นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ส่วยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) โดยเฉพาะที่สนามบินสุวรรณภูมิ รับวันละ 1.8 ล้านบาทว่า ในปัจจุบันยังเห็นผู้เกี่ยวข้องอยู่ในตำแหน่งเดิม จึงอยากถามว่า เหตุใดไม่ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงหรือสั่งพักราชการ หรือว่ามีอะไรกัน ทั้งนี้ มีจดหมายร้องรียนจากผู้ปกครองนักเรียนนายสิบ จังหวัดลำปางว่า มีการอมค่าเบี้ยเลี้ยงของนักเรียนนายสิบทั่วประเทศ โดยมีหลักฐานการอมค่าเบี้ยเลี้ยงศูนย์ฝึกนักเรียนนายสิบ ภาค 5 จังหวัดลำปาง ค่าใช้จ่ายปี 2557 จำนวนเงิน 26 ล้านบาท อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.ต.อุดม คงสุรินทร์
นายวัชระ กล่าวว่าในฐานะที่ตนเป็น อดีตโฆษกกรรมาธิการงบประมาณสองสมัย ได้ติดตามเรื่องนี้พบว่ามีการทุจริตในรายการค่าเบี้ยเลี้ยงรวม 4.8 ล้านบาท หักค่าหัวคิวแม่ครัว หัวละ 40 บาท จากนักเรียนทั้งรุ่น 350 นาย เป็นเงินกว่า 3.4 ล้านบาท หักค่าหัวคิวแรกเข้าของแม่ครัวเป็นเงิน 4.2 แสนบาท หักค่าหัวคิว 40 % จากผู้สอน ค่าพาหนะ วัสดุ รวมเป็นเงินประมาณกว่า 4.3 ล้านบาท รวมกว่า 13 ล้านบาท
นายวัชระ ยืนยันว่า หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีมูล จึงนำมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนักเรียนนายสิบทั่วประเทศ โดยมีเรียงความของนักเรียนนายสิบทั้ง 350 คน ระบุว่า ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ว่ากลับบ้านไปทำอะไรบ้าง ค่าเบี้ยเลี้ยงวันละ 120 บาท สตช.เบิกจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยคิดจำนวนเต็มตลอดปีการศึกษาทุกวัน แต่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์ รวม 116 วัน คิดเป็นจำนวนมื้อ 392 มื้อ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4.7 ล้านบาท และศูนย์ฝึกอบรมนายสิบทั้งประเทศ ทำเหมือนกันหมด
"จึงขอตั้งคำถามกับ พล.ต.ต.อุดม ว่าการร้องเรียนนี้เป็นจริงหรือไม่ ขอให้ตอบต่อสาธารณชน และตั้งคำถามไปยัง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ว่าเหตุใดจึงตั้งงบประมาณเพื่อขอค่าเบี้ยเลี้ยงการฝึกอบรมนักเรียนนายสิบ ตลอด 365 วัน โดยไม่หักวันหยุดที่ไม่มีการอบรมออก เพราะปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า นักเรียนนายสิบเดินทางกลับบ้านถึง 10 วัน ในช่วงสงกรานต์ จึงขอทวงค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวคืนให้กับผู้เข้าอบรมนายสิบทั้ง 6,600 คนด้วย" นายวัชระ กล่าว
ทั้งนี้ ตนจะนำเอกสารไปยื่นให้กับ สตง. เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และยื่นต่อ สตช. ให้ตั้งกรรมการวินัยร้ายแรงสอบผู้ที่อมค่าเบี้ยเลี้ยงนายสิบ รวมถึงยื่น ป.ป.ช. ดำเนินคดีตาม มาตรา 157 ต่อไป และขอตำหนิสำนักงบประมาณว่า ทำไมให้ สตช. เบิกค่าเบี้ยเลี้ยงทั้งปี โดยไม่หักวันที่นักเรียนออกจากศูนย์ฝึกอบรม กลายเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตเงินแผ่นดิน อยากถามว่า บกพร่อง หรือรู้เห็นเป็นใจ และการจัดงบประมาณเป็นก้อน ควรหักวันที่ไม่มีการฝึกอบรมออกไปด้วย" นายวัชระ กล่าว
**จี้ “ไพบูลย์” ย้าย อธิบดีกรมราชทัณฑ์
นายวัชระ ยังกล่าวถึง กรณีปัญหาในกรมราชทัณฑ์ และสตช. ว่า ตนได้รับจดหมายร้องเรียนจากข้าราชการ และประชาชนหลายแห่งทั้งเรื่อง เอไอเอส ที่ไม่จ่ายค่าไฟเป็นเวลาสิบปี และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ไปติดตามทวงถาม รวมถึงการตั้งเสาสัญญาณที่การบินพลเรือน ตั้งแต่ปี 2545 โดยไม่มีการทำสัญญาเช่าแต่อย่างใด เท่ากับใช้สถานที่ราชการฟรีตลอดที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีอำนาจ
ทั้งนี้ ตนได้รับจดหมายร้องเรียนจากข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ว่า ในขณะที่กรมฯ จะครบ 100 ปี ในวันที่ 13 ต.ค.58 ในยุคที่ นายวิทยา สุริวงศ์ ที่ คสช. แต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แทน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย ที่เป็นคนของระบอบทักษิณ ซึ่งข้าราชการคิดว่า จะได้ผู้มีความรู้ความสามารถ แต่กลับสร้างปัญหาให้กับกรมราชทัณฑ์ โดยโอนลูกน้องเก่า จากสำนักงานยุติธรรม ไปรับตำแหน่ง 8 ระดับชำนาญการพิเศษ 2 ตำแหน่ง ทั้งที่อัตรานี้มีจำกัดอยู่แล้ว สั่งให้ตัดเครื่องแบบใหม่ ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม รายละประมาณ 2-3 พันบาท ทั้งกรม ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นเปลือง ไม่สอดคล้องเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยไม่มีการทำประชาพิจารณ์ ทั้งที่ใช้มาจะครบ 100 ปี ในเดือนหน้า แต่จะเปลี่ยนใหม่
นอกจากนี้ ยังเปิดหลักสูตรใหม่โครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานราชทัณฑ์ ระดับผู้บังคับบัญชา (ภัสดี)ให้สอบ 75 % มีผู้สมัคร 1,388 คน ผลปรากฏว่า สอบตกหมดทุกคน ไม่มีใครทำงานได้เกิน 75 % แม้แต่คนเดียว จึงมาแก้เงื่อนไขใหม่ ว่า ให้ผ่าน 51 % มีผู้สอบเดิมทำคะแนนเกินได้ 145 คน สูงสุดทำคะแนนได้ 62 %
นายวัชระ ตั้งคำถามไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่า การเสนอหลักสูตรใหม่ มีความยุติธรรมตรงไหน เพราะที่ผ่านมาอบรมแล้ว 67 รุ่นกับหลักสูตรใหม่ ที่ไม่มีใครผ่านเกณฑ์ในครั้งแรกแม้แต่คนเดียว ถือว่าไม่ยุติธรรมต่อภัสดีทั้งประเทศ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบกระทรวงยุติธรรม ก็ชี้ให้เห็นว่า หลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่ชอบ จึงขอเรียกร้อง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ได้โปรดช่วยข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ด้วยการให้ความเป็นธรรมในทุกเรื่องที่เดือดร้อน รวมถึงการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งด้วย เพราะนายวิทยา เน้นแต่งานประชาสัมพันธ์ ไม่ใส่ใจทุกข์สุขของพัสดี อย่างทั่วถึง และเป็นธรรม มีการโยกย้ายข้ามภาคซึ่งเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ
อีกทั้ง สตง.ตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตในบางรายการ จึงอยากให้ สตง. ตรวจสอบงบประมาณการจัดซื้อเครื่องใช้สวัสดิการผู้ต้องขังครั้งละไม่เกินสองล้าน ไปยังเรือนจำทุกแห่ง ทั้งที่แต่ละแห่งมีจำนวนนักโทษไม่เท่ากัน ซึ่งส่อว่าน่าจะเป็นการทุจริต เพื่อการหลีกเลี่ยงการประกวดราคาที่เกินสองล้าน หรือไม่ เพราะมีข่าวว่าคนที่ใกล้ชิดอธิบดี รับงานดังกล่าว
ดังนั้น จึงควรพิจารณาโยกย้ายอธิบดีคนนี้ไปอยู่ในที่เหมาะสมต่อไป เพราะสร้างความระส่ำระสายกับพัสดีทั้งประเทศ โดยจะนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นต่อ รมว.ยุติธรรม ในสัปดาห์หน้า รวมถึงกรณีขอให้ดีเอสไอ ดำเนินคดีกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีต อธิบดี ดีเอสไอ ที่ไม่ดำเนินคดีกับพ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ที่นายธาริต แถลงข่าวเองว่า เป็นผู้จ้างวานด้วยเงิน 5 แสนยิงวัดพระแก้ว โดยหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมต่อไป
นายวัชระ กล่าวว่าในฐานะที่ตนเป็น อดีตโฆษกกรรมาธิการงบประมาณสองสมัย ได้ติดตามเรื่องนี้พบว่ามีการทุจริตในรายการค่าเบี้ยเลี้ยงรวม 4.8 ล้านบาท หักค่าหัวคิวแม่ครัว หัวละ 40 บาท จากนักเรียนทั้งรุ่น 350 นาย เป็นเงินกว่า 3.4 ล้านบาท หักค่าหัวคิวแรกเข้าของแม่ครัวเป็นเงิน 4.2 แสนบาท หักค่าหัวคิว 40 % จากผู้สอน ค่าพาหนะ วัสดุ รวมเป็นเงินประมาณกว่า 4.3 ล้านบาท รวมกว่า 13 ล้านบาท
นายวัชระ ยืนยันว่า หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีมูล จึงนำมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนักเรียนนายสิบทั่วประเทศ โดยมีเรียงความของนักเรียนนายสิบทั้ง 350 คน ระบุว่า ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ว่ากลับบ้านไปทำอะไรบ้าง ค่าเบี้ยเลี้ยงวันละ 120 บาท สตช.เบิกจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยคิดจำนวนเต็มตลอดปีการศึกษาทุกวัน แต่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์ รวม 116 วัน คิดเป็นจำนวนมื้อ 392 มื้อ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4.7 ล้านบาท และศูนย์ฝึกอบรมนายสิบทั้งประเทศ ทำเหมือนกันหมด
"จึงขอตั้งคำถามกับ พล.ต.ต.อุดม ว่าการร้องเรียนนี้เป็นจริงหรือไม่ ขอให้ตอบต่อสาธารณชน และตั้งคำถามไปยัง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ว่าเหตุใดจึงตั้งงบประมาณเพื่อขอค่าเบี้ยเลี้ยงการฝึกอบรมนักเรียนนายสิบ ตลอด 365 วัน โดยไม่หักวันหยุดที่ไม่มีการอบรมออก เพราะปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า นักเรียนนายสิบเดินทางกลับบ้านถึง 10 วัน ในช่วงสงกรานต์ จึงขอทวงค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวคืนให้กับผู้เข้าอบรมนายสิบทั้ง 6,600 คนด้วย" นายวัชระ กล่าว
ทั้งนี้ ตนจะนำเอกสารไปยื่นให้กับ สตง. เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และยื่นต่อ สตช. ให้ตั้งกรรมการวินัยร้ายแรงสอบผู้ที่อมค่าเบี้ยเลี้ยงนายสิบ รวมถึงยื่น ป.ป.ช. ดำเนินคดีตาม มาตรา 157 ต่อไป และขอตำหนิสำนักงบประมาณว่า ทำไมให้ สตช. เบิกค่าเบี้ยเลี้ยงทั้งปี โดยไม่หักวันที่นักเรียนออกจากศูนย์ฝึกอบรม กลายเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตเงินแผ่นดิน อยากถามว่า บกพร่อง หรือรู้เห็นเป็นใจ และการจัดงบประมาณเป็นก้อน ควรหักวันที่ไม่มีการฝึกอบรมออกไปด้วย" นายวัชระ กล่าว
**จี้ “ไพบูลย์” ย้าย อธิบดีกรมราชทัณฑ์
นายวัชระ ยังกล่าวถึง กรณีปัญหาในกรมราชทัณฑ์ และสตช. ว่า ตนได้รับจดหมายร้องเรียนจากข้าราชการ และประชาชนหลายแห่งทั้งเรื่อง เอไอเอส ที่ไม่จ่ายค่าไฟเป็นเวลาสิบปี และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ไปติดตามทวงถาม รวมถึงการตั้งเสาสัญญาณที่การบินพลเรือน ตั้งแต่ปี 2545 โดยไม่มีการทำสัญญาเช่าแต่อย่างใด เท่ากับใช้สถานที่ราชการฟรีตลอดที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีอำนาจ
ทั้งนี้ ตนได้รับจดหมายร้องเรียนจากข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ว่า ในขณะที่กรมฯ จะครบ 100 ปี ในวันที่ 13 ต.ค.58 ในยุคที่ นายวิทยา สุริวงศ์ ที่ คสช. แต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แทน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย ที่เป็นคนของระบอบทักษิณ ซึ่งข้าราชการคิดว่า จะได้ผู้มีความรู้ความสามารถ แต่กลับสร้างปัญหาให้กับกรมราชทัณฑ์ โดยโอนลูกน้องเก่า จากสำนักงานยุติธรรม ไปรับตำแหน่ง 8 ระดับชำนาญการพิเศษ 2 ตำแหน่ง ทั้งที่อัตรานี้มีจำกัดอยู่แล้ว สั่งให้ตัดเครื่องแบบใหม่ ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม รายละประมาณ 2-3 พันบาท ทั้งกรม ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นเปลือง ไม่สอดคล้องเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยไม่มีการทำประชาพิจารณ์ ทั้งที่ใช้มาจะครบ 100 ปี ในเดือนหน้า แต่จะเปลี่ยนใหม่
นอกจากนี้ ยังเปิดหลักสูตรใหม่โครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานราชทัณฑ์ ระดับผู้บังคับบัญชา (ภัสดี)ให้สอบ 75 % มีผู้สมัคร 1,388 คน ผลปรากฏว่า สอบตกหมดทุกคน ไม่มีใครทำงานได้เกิน 75 % แม้แต่คนเดียว จึงมาแก้เงื่อนไขใหม่ ว่า ให้ผ่าน 51 % มีผู้สอบเดิมทำคะแนนเกินได้ 145 คน สูงสุดทำคะแนนได้ 62 %
นายวัชระ ตั้งคำถามไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่า การเสนอหลักสูตรใหม่ มีความยุติธรรมตรงไหน เพราะที่ผ่านมาอบรมแล้ว 67 รุ่นกับหลักสูตรใหม่ ที่ไม่มีใครผ่านเกณฑ์ในครั้งแรกแม้แต่คนเดียว ถือว่าไม่ยุติธรรมต่อภัสดีทั้งประเทศ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบกระทรวงยุติธรรม ก็ชี้ให้เห็นว่า หลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่ชอบ จึงขอเรียกร้อง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ได้โปรดช่วยข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ด้วยการให้ความเป็นธรรมในทุกเรื่องที่เดือดร้อน รวมถึงการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งด้วย เพราะนายวิทยา เน้นแต่งานประชาสัมพันธ์ ไม่ใส่ใจทุกข์สุขของพัสดี อย่างทั่วถึง และเป็นธรรม มีการโยกย้ายข้ามภาคซึ่งเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ
อีกทั้ง สตง.ตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตในบางรายการ จึงอยากให้ สตง. ตรวจสอบงบประมาณการจัดซื้อเครื่องใช้สวัสดิการผู้ต้องขังครั้งละไม่เกินสองล้าน ไปยังเรือนจำทุกแห่ง ทั้งที่แต่ละแห่งมีจำนวนนักโทษไม่เท่ากัน ซึ่งส่อว่าน่าจะเป็นการทุจริต เพื่อการหลีกเลี่ยงการประกวดราคาที่เกินสองล้าน หรือไม่ เพราะมีข่าวว่าคนที่ใกล้ชิดอธิบดี รับงานดังกล่าว
ดังนั้น จึงควรพิจารณาโยกย้ายอธิบดีคนนี้ไปอยู่ในที่เหมาะสมต่อไป เพราะสร้างความระส่ำระสายกับพัสดีทั้งประเทศ โดยจะนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นต่อ รมว.ยุติธรรม ในสัปดาห์หน้า รวมถึงกรณีขอให้ดีเอสไอ ดำเนินคดีกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีต อธิบดี ดีเอสไอ ที่ไม่ดำเนินคดีกับพ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ที่นายธาริต แถลงข่าวเองว่า เป็นผู้จ้างวานด้วยเงิน 5 แสนยิงวัดพระแก้ว โดยหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมต่อไป