ยะลา - เรือนจำเบตง ดึงนโยบาย “5 ก้าวย่างแห่งการเปลี่ยนแปลงราชทัณฑ์” เข้าดำเนินการ เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีความเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น และป้องกันปัญหายาเสพติด และสิ่งของต้องห้ามภายใน
วันนี้ (26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับกระบวนการค้ายาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายในเรือนจำหลายแห่งทั่วประเทศ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ภาพลักษณ์ของกรมราชทัณฑ์ ดูติดลบ ถูกสังคมจับตามองว่าเรือนจำคือ แหล่งค้ายาเสพติดที่สำคัญ ซึ่งเรือนจำอำเภอเบตง จ.ยะลา ก็เป็นอีกหนึ่งในเป้าหมายของกระบวนการค้ายาเสพติด เนื่องจากอำเภอเบตง เป็นเมืองติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
หลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ได้มีการบุก และจู่โจมตรวจค้นภายในเรือนจำอำเภอเบตงก็สามารถบ่งบอกได้เลยว่า หลังจากที่เรือนจำอำเภอเบตงได้เข้าร่วมโครงการเรือนจำสีขาวมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องการขจัดปัญหาการลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจำ โดยเฉพาะยาเสพติด และโทรศัพท์มือถือ เรือนจำสีขาวทำให้เรือนจำอำเภอเบตงปราศจากยาบ้า และสิ่งของต้องห้ามอื่นๆ ด้วย ทำให้เรือนจำอำเภอเบตงปราศจากยาบ้า และสิ่งของต้องห้ามอื่นๆ
จึงลบคำถามคาใจต่อสังคมทั่วไปที่ว่า เมื่อเรือนจำมีกฎระเบียบ มีการวางมาตรการควบคุมผู้ต้องขังอย่างเข้มงวดแล้ว ทำไมกลับมีสิ่งผิดกฎหมายเล็ดลอดสายตาผ่านเข้ามาในเรือนจำได้ จากคำถามเหล่านี้หลายคนมองว่า ไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาของเรือนจำ และพัฒนาระบบการทำงานของกรมราชทัณฑ์ไปได้มากกว่านี้แน่นอน แต่เรือนจำอำเภอเบตง ก็สามารถทำได้จากความร่วมมือจากผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่เรือนจำอำเภอเบตงทุกคน
ที่ผ่านมา เรือนจำอำเภอเบตงได้เข้าร่วมโครงการเรือนจำสีขาวกับเรือนจำ และทัณฑสถานทั่วประเทศทั้ง 143 แห่ง ซึ่งมีเรือนจำประกาศเข้าร่วมโครงการ 66 แห่ง ซึ่งเรือนจำอำเภอเบตง ก็เป็นหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการเรือนจำสีขาว
และในวันนี้ นายภัทรพงศ์ หมวกสกุล ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอเบตง ได้นำสื่อมวลชน ชมการดำเนินตามนโยบาย “5 ก้าวย่างแห่งการเปลี่ยนแปลงราชทัณฑ์” ตั้งแต่ลานกีฬาอเนกประสงค์ หอประชุม โรงอาหาร เรือนนอน ห้องน้ำและสุขา เพื่อสัมผัสชีวิต และความเป็นอยู่ที่แท้จริงของผู้ต้องขังชายและหญิง ที่มีกว่า 330 คน โดยส่วนมากเป็นนักโทษคดียาเสพติด และลักทรัพย์ สิ่งที่พบเห็นคือ การจัดระเบียบคนสิ่งของที่ดูสะอาดตา ไม่สกปรกดังแต่ก่อน ระบบท่อระบายน้ำเสียถูกสร้างเป็นมาตรฐาน ห้องน้ำห้องส้วมดูสะอาดเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นภายหลังที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบนโยบายเร่งด่วนให้มีการแก้ไขปัญหายาเสพติด โทรศัพท์มือถือ และสิ่งของที่ต้องห้ามในเรือนจำให้แก่กรมราชทัณฑ์ โดยมี พล.ท.ทิวะพร ชะนะพะเนาว์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการประทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้ประสานงานการขับเคลื่อนนโยบาย นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริหาร และข้าราชการในสังกัดกรมราชทัณฑ์ทั่วประเทศได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของกรมราชทัณฑ์
ภายใต้นโยบาย 5 ก้าวย่างแห่งการเปลี่ยนแปลงราชทัณฑ์ ประกอบด้วย ก้าวที่ 1 การควบคุมปราบปรามยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ ตลอดทั้งสิ่งของที่ต้องห้ามในเรือนจำ ทั้งนี้ ได้ขออำนาจ คสช.นำกำลังตำรวจในพื้นที่เข้าตรวจค้นเรือนจำในลักษณะจู่โจม ร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษกรมราชทัณฑ์ เข้าปฏิบัติการเรือนจำอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้สถานการณ์ยาเสพติดเบาบางลง ทั้งนี้ ได้มีการสับเปลี่ยนโยกย้าย และบทลงโทษทางวินัย และทางอาญาอย่างเฉียบขาด กรณีที่มี จนท.มีพฤติกรรมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ก้าวที่ 2 เน้นการจัดระเบียบเรือนจำ ภายใต้แนวทาง วินัยเข้ม สะอาด เป็นระเบียบ สวยงามทุกตารางนิ้ว ก้าวที่ 3 เน้นการฝึกวินัยผู้ต้องขัง จัดโครงการประกวดสวนสนามผู้ต้องขังในทุกปี พร้อมส่งเสริมสร้างลักษณะนิสัยแห่งความรับผิดชอบให้แก่ผู้ต้องขังด้วยการมอบหมายให้ดูแลพื้นที่ที่กำหนดให้ สร้างนิสัยให้ผู้ต้องขังเกิดความรับผิดชอบ และจะได้เกิดนิสัยติดตัวไปเมื่อพ้นโทษสู่สังคม ก้าวที่ 4 เป็นการพัฒนาจิตใจด้วยหลักสูตรสัคคสาสมาธิ เป็นการใช้สมาธิในการอบรมผู้ต้องขัง เพื่อการมีสติในการครองตนระหว่างต้องขังสำหรับการอยู่ร่วมกัน และมีสติยั้งคิดในการกระทำความดีเมื่อพ้นโทษออกไปอยู่กับสังคม และก้าวที่ 5 เป็นการสร้างการยอมรับจากสังคม เน้นสร้างการยอมรับจากโดยให้ประชาชนรู้ผ่านสื่อต่างๆ ที่ถูกต้อง และเกิดการยอมรับผู้พ้นโทษ รวมทั้งปลูกฝังความเชื่อ ความศรัทธาทำให้เกิดทัศนคติค่านิยมที่ถูกต้อง
ซึ่งจากก้าวย่างที่ 5 นี้เองทำให้สื่อมวลชนได้เข้ามาเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง ที่ทางเรือนจำอำเภอเบตง ได้ใส่ใจมุ่งมั่นในการปราบปรามสิ่งเสพติดอย่างจริงจัง จะเห็นได้ว่าสิ่งของภาชนะทุกซอกทุกมุมถูกจัดวางเป็นระเบียบเรียบร้อย ฝึกผู้ต้องขังทั้งร่างกาย และจิตใจเมื่อออกไปสู่สังคมภายนอกจะได้เป็นที่ยอมรับของสังคม และอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างมีความสุข เรือนจำอำเภอเบตงในวันนี้จึงได้พลิกโฉมใหม่เป็นที่ยอมรับจากสังคมแล้วว่า การนำนโยบาย 5 ก้าวย่างแห่งการเปลี่ยนแปลงราชทัณฑ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้จริง