รมว.ยุติธรรม ลั่นจะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ต้องขังมามีอิทธิพลเหนือเจ้าหน้าที่ ยอมรับไม่พอบัญชาการเรือนจำหลายแห่ง ปล่อยปละละเลยย้ำหากจัดระเบียบคุกไม่ได้จะลงพื้นที่เอง ขีดเส้นต้องให้เรียบร้อยภายในเดือนนี้
วันนี้ (8 มิ.ย.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดสงขลาประมาณ 2,500 คน ก่อเหตุประท้วงภายในเรือนจำ หลังไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ว่า ขณะนี้ นายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เดินทางไปยังเรือนจำจังหวัดสงขลาแล้ว โดยตนไม่ได้มีข้อเสนอแนะหรือกำชับอะไรเป็นพิเศษกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ทั้งนี้ การเข้มงวดกวดขันหรือการจัดระเบียบเป็นสิ่งที่ดี ดังนั้น ตนคงไม่ยอมให้กลุ่มผู้ต้องขังมามีอิทธิพลเหนือเจ้าหน้าที่ได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้เราจัดระเบียบเพื่อไม่ให้นักโทษลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามหรือผิดกฎหมายเข้าไปยังเรือนจำ รวมทั้งสิ่งของที่ไม่มีความจำเป็น ซึ่งตนได้สั่งให้เอาสิ่งของเหล่านี้ออกให้หมด ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง
“ผมขอประกาศเลยว่า ผมไม่ยอม เพราะเป็นนโยบาย และ ผมพร้อมรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งผมต้องถามกับสังคมว่า สิ่งที่ผมคิดและทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิดหรือไม่ ถ้าสังคมบอกว่าผิดก็ปล่อยให้อยู่กันอย่างนั้น และไม่ใช่ว่าใครที่มีเงินแล้วเข้าไปอยู่ในเรือนจำจะเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ เพราะสิ่งเหล่านั้นมันทำให้เรือนจำเป็นเรือนจำที่ไม่ถูกกฎหมาย แล้วจะเอาพวกนี้ไปขังในเรือนจำทำไม ส่วนสิ่งที่ผมให้เอาออกจากเรือนจำมันก็เป็นสิ่งที่ผิดระเบียบ แต่ก่อนที่ผมจะสั่งให้ทำ ผมได้กำชับผู้บัญชาการเรือนจำให้ อธิบายและสร้างความเข้าใจกับผู้ต้องขังก่อนว่าทำไปเพื่ออะไร ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ไปบอกว่าผมสั่งให้เก็บข้าวเก็บของที่ผิดระเบียบทิ้ง ผมพูดตรงๆว่าผมไม่พอใจผู้บัญชาการเรือนจำหลายแห่งที่ไม่ยอมสร้างความรับรู้ สั่งอะไรก็ไม่รู้เรื่อง แล้วมันใช่เรื่องที่ไหนที่ผู้ต้องขังต้องมีวิทยุไว้ใช้ ถึงยังไงก็ต้องจัดระเบียบให้เสร็จภายในเดือน มิ.ย. นี้” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนไม่เข้าใจว่า ที่ผ่านมา หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีการอธิบายชี้แจงให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายหรือไม่ เพราะผู้บัญชาการเรือนจำบางแห่งพูดแค่ว่ารัฐมนตรีเป็นคนสั่งการมา แต่ไม่ได้สร้างความเข้าใจกับกลุ่มผู้ต้องขัง และหากเรื่องแค่นี้ไม่สามารถพูดให้ผู้ต้องขังเข้าใจได้ก็ไม่ต้องเป็นผู้บัญชาการเรือนจำ ทั้งนี้ ตนพูดหลายครั้งว่าอย่าให้ผู้ต้องขังมามีอิทธิพลต่อเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้จะบานปลายไปยังเรือนจำหลายแห่งหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า อยากขยายก็ให้ขยายมา ตนก็อยากรู้ว่าจะขยายหรือไม่ ซึ่งหากเหตุการณ์บานปลายก็ไม่ต้องทำ แล้วผ่านมากี่สมัย อธิบดีที่ผ่านมาทำอะไรกันอยู่ ปล่อยให้มีการโทรสั่งยาได้ พอผมทำแล้วมีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เจ้าหน้าที่ต้องสร้างความรับรู้กับผู้ต้องขังมากกว่านี้หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ก็ต้องถามเจ้าหน้าที่ผู้คุมทำอะไรกันอยู่ ทำไมไม่ชี้แจงไม่สร้างความรับรู้ หรือว่าผู้คุมเองที่เป็นคนคอยยุยงทำให้เกิดเหตุ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ตนไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งกำลังให้อธิบดีเร่งหาข้อมูลว่าใครเป็นแกนนำ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า ผู้คุมเป็นคนทำ แต่สิ่งที่มีการลักลอบเข้าไปมันเข้าไปได้อย่างไร หากไม่มีการจ่ายเงินจ่ายทองจะนำเข้าไปได้หรือไม่ เพราะถ้าไม่มีสิ่งของเหล่านี้คนที่เสียผลประโยชน์คือใคร
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีก ทุกอย่างเป็นจุดที่ก่อให้เกิดความผิดระเบียบมากมาย ซึ่งนโยบายการจัดระเบียบเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างวินัยให้ปลอดจากการทุจริตผิดระเบียบวินัย อย่างไรก็ตาม ถ้ายังไม่จัดการไม่เรียบร้อย ตนจะเดินทางไปจัดการปัญหาดังกล่าวด้วยตนเอง