ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี นายเจริญ จรรย์โกมล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร บุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.ใน จ.ชัยภูมิ จำนวน 33ไร่ 3งาน ซึ่งได้มีการร้องเรียนไปยังสำนักงานการปฎิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) รวมไปถึงร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วตั้งแต่กรณีตัดไม้ในสวนรุกขชาติไปสร้างบ้าน และใช้งบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปตัดถนนเอื้อประโยชน์ตัวเองว่า หลังจากที่เรียกร้องไปยัง ส.ป.ก.และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ก็ได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนและสั่งหัวหน้ารุกขชาติที่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่แล้ว เพราะพิจารณาแล้วพบว่าที่ดินดังกล่าวไม่สามารถออกเป็นที่ดิน ส.ป.ก. ได้
** ปูดใช้ “ส.ค.บิน” อ้างครองที่ดิน
นายวิลาศ กล่าวต่อว่า ยังมีอีกหลายประเด็นไม่มีความคืบหน้า ตนจึงไปหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งก็พบว่า ส.ป.ก.ดำเนินการล่าช้ามาก เนื่องจากตนแถลงข่าวไปตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.58 แต่ ส.ป.ก.ชัยภูมิเพิ่งมีหนังสือถามถึงนายอำเภอเมื่อวันที่ 27 ส.ค.58 ซึ่งก็ได้แจ้งว่า ลูกน้องนายเจริญระบุว่า ที่ดินดังกล่าวมีใบแจ้งการครอบครอบที่ดิน (ส.ค.1) มากว่า 10 ปีแล้ว จึงขอดูและขอถ่ายเอกสาร แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต แต่ตนก็ได้สำเนาเอกสารดังกล่าวมาแล้วซึ่งระบุว่า ที่ดินมีขนาดกว้าง 5 เส้น ยาว 4 เส้น คำนวณออกมาเป็นพื้นที่เพียง 20 ไร่ ซึ่งขนาดแตกต่างกับที่ดิน ส.ป.ก. 33 ไร่ 3 งาน เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมแต่ที่รุก ส.ป.ก. ไม่ได้เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมเช่นนั้น ที่สำคัญรายละเอียดใน ส.ค.1 ที่ระบุว่าที่ดินติดกันที่ดินของใครก็ไม่ตรงกับที่ดิน ส.ป.ก.ที่นายเจริญบุกรุก โดยข้าราชการก็ไม่กล้าแตะ จึงทำเป็นไม่ทราบว่าเป็นคนละพื้นที่กัน
“ผมไปยังพื้นที่ ส.ป.ก.ดังกล่าวด้วยตัวเอง พบกับผู้ใหญ่บ้านก็ได้รับคำยืนยันว่า เจ้าของ ส.ค.1 ที่ถูกนำมาอ้างว่าเป็นของนายเจริญนั้น ความจริงขายไปแล้วและมีการประกาศเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.ไปแล้ว แต่คนของนายเจริญ อ้างว่า ได้ครอบครองมา 20 กว่าปีแล้ว ซึ่งในปี 51 รัฐบาลมีนโยบายให้เปลี่ยน ส.ค.1 ให้เป็นโฉนด เหตุใดจึงไม่ไปยื่น และจะดำเนินการต่อด้วยว่ายื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวหรือไม่ ถ้าครอบครองทรัพย์สินดังกล่าวจริง ผมจึงคิดว่าเป็น ส.ค.บิน 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อประชาชน” นายวิลาศ กล่าว
** ยื่น ป.ป.ช.สอบบัญชี “เจริญ”
นายวิลาศ กล่าวด้วยว่า ทั้งยังมีกรณีการใช้งบประมาณ 30 ล้านของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ปรับภูมิทัศน์ในสวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาวนั้น มีถนนเส้นหนึ่งตัดเข้าไปยังบ้านของนายเจริญ เป็นการเอื้อประโยชน์เพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่าบริเวณดังกล่าวมีสองป้ายเขียนว่า “ขับช้า ๆ ข้างหน้ามีด่าน” แสดงให้เห็นว่าเป็นพื้นที่เฉพาะ แต่หลังจากเป็นข่าวก็มีการเปิดด่านดังกล่าวแล้ว จึงมีคำถามว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯตัดถนนเข้าไปเพื่ออะไร และยังตั้งงบประมาณ 14 ล้านบาท ไปปรับภูมิทัศน์สถานีตำรวจภูธรเกษตรสมบูรณ์ และมีการนำเงินไปสร้างร้านกาแฟด้วย จึงจะทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯให้สอบสวนเรื่องนี้ เพราะเป็นการนำงบประมาณไปให้มูลนิธิของนายเจริญหาประโยชน์ ปรับปรุงภูมิทัศน์สถานีตำรวจ ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ตนจะร้องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการไต่สวนเรื่องนี้ รวมถึงให้ตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายเจริญว่า มีการยื่นการครอบครอง ส.ค.1 ที่นำมาอ้างอิงต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ เพราะมีการระบุว่าครอบครองที่ดินดังกล่าวมากว่า 20 ปีแล้ว ก็ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. และจะทำหนังสือแจ้งไปยัง ส.ป.ก. ถึงความผิดปกติดังกล่าวด้วย เพราะเป็นการทำเป็นขบวนการ
** “วัชระ” แนะ “มือยิงอาร์พีจี” มอบตัว
ด้าน นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม ผู้ต้องหาในคดียิงระเบิดขับเคลื่อนด้วยจรวด (อาร์พีจี) ใส่กระทรวงกลาโหม ในเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อช่วงเดือน เม.ย. - พ.ค.53 ได้หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ทำให้ถูกริบเงินประกัน 1 ล้านบาทว่า เงินจำนวนดังกล่าวไม่ใช่เงินส่วนตัว แต่เป็นงบประมาณแผ่นดิน โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติไปทั้งหมด 120 ล้านบาทจากงบกลาง ซึ่งเป็นงบประมาณที่ใช้กรณีฉุกเฉิน เป็นการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ โดยไม่มีการบันทึกในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และจะได้นำเรื่องดังกล่าวไปร้องต่อ ป.ป.ช.ด้วย เพราะเป็นกรณีที่ไม่แตกต่างจากการใช้งบกลาง 2 พันล้านบาท เยียวยาคนเสื้อแดง
“การนำเงินภาษีประชาชนไปประกันตัว ส.ต.ต.บัณฑิต รวมถึงนักโทษในคดีทำผิดมาตรา 112 และขณะนี้มีการหลบหนี ศาลยึดเงินประชาชน ถามว่าใครเสียค่าโง่ ขอส่งเสียงไปยัง ส.ต.ต.บัณฑิต ให้กลับมาฟังคำพิพากษา ในวันที่ 20 ต.ค.นี้ และเปิดเผยความจริงว่าใครเป็นผู้จ้างวาน เชื่อว่าประชาชนจะให้อภัย แต่ถ้าหลบหนีเกรงว่าจะถูกฆ่าตัดตอน” นายวัชระ กล่าว
สำหรับคดียิงอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหมนั้น ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุก 30 ปี แต่ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้อง และรัฐบาลในขณะนั้นได้นำเงินภาษีประชาชนไปประกันตัวคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขัง รวมถึง ส.ต.ต.บัณฑิต ด้วย แต่ ส.ต.ต.บัณฑิต กลับหนี ไม่เดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จนทำให้ถูกริบเงินประกันตัว ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน
** แฉ ตร.คนจ้างวานได้ดีในหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัชระ ยังได้นำภาพ พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้จ้างวาน ส.ต.ต.บัณฑิต จำนวน 500,000 บาท เพื่อยิงอาร์พีจีใส่พระบรมมหาราชวังหรือวัดพระแก้ว แต่พลาดเป้าไปโดนกระทรวงกลาโหม ซึ่ง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กลับไม่ดำเนินคดีใดๆ กับ พ.ต.ท.ศุภชัย และยังเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เลื่อนยศเป็น พ.ต.อ. อีกทั้ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ก็ได้แต่งตั้งให้มาเป็น ผกก.สน.บวรมงคล ก่อนที่ล่าสุดจะมีการย้ายไปประจำการที่ บช.น.4
“ถามว่าทำไมคนที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวจึงได้เลื่อนยศ และย้ายจากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่นครบาล เกิดอะไรขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จึงขอให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม แจ้งความดำเนินคดีกับนายธาริต ที่ไม่ดำเนินคดีใดๆกับ พ.ต.ท.ศุภชัยเลย” นายวัชระ ระบุ
** ปูดใช้ “ส.ค.บิน” อ้างครองที่ดิน
นายวิลาศ กล่าวต่อว่า ยังมีอีกหลายประเด็นไม่มีความคืบหน้า ตนจึงไปหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งก็พบว่า ส.ป.ก.ดำเนินการล่าช้ามาก เนื่องจากตนแถลงข่าวไปตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.58 แต่ ส.ป.ก.ชัยภูมิเพิ่งมีหนังสือถามถึงนายอำเภอเมื่อวันที่ 27 ส.ค.58 ซึ่งก็ได้แจ้งว่า ลูกน้องนายเจริญระบุว่า ที่ดินดังกล่าวมีใบแจ้งการครอบครอบที่ดิน (ส.ค.1) มากว่า 10 ปีแล้ว จึงขอดูและขอถ่ายเอกสาร แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต แต่ตนก็ได้สำเนาเอกสารดังกล่าวมาแล้วซึ่งระบุว่า ที่ดินมีขนาดกว้าง 5 เส้น ยาว 4 เส้น คำนวณออกมาเป็นพื้นที่เพียง 20 ไร่ ซึ่งขนาดแตกต่างกับที่ดิน ส.ป.ก. 33 ไร่ 3 งาน เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมแต่ที่รุก ส.ป.ก. ไม่ได้เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมเช่นนั้น ที่สำคัญรายละเอียดใน ส.ค.1 ที่ระบุว่าที่ดินติดกันที่ดินของใครก็ไม่ตรงกับที่ดิน ส.ป.ก.ที่นายเจริญบุกรุก โดยข้าราชการก็ไม่กล้าแตะ จึงทำเป็นไม่ทราบว่าเป็นคนละพื้นที่กัน
“ผมไปยังพื้นที่ ส.ป.ก.ดังกล่าวด้วยตัวเอง พบกับผู้ใหญ่บ้านก็ได้รับคำยืนยันว่า เจ้าของ ส.ค.1 ที่ถูกนำมาอ้างว่าเป็นของนายเจริญนั้น ความจริงขายไปแล้วและมีการประกาศเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.ไปแล้ว แต่คนของนายเจริญ อ้างว่า ได้ครอบครองมา 20 กว่าปีแล้ว ซึ่งในปี 51 รัฐบาลมีนโยบายให้เปลี่ยน ส.ค.1 ให้เป็นโฉนด เหตุใดจึงไม่ไปยื่น และจะดำเนินการต่อด้วยว่ายื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวหรือไม่ ถ้าครอบครองทรัพย์สินดังกล่าวจริง ผมจึงคิดว่าเป็น ส.ค.บิน 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อประชาชน” นายวิลาศ กล่าว
** ยื่น ป.ป.ช.สอบบัญชี “เจริญ”
นายวิลาศ กล่าวด้วยว่า ทั้งยังมีกรณีการใช้งบประมาณ 30 ล้านของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ปรับภูมิทัศน์ในสวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาวนั้น มีถนนเส้นหนึ่งตัดเข้าไปยังบ้านของนายเจริญ เป็นการเอื้อประโยชน์เพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่าบริเวณดังกล่าวมีสองป้ายเขียนว่า “ขับช้า ๆ ข้างหน้ามีด่าน” แสดงให้เห็นว่าเป็นพื้นที่เฉพาะ แต่หลังจากเป็นข่าวก็มีการเปิดด่านดังกล่าวแล้ว จึงมีคำถามว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯตัดถนนเข้าไปเพื่ออะไร และยังตั้งงบประมาณ 14 ล้านบาท ไปปรับภูมิทัศน์สถานีตำรวจภูธรเกษตรสมบูรณ์ และมีการนำเงินไปสร้างร้านกาแฟด้วย จึงจะทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯให้สอบสวนเรื่องนี้ เพราะเป็นการนำงบประมาณไปให้มูลนิธิของนายเจริญหาประโยชน์ ปรับปรุงภูมิทัศน์สถานีตำรวจ ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ตนจะร้องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการไต่สวนเรื่องนี้ รวมถึงให้ตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายเจริญว่า มีการยื่นการครอบครอง ส.ค.1 ที่นำมาอ้างอิงต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ เพราะมีการระบุว่าครอบครองที่ดินดังกล่าวมากว่า 20 ปีแล้ว ก็ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. และจะทำหนังสือแจ้งไปยัง ส.ป.ก. ถึงความผิดปกติดังกล่าวด้วย เพราะเป็นการทำเป็นขบวนการ
** “วัชระ” แนะ “มือยิงอาร์พีจี” มอบตัว
ด้าน นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม ผู้ต้องหาในคดียิงระเบิดขับเคลื่อนด้วยจรวด (อาร์พีจี) ใส่กระทรวงกลาโหม ในเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อช่วงเดือน เม.ย. - พ.ค.53 ได้หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ทำให้ถูกริบเงินประกัน 1 ล้านบาทว่า เงินจำนวนดังกล่าวไม่ใช่เงินส่วนตัว แต่เป็นงบประมาณแผ่นดิน โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติไปทั้งหมด 120 ล้านบาทจากงบกลาง ซึ่งเป็นงบประมาณที่ใช้กรณีฉุกเฉิน เป็นการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ โดยไม่มีการบันทึกในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และจะได้นำเรื่องดังกล่าวไปร้องต่อ ป.ป.ช.ด้วย เพราะเป็นกรณีที่ไม่แตกต่างจากการใช้งบกลาง 2 พันล้านบาท เยียวยาคนเสื้อแดง
“การนำเงินภาษีประชาชนไปประกันตัว ส.ต.ต.บัณฑิต รวมถึงนักโทษในคดีทำผิดมาตรา 112 และขณะนี้มีการหลบหนี ศาลยึดเงินประชาชน ถามว่าใครเสียค่าโง่ ขอส่งเสียงไปยัง ส.ต.ต.บัณฑิต ให้กลับมาฟังคำพิพากษา ในวันที่ 20 ต.ค.นี้ และเปิดเผยความจริงว่าใครเป็นผู้จ้างวาน เชื่อว่าประชาชนจะให้อภัย แต่ถ้าหลบหนีเกรงว่าจะถูกฆ่าตัดตอน” นายวัชระ กล่าว
สำหรับคดียิงอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหมนั้น ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุก 30 ปี แต่ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้อง และรัฐบาลในขณะนั้นได้นำเงินภาษีประชาชนไปประกันตัวคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขัง รวมถึง ส.ต.ต.บัณฑิต ด้วย แต่ ส.ต.ต.บัณฑิต กลับหนี ไม่เดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จนทำให้ถูกริบเงินประกันตัว ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน
** แฉ ตร.คนจ้างวานได้ดีในหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัชระ ยังได้นำภาพ พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้จ้างวาน ส.ต.ต.บัณฑิต จำนวน 500,000 บาท เพื่อยิงอาร์พีจีใส่พระบรมมหาราชวังหรือวัดพระแก้ว แต่พลาดเป้าไปโดนกระทรวงกลาโหม ซึ่ง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กลับไม่ดำเนินคดีใดๆ กับ พ.ต.ท.ศุภชัย และยังเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เลื่อนยศเป็น พ.ต.อ. อีกทั้ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ก็ได้แต่งตั้งให้มาเป็น ผกก.สน.บวรมงคล ก่อนที่ล่าสุดจะมีการย้ายไปประจำการที่ บช.น.4
“ถามว่าทำไมคนที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวจึงได้เลื่อนยศ และย้ายจากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่นครบาล เกิดอะไรขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จึงขอให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม แจ้งความดำเนินคดีกับนายธาริต ที่ไม่ดำเนินคดีใดๆกับ พ.ต.ท.ศุภชัยเลย” นายวัชระ ระบุ