นักโทษเรือนจำสงขลาก่อจลาจลแต่เช้า เผาที่นอนควันขโมง ลามถึงขั้นอาคารที่พักญาติ-ศูนย์เรียนรู้วอด ทำลายรั้วเหล็กกั้นแดน 1-3 แม่ทัพภาค 4 นำทีมเจรจายุติสถานการณ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์สรุปนักโทษเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 7 คน เจ้าหน้าที่เรือนจำเจ็บ 3 คน ยันนักโทษไม่มีสิทธิ์ที่ยื่นข้อเรียกร้อง เหตุกฎระเบียบเป็นมาตรการป้องกันไม่ให้ลักลอบนำสิ่งผิดกฏหมายเข้าไป ส่วนเรื่องความเป็นอยู่จะดูความเหมาะสมว่าทำได้หรือไม่
เมื่อเวลา 08.00 น. วานนี้(8 มิ.ย.)ตำรวจ สภ.เมือง จ.สงขลา รับแจ้งเหตุผู้ต้องขัง และนักโทษชายในเรือนกลางจังหวัดสงขลา ประมาณ 200 คนก่อการจลาจลโดยเผาที่นอน จนมีควันลอยคละคลุ้งออกมาจากเรือนนอน จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย เมื่อไปถึงได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ โดยทางเรือนจำไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไปภายในโดยเด็ดขาด
ส่วนที่หน้าเรือนจำมีกลุ่มญาติของนักโทษกว่า 100 คน ไปรวมตัวประท้วงด้วย โดยเรียกร้องให้ทางเรือนจำจังหวัดสงขลาแก้ปัญหาเรือนนอน หลังจากได้รับการแจ้งจากญาติที่เป็นนักโทษว่าต้องอยู่กันอย่างแออัด และเรียกร้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำมาพบ เพื่อขอทราบแนวทางแก้ปัญหา โดยกำลังตำรวจและชุดปราบปราบจลาจลเข้าควบคุมสถานการณ์ พร้อมปิดประตูเข้า-ออกหน้าเรือนจำ
ทั้งนี้ สาเหตุที่นักโทษก่อการจลาจลเนื่องจาก ต้องการให้แก้ปัญหาความแออัดในเรือนนอน ที่เดิมจะอยู่กันประมาณ 150 คน แต่ได้เพิ่มเป็น 200 คน เนื่องจากเรือนจำมีทั้งนักโทษและผู้ต้องขังรวมกัน 2,514 คน และขอให้ย้ายผู้บัญชาการเรือนจำ หลังมีการจัดระเบียบในเรือนจำ ไม่ให้ใช้ถุงพลาสติก เพราะถูกเอาไปใช้ซุกซ่อนของต้องห้าม เช่น โทรศัพท์มือถือ ยาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จึงทำให้เกิดไม่พอใจ
ต่อมา พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 นายภาณุ สุวรรณรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยสนธิกำลังทหารจากมทบ. 42 จาก ป.พัน 5 ทหารเรือ ตำรวจภูธรจังหวัด ตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.) อาสาสมัครรักษาดินแดน เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ เทศบาลตำบลเขารูปช้าง และหน่วยกู้ชีพ เนื่องจากกลุ่มนักโทษได้เผาอาคารที่พักญาติภายในพื้นที่ให้เยี่ยมได้รับความเสียหาย โดยยื่นข้อเสนอให้ส่งตัวแทนมาเจรจา
ขณะที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำเกิดความวุ่นวาย เมื่อญาตินักโทษกว่า 300 ไม่พอใจที่ ไม่อนุญาติให้เข้ามาในบริเวณเรือนจำ พากันโห่ร้องและขว้างปาก้อนอิฐก้อนหินเข้ามา ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามเจรจาโดยให้ส่งตัวแทน 5 คนเข้าไปสังเกตการณ์ภายใน และให้ออกมาแจ้งความคืบหน้า แต่ยังสร้างความไม่พอใจให้กับญาติ เนื่องจากมีข่าวลือว่ามีคนตายและบาดเจ็บหลายคน ซึ่งนายเรืองศักดิ์ สุวารี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ต้องเจรจาขอให้ญาติอยู่ในความสงบ โดยยืนยันมีคนเจ็บไม่เกิน 10 คน และไม่มีผู้เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม เวลาประมาณ 15.00 น. ปรากฎว่านักโทษที่ก่อความไม่สงบในเรือนจำยังไม่ยอมยุติ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังจัดแถวเตรียมความพร้อมเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยประกาศให้นักโทษทุกคนต้องกลับเข้าเรือนนอนภายในเวลา 16.00 น. หากไม่ทำตาม เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้กำลังเข้าควบคุม
ต่อมา พล.ท.ปราการ และนายเรืองศักดิ์ ร่วมกันคลี่คลายสถานการณ์โดยเจรจากับแกนนำนักโทษ 4 คน เพื่อแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้อง โดยเฉพาะความแออัด เรื่องจากเรือนจำจังหวัดสงขลา มีนักโทษกว่า 2,500 คน แยกเป็นนักโทษเด็ดขาด 1,100 คน อยู่ระหว่างรอดำเนินคดีประมาณ 1,500 คน โดยจะส่งเรื่องไปยังกรมราชทัณฑ์ดำเนินการแก้ปัญหาให้ ปัญหาจึงยุติลงในที่สุด
เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์จนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และควบคุมนักโทษที่ก่อเหตุจลาจลทั้งหมดกลับเข้าเรือนนอน พร้อมถอนกำลังทหาร ป.พัน 5 นาวิกโยธิน ทัพเรือภาคที่2 หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจจังหวัดสงขลา ตชด. 43 และทหารจากมทบ. 42 กว่า 300 นายกลับทั้งหมด
ต่อมา นายวิทยา สุริยวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงข่าวสรุปเหตุการณ์ว่า มีนักโทษเสียชีวิต 1 คน คือ นักโทษชายชัยวุฒิ แซ่เฮ็ง ถูกกระสุนยางเข้าที่ใบหน้า บาดเจ็บ 7 คน เรือนจำบาดเจ็บ 3 คน โดยนักโทษที่เสียชีวิตจะประสานญาติเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในวันที่ 9 มิ.ย. จะเปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังได้ตามปกติ
นายวิทยา กล่าวว่า สำหรับข้อเรียกร้องของนักโทษให้ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่นั้น ความจริงแล้วนักโทษไม่มีสิทธิ์ที่ยื่นข้อเรียกร้องใดๆ เนื่องจากกฎระเบียบทั้งหมดเป็นมาตรการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำสิ่งผิดกฏหมายเข้าไปภายในเรือนจำ ซึ่งต้องเข้มงวด นักโทษอาจจะไม่ได้รับความสะดวก แต่เรื่องการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่เจ้าหน้าที่จะดูถึงความเหมาะสมว่าจะดำเนินการได้หรือไม่
ทั้งนี้ เหตุจลาจลดังกล่าวมีอาคารที่พักสำหรับญาติที่เข้าไปเยี่ยมถูกเผา 1 หลัง ศูนย์เรียนรู้ถูกเผาภายในอาคารจนเสียหาย รั้วเหล็กที่กั้นระหว่างแดน 1 แดน 2 และแดน 3 ถูกนักโทษทุบทำลายด้วย
เมื่อเวลา 08.00 น. วานนี้(8 มิ.ย.)ตำรวจ สภ.เมือง จ.สงขลา รับแจ้งเหตุผู้ต้องขัง และนักโทษชายในเรือนกลางจังหวัดสงขลา ประมาณ 200 คนก่อการจลาจลโดยเผาที่นอน จนมีควันลอยคละคลุ้งออกมาจากเรือนนอน จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย เมื่อไปถึงได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ โดยทางเรือนจำไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไปภายในโดยเด็ดขาด
ส่วนที่หน้าเรือนจำมีกลุ่มญาติของนักโทษกว่า 100 คน ไปรวมตัวประท้วงด้วย โดยเรียกร้องให้ทางเรือนจำจังหวัดสงขลาแก้ปัญหาเรือนนอน หลังจากได้รับการแจ้งจากญาติที่เป็นนักโทษว่าต้องอยู่กันอย่างแออัด และเรียกร้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำมาพบ เพื่อขอทราบแนวทางแก้ปัญหา โดยกำลังตำรวจและชุดปราบปราบจลาจลเข้าควบคุมสถานการณ์ พร้อมปิดประตูเข้า-ออกหน้าเรือนจำ
ทั้งนี้ สาเหตุที่นักโทษก่อการจลาจลเนื่องจาก ต้องการให้แก้ปัญหาความแออัดในเรือนนอน ที่เดิมจะอยู่กันประมาณ 150 คน แต่ได้เพิ่มเป็น 200 คน เนื่องจากเรือนจำมีทั้งนักโทษและผู้ต้องขังรวมกัน 2,514 คน และขอให้ย้ายผู้บัญชาการเรือนจำ หลังมีการจัดระเบียบในเรือนจำ ไม่ให้ใช้ถุงพลาสติก เพราะถูกเอาไปใช้ซุกซ่อนของต้องห้าม เช่น โทรศัพท์มือถือ ยาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จึงทำให้เกิดไม่พอใจ
ต่อมา พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 นายภาณุ สุวรรณรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยสนธิกำลังทหารจากมทบ. 42 จาก ป.พัน 5 ทหารเรือ ตำรวจภูธรจังหวัด ตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.) อาสาสมัครรักษาดินแดน เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ เทศบาลตำบลเขารูปช้าง และหน่วยกู้ชีพ เนื่องจากกลุ่มนักโทษได้เผาอาคารที่พักญาติภายในพื้นที่ให้เยี่ยมได้รับความเสียหาย โดยยื่นข้อเสนอให้ส่งตัวแทนมาเจรจา
ขณะที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำเกิดความวุ่นวาย เมื่อญาตินักโทษกว่า 300 ไม่พอใจที่ ไม่อนุญาติให้เข้ามาในบริเวณเรือนจำ พากันโห่ร้องและขว้างปาก้อนอิฐก้อนหินเข้ามา ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามเจรจาโดยให้ส่งตัวแทน 5 คนเข้าไปสังเกตการณ์ภายใน และให้ออกมาแจ้งความคืบหน้า แต่ยังสร้างความไม่พอใจให้กับญาติ เนื่องจากมีข่าวลือว่ามีคนตายและบาดเจ็บหลายคน ซึ่งนายเรืองศักดิ์ สุวารี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ต้องเจรจาขอให้ญาติอยู่ในความสงบ โดยยืนยันมีคนเจ็บไม่เกิน 10 คน และไม่มีผู้เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม เวลาประมาณ 15.00 น. ปรากฎว่านักโทษที่ก่อความไม่สงบในเรือนจำยังไม่ยอมยุติ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังจัดแถวเตรียมความพร้อมเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยประกาศให้นักโทษทุกคนต้องกลับเข้าเรือนนอนภายในเวลา 16.00 น. หากไม่ทำตาม เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้กำลังเข้าควบคุม
ต่อมา พล.ท.ปราการ และนายเรืองศักดิ์ ร่วมกันคลี่คลายสถานการณ์โดยเจรจากับแกนนำนักโทษ 4 คน เพื่อแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้อง โดยเฉพาะความแออัด เรื่องจากเรือนจำจังหวัดสงขลา มีนักโทษกว่า 2,500 คน แยกเป็นนักโทษเด็ดขาด 1,100 คน อยู่ระหว่างรอดำเนินคดีประมาณ 1,500 คน โดยจะส่งเรื่องไปยังกรมราชทัณฑ์ดำเนินการแก้ปัญหาให้ ปัญหาจึงยุติลงในที่สุด
เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์จนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และควบคุมนักโทษที่ก่อเหตุจลาจลทั้งหมดกลับเข้าเรือนนอน พร้อมถอนกำลังทหาร ป.พัน 5 นาวิกโยธิน ทัพเรือภาคที่2 หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจจังหวัดสงขลา ตชด. 43 และทหารจากมทบ. 42 กว่า 300 นายกลับทั้งหมด
ต่อมา นายวิทยา สุริยวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงข่าวสรุปเหตุการณ์ว่า มีนักโทษเสียชีวิต 1 คน คือ นักโทษชายชัยวุฒิ แซ่เฮ็ง ถูกกระสุนยางเข้าที่ใบหน้า บาดเจ็บ 7 คน เรือนจำบาดเจ็บ 3 คน โดยนักโทษที่เสียชีวิตจะประสานญาติเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในวันที่ 9 มิ.ย. จะเปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังได้ตามปกติ
นายวิทยา กล่าวว่า สำหรับข้อเรียกร้องของนักโทษให้ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่นั้น ความจริงแล้วนักโทษไม่มีสิทธิ์ที่ยื่นข้อเรียกร้องใดๆ เนื่องจากกฎระเบียบทั้งหมดเป็นมาตรการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำสิ่งผิดกฏหมายเข้าไปภายในเรือนจำ ซึ่งต้องเข้มงวด นักโทษอาจจะไม่ได้รับความสะดวก แต่เรื่องการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่เจ้าหน้าที่จะดูถึงความเหมาะสมว่าจะดำเนินการได้หรือไม่
ทั้งนี้ เหตุจลาจลดังกล่าวมีอาคารที่พักสำหรับญาติที่เข้าไปเยี่ยมถูกเผา 1 หลัง ศูนย์เรียนรู้ถูกเผาภายในอาคารจนเสียหาย รั้วเหล็กที่กั้นระหว่างแดน 1 แดน 2 และแดน 3 ถูกนักโทษทุบทำลายด้วย
