเป่านกหวีด แสดงสัญลักษณ์ขับไล่นางสาวยิ่งลักษณ์ นายธาริตยังประกาศดำเนินคดี
ดีเอสไอยุคนายธาริต ตั้งข้อหายัดเยียดใครต่อใครไปทั่ว ทำให้คนบริสุทธิ์ต้องตกเป็นผู้ต้องหา ต้องเสียเวลาเดินทางไปให้ปากคำ ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ต้องสูญเสียอิสรภาพบางอย่าง ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง และนายธาริตก็ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ
บางคดีศาลยกฟ้องไปแล้ว เช่น คดีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 ช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จึงต้องทวงถามว่า นายธาริตจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
การถูก ป.ป.ช.สั่งอายัดทรัพย์ ไม่ใช่การจองล้างจองผลาญ ไม่ใช่คดีที่โยงใยกับการเมืองแต่อย่างใด แต่เป็นคดีร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งยังไม่รู้ว่า นายธาริตนำเงินมาจากไหนตั้งมากมาย และเจ้าตัวยังแจกแจงที่มาที่ไปไม่ได้
ข้าราชการที่ไม่ได้มีมรดกเป็นบุญเก่า แต่กลับร่ำรวยมหาศาล ข้อสันนิฐานมีเพียงประเด็นเดียวคือ โกง โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ถ้าเป็นตำรวจจะร่ำรวยโดยการตบทรัพย์ รับส่วยและรีดไถ
นายธาริตไม่ใช่ข้าราชการคนแรกที่ถูกอายัดทรัพย์ เพราะก่อนหน้าก็ถูกสอยไปหลายคนแล้ว และแต่ละคนก็มีสิทธิที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
ถ้าแจงที่มาที่ไปของความร่ำรวยได้ ก็นำทรัพย์กลับไปเสวยสุข แต่ถ้าบอกไม่ได้ว่า เงินมาจากไหน ก็ต้องยึดทรัพย์เข้าหลวง และถ้ามีความผิดทางอาญา จะต้องดำเนินคดีตามขั้นตอน ซึ่งนายธาริตมีคดีแจ้งบัญชีเท็จรออยู่
การออกมาตอบโต้ ป.ป.ช.โดยอ้างว่าข้อกล่าวหาคลุมเครือ การประกาศจะสู้คดี เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน ไม่มีใครตำหนินายธาริต
แต่ที่สังคมรู้สึกหงุดหงิดนายธาริตคือ การร้องหาความเป็นธรรมจาก ป.ป.ช.โดยตั้งคำถามว่า ถ้าศาลตัดสินไม่มีความผิด ป.ป.ช.จะรับผิดชอบอย่างไร
คนจำนวนไม่น้อยคงอยากย้อนถามนายธาริตเหมือนกันว่า จะรับผิดชอบอย่างไรกับคดีที่เคยยัดเยียดให้คนอื่น
คดีที่นายธาริตเคยกล่าวหาคนอื่นไว้ เมื่อศาลตัดสินแล้วว่าไม่มีความผิด นายธาริตแสดงความรับผิดชอบบ้างหรือยัง
ตอนทำกับคนอื่นไว้ ไม่ว่า ตอนที่ตัวเองถูกกระทำบ้าง นายธาริตอย่าโวย เพราะอายชาวบ้านเปล่าๆ
คดีที่ถาโถมใส่นายธาริตขณะนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่า เรื่องของกฎแห่งกรรม กรรมใดใครก่อ สักวันหนึ่งต้องรับผลแห่งกรรมที่ก่อไว้
เพียงแต่กรรมของนายธาริตเห็นทันตา ไม่ทันไรกรรมตามสนองเสียแล้ว
คงไม่มีใครช่วยนายธาริตให้ฝ่าพ้นมรสุมที่กระหน่ำเข้าใส่ได้แล้ว นอกจากแนะนำให้ทำใจ แนะนำให้ก้มหน้ารับชะตากรรมไป อย่าร้องฟูมฟายให้อายใคร