ราชทัณฑ์เร่งเดินหน้าจัดระเบียบเรือนจำทั่วประเทศ

“อธิบดีกรมราชทัณฑ์” เดินหน้าจัดระเบียบคุกทุกเรือนจำให้เสร็จภายในเดือน มิ.ย.นี้ เผยย้ายนักโทษป่วนคุกสงขลา แล้ว 192 ราย เตรียมปรับมาตรการกำหนดของเยี่ยมนักโทษ

วันนี้ (11 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์ นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยนายเรืองศักดิ์ สุวารี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวสันต์ สิงคเสลิต รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมกันแถลงข่าวมาตรการการจัดระเบียบเรือนจำ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวทางการจัดระเบียบในเรือนจำ และทัณฑสถานทั่วประเทศ

นายวิทยากล่าวว่า จากกรณีผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดสงขลาก่อเหตุจลาจล เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องมาจากรมราชทัณฑ์ได้กำหนดให้มีการจัดระเบียบเรือนจำขึ้น ตามนโยบาย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการจัดระเบียบภายในเรือนจำและทัณฑสถาน เพื่อให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด เพราะนอกจากจะทำให้เกิดผลดีต่อสุขภาพของผู้ต้องขังแล้วยังป้องกันการซุกซ่อนสิ่งของต้องห้ามภายในเรือนจำที่อาจทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ เช่น การสั่งยาเสพติดจากในเรือนจำ การลักลอบเล่นการพนัน การซุกซ่อนสิ่งมึนเมา และอื่นๆ

สำหรับนโยบายดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการแล้วในเรือนจำและทัณฑสถานหลายแห่ง เช่น เรือนจำกลางเขาบิน เรือนจำกลางชลบุรี เรือนจำกลางคลองไผ่ เรือนจำจังหวัดปทุมธานี เป็นต้น โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้

อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวอีกว่า มาตรการในการจัดระเบียบเรือนจำนั้น เป็นพื้นฐานที่สำคัญ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย โดยได้สั่งการให้เรือนจำทุกแห่งคัดแยกสัมภารของผู้ต้องขังที่ไม่จำเป็นออกจากเรือนจำซึ่งเป็นสิ่งของที่ทำให้เกิดปัญหาเช่น สร้างความแตกต่างของสถานะในหมู่ผู้ต้องขังด้วยกัน เศรษฐกิจในเรือนจำ ปัญหาการรับสินบนของเจ้าหน้าที่ และปัญหาการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ จึงเป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์จะต้องกลับมาดูแลอย่างจริงจัง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีเกิดเหตุผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดสงขลาได้คัดแยกหรือทราบว่าผู้ต้องขังรายใดเป็นหัวโจกแล้วหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า กรณีดังกล่าว ตนได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อดูว่าผู้ต้องขังคนไหนมีความเกี่ยวข้องมากหรือน้อยอย่างไร

ด้านนายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้คัดแยกผู้ต้องขังที่ร่วมก่อเหตุในวันดังกล่าวแล้วจำนวน 192 คน กระจ่ายไปยังเรือนจำภายในจังหวัดสงขลาในระหว่างที่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากหลังเกิดเหตุดังกล่าวได้เกิดเหตุการณ์กลุ่มผู้ต้องขังทะเลาะกันเองขึ้นอีกครั้ง ระหว่างกลุ่มที่เห็นด้วยกับการจัดระเบียบและไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนการจัดระเบียบภายในเรือนจำ ได้มีการทำความเข้าใจกับผู้ต้องขังในเรือนจำถึงเหตุผลการจัดระเบียบ ซึ่งกลุ่มผู้ต้องขังได้รับทราบและเข้าใจตรงกันถึงการจัดระเบียบเรือนจำแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะมีการเข้มงวดเรื่องของเยี่ยมผู้ต้องขังหรือไม่ นายเรืองศักดิ์กล่าวว่า สิ่งของที่ญาตินำมาเยี่ยมผู้ต้องขังต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ของเยี่ยมสำหรับเรือนจำปกติทั่วไป อยู่ระหว่างการหารือว่าจะกำหนดให้ญาติของผู้ต้องขังสามารถซื้อของเยี่ยมในจำนวนเงินเท่าไหร่ ถึงจะเพียงพอต่อผู้ต้องขัง 1 ราย เพื่อไม่ให้ของเยี่ยมดังกล่าวต้องไปกลายเป็นขยะอยู่ในเรือนจำ ส่วนเรือนจำความมั่นคงสูง เจ้าหน้าที่จะเป็นผู้จัดการทั้งหมด โดยไม่อนุญาตให้นำสิ่งของเข้าไปอยู่แล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของเสื้อผ้า ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามผู้ต้องขังแล้วว่า ต้องการชุดที่ใช้ในเรือนจำ จำนวน 5 ชุด โดย 3 ชุดแรกทางเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้จัดหาให้ตามระเบียบ ซึ่งจะแตกต่างกันตามประเภทของผู้ต้องขัง ส่วนอีก 2 ชุดอาจจะเป็นชุดนอนหรือชุดใส่ปกติ เพื่อใส่สับเปลี่ยนกัน เพราะหากไม่มีการกำหนดก็จะทำให้เสื้อผ้าจำนวนมากกลายเป็นขยะล้นเรือนจำ

นอกจากนี้จะมีการปรับเปลี่ยนตารางเวลากิจกรรมของผู้ต้องขัง หลังจากที่มีการจัดระเบียบเรือนจำแล้ว เช่น การตื่นนอนในเวลา 05.30 น. โดยให้ผู้ต้องขังได้สวดมนต์ ไหว้พระ เพื่อทำให้เกิดสมาธิ และจัดสรรเวลา เพื่อให้ผู้ต้องขังได้ทำกิจกรรมอื่นๆ ทั้งนี้ ทุกเดือนจะจัดให้มีการปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนทัศนคติและให้ผู้ต้องขังเกิดความคิดดีทำดี เพื่อที่จะได้ไม่กลับมากระทำความผิดซ้ำอีก