อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แฉข้าราชการกรมราชทัณฑ์ โวยอธิบดีสร้างปัญหาโอน 2 ลูกน้องเก่าจากสำนักงานยุติธรรมไปนั่งซี 8 สั่งตัดเครื่องแบบใหม่โดยไม่มีการทำประชาพิจารณ์ แก้เงื่อนไขอบรมพัศดีหลังพบไม่มีผู้สอบผ่าน แถมโยกย้ายข้ามภาค เน้นแต่งานประชาสัมพันธ์ จ่อยื่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมฟันสัปดาห์หน้า จี้ สตง.สอบงบจัดซื้อเครื่องใช้สวัสดิการผู้ต้องขัง เตรียมบุกดีเอสไอจี้ดำเนินคดี “ธาริต” ไม่จัดการมือยิงวัดพระแก้ว
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีปัญหาในกรมราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าตนได้รับจดหมายร้องเรียนจากข้าราชการและประชาชนหลายแห่ง ทั้งเรื่องเอไอเอสที่ไม่จ่ายค่าไฟเป็นเวลาสิบปี และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินได้ไปติดตามทวงถาม รวมถึงการตั้งเสาสัญญาณที่การบินพลเรือนตั้งแต่ปี 2545 โดยไม่มีการทำสัญญาเช่าแต่อย่างใด เท่ากับใช้สถานที่ราชการฟรีตลอดที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมีอำนาจ
นายวัชระกล่าวว่า ได้รับจดหมายร้องเรียนจากข้าราชการกรมราชทัณฑ์ว่า ในขณะที่กรมฯ จะครบ 100 ปี ในวันที่ 13 ตุลาคม 2558 ในยุคที่นายวิทยา สุริวงศ์ ที่ คสช.แต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์แทน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย ที่เป็นคนของระบอบทักษิณ ข้าราชการคิดว่าจะได้ผู้มีความรู้ความสามารถ แต่กลับสร้างปัญหาให้กรมราชทัณฑ์โดยโอนลูกน้องเก่าจากสำนักงานยุติธรรมไปรับตำแหน่ง 8 ระดับชำนาญการพิเศษ 2 ตำแหน่ง ทั้งที่อัตรานี้มีจำกัดอยู่แล้ว สั่งให้ตัดเครื่องแบบใหม่ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มรายละประมาณ 2-3 พันบาททั้งกรม ถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองไม่สอดคล้องเศรษฐกิจในปัจจุบัน ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ ทั้งที่ใช้มาจะครบ 100 ปีในเดือนหน้าแต่จะเปลี่ยนใหม่ นอกจากนี้ยังเปิดหลักสูตรใหม่โครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานราชทัณฑ์ระดับผู้บังคับบัญชา (พัศดี) ให้สอบ 75% มีผู้สมัคร 1,388 คน ผลปรากฏว่าสอบตกหมดทุกคนไม่มีใครทำงานได้เกิน 75% แม้แต่คนเดียวจึงมาแก้เงื่อนไขใหม่ว่าให้ผ่าน 51% มีผู้สอบเดิมทำคะแนนเกินได้ 145 คนสูงสุดทำคะแนนได้ 62%
นายวัชระตั้งคำถามไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่า การเสนอหลักสูตรใหม่มีความยุติธรรมตรงไหน เพราะที่ผ่านมาอบรมแล้ว 67 รุ่นกับหลักสูตรใหม่ที่ไม่มีใครผ่านเกณฑ์ในครั้งแรกแม้แต่คนเดียว ถือว่าไม่ยุติธรรมต่อพัศดีทั้งประเทศ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบกระทรวงยุติธรรมก็ชี้หิ้เห็นว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่ชอบ จึงขอเรียกร้อง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ได้โปรดช่วยข้าราชการกรมราชทัณฑ์ด้วยการให้ความเป็นธรรมในทุกเรื่องที่เดือดร้อน รวมถึงการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งด้วย เพราะนายวิทยาเน้นแต่งานประชาสัมพันธ์ไม่ใส่ใจทุกข์สุขของพัศดีอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม มีการโยกย้ายข้ามภาคซึ่งเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ
นายวัชระระบุว่า อีกทั้ง สตง.ตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตในบางรายการ จึงอยากให้ สตง.ตรวจสอบงบประมาณการจัดซื้อเครื่องใช้สวัสดิการผู้ต้องขังครั้งละไม่เกินสองล้านไปยังเรือนจำทุกแห่งทั้งที่แต่ละแห่งมีจำนวนนักโทษไม่เท่ากันซึ่งส่อว่าน่าจะเป็นการทุจริต เพื่อการหลีกเลี่ยงการประกวดราคาที่เกิน 2 ล้านบาทหรือไม่ เพราะมีข่าวว่าคนที่ใกล้ชิดอธิบดีรับงานดังกล่าว ดังนั้นจึงควรพิจารณาโยกย้ายอธิบดีคนนี้ไปอยู่ในที่เหมาะสมต่อไป เพราะสร้างความระส่ำระสายกับพัศดีทั้งประเทศ โดยจะนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นต่อ รมว.ยุติธรรมในสัปดาห์หน้า รวมถึงกรณีขอให้ดีเอสไอดำเนินคดีต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ที่ไม่ดำเนินคดีต่อ พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ที่นายธาริตแถลงข่าวเองว่าเป็นผู้จ้างวานด้วยเงิน 5 แสนยิงวัดพระแก้ว โดยหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมต่อไป