xs
xsm
sm
md
lg

“วิลาศ” ต้อน “เจริญ” จนมุม งัดเอกสารอ้างฮุบที่ ส.ป.ก.คนละหมู่ จ่อชง ป.ป.ช.จัดการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อดีต ส.ส.ปชป. ตามบี้ อดีตรอง ปธ. สภาฯ ฮุบที่ ส.ป.ก. สร้างบ้าน ติง ส.ป.ก. ดำเนินการช้า ปูดใช้เอกสารคนละพื้นที่อ้างครองที่มากว่า 20 ปี ย้อนห้วยจันหล้าที่อ้างอยู่คนละหมู่ ฟันธง ส.ค. บิน 100% ชง ปลัดท่องเที่ยว สอบนำงบกระทรวงตัดถนนเอื้อประโยชน์ พร้อมชง ป.ป.ช. สอบ “วัชระ” แนะ กรธ. เขียน รธน. ห้ามคนลง ส.ส.- ส.ว. รุกที่ผิด กม. จี้ คสช. จัดการ ผู้ว่าฯสงขลา ขึ้นป้ายพีอาร์ตัวเอง

วันนี้ (13 ก.ย.) นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายเจริญ จรรย์โกมล อดีตรองประธานสภาฯ บุกรุกที่ดิน ส.ป.ก. ที่จังหวัดชัยภูมิ โดยได้มีการร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วตั้งแต่กรณีตัดไม้ในสวนรุกขชาติ ตัดไม้ไปสร้างบ้าน ใช้งบกระทรวงท่องเที่ยวสร้างถนนโดยคนของนายเจริญเป็นผู้บริหารจัดการ รุกที่ ส.ป.ก. 33 ไร่ 3 งาน สร้างบ้านหลายหลัง ว่า หลังจากที่เรียกร้องให้ ส.ป.ก. ดำเนินการเรื่องนี้ให้ถูกต้องและให้กรมอุทยานฯย้ายหัวหน้ารุกขชาติก็มีการตั้งกรรมการสอบสวนและดำเนินการย้ายแล้วเพราะที่ดังกล่าวไม่สามารถออกเป็นที่ ส.ป.ก. ได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายประเด็นไม่มีความคืบหน้าจึงไปหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า ส.ป.ก. ดำเนินการช้ามาก คือ แถลงข่าวตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2558 ส.ป.ก. ชัยภูมิ เพิ่งมีหนังสือถามถึงนายอำเภอในวันที่ 27 สิงหาคม 2558 แจ้งว่า ลูกน้องนายเจริญระบุว่าที่ดินดังกล่าวมี ส.ค.1 มากว่า 10 ปีแล้ว จึงขอดูและขอถ่ายเอกสาร แต่ไม่ได้รับอนุญาต

อย่างไรก็ตาม ตนได้เอกสารดังกล่าวมาแล้ว เป็น ส.ค. เลขที่ 18 ในเอกสารมุมขวาด้านล่างเขียนไว้ว่า ขนาดกว้างห้าเส้นยาวสี่เส้น คำนวณออกมาเป็นพื้นที่ 20 ไร่ แต่ที่ดิน ส.ป.ก. 33 ไร่ 3 งาน ซึ่งขนาดแตกต่างกันมาก อีกทั้งยังมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมแต่ที่รุก ส.ป.ก. ไม่ได้เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมเช่นนั้น ที่สำคัญคือใน ส.ค.1 ระบุว่า ทิศเหนือจรดที่นา นายอิน ชัยบุญ ทิศใต้จรดที่นานางฮอง เจริญเกียรติ ทิศตะวันออกจรดห้วยจันหล้า ทิศตะวันตกจรดล่อง ซึ่งแตกต่างจากพื้นที่สปก.ที่นายเจริญบุกรุกเพราะอยู่ที่หมู่สองไม่ใช่หมู่สี่ ในขณะที่ข้าราชการไม่กล้าแตะจึงทำเป็นไม่ทราบว่าเป็นคนละพื้นที่กัน

“ผมไปยังพื้นที่ ส.ป.ก. สอบถามว่า ห้วยจันหล้าอยู่ที่ไหน ปรากฏว่า บริเวณดังกล่าวไม่มีห้วยจันหล้าเพราะอยู่ที่หมู่บ้านป่าว่าง ม.4 ตำบลห้วยยาง จึงเดินทางไปพบผู้ใหญ่บ้านก็ได้รับคำ ยืนยันว่า นายฉ่อง เปรมประยูร เป็นเจ้าของ ส.ค.1 ที่ถูกนำมาอ้างว่าเป็นของนายเจริญนั้น ความจริงขายไปแล้วสามพันบาท และมีการประกาศเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. ไปแล้ว แต่คนของนายเจริญ อ้างว่า ได้ครอบครองมายี่สิบกว่าปีแล้ว ซึ่งในปี 51 รัฐบาลมีนโยบายให้เปลี่ยน ส.ค.1 เป็นโฉนดหมดเขต 8 กุมภาพันธ์ 53 เหตุใดจึงไม่ไปยื่น และจะดำเนินการต่อด้วยว่ายื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวหรือไม่ ถ้าครอบครองทรัพย์สินดังกล่าวจริง ผมจึงคิดว่าเป็น ส.ค. บินร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อประชาชน” นายวิลาศ กล่าว

นายวิลาศ กล่าวด้วยว่า งบประมาณ 30 ล้านของกระทรวงท่องเที่ยวฯ เพื่อปรับภูมิทัศน์ในน้ำผุดทับลานนั้น มีถนนเส้นหนึ่งตัดเข้าไปยังบ้านของนายเจริญ เป็นการเอื้อประโยชน์เพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่าบริเวณดังกล่าวมีสองป้ายเขียนว่า “ขับช้า ๆ ข้างหน้ามีด่าน” แสดงให้เห็นว่าเป็นพื้นที่เฉพาะ แต่หลังจากเป็นข่าวก็มีการเปิดด่านดังกล่าวแล้ว จึงมีคำถามว่ากระทรวงท่องเที่ยวตัดถนนเข้าไปทำไม และตั้งงบ 14 ล้าน ไปปรับภูมิทัศน์โรงพักทำไม โดยมีการนำเงินไปสร้างร้านกาแฟด้วย จึงจะทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯให้สอบสวนเรื่องนี้ เพราะเป็นการนำงบไปให้มูลนิธินายเจริญหาประโยชน์ ปรับปรุงภูมิทัศน์สถานีตำรวจภูธรเกษตรสมบูรณ์ ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ตนจะร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการไต่สวนเรื่องนี้ รวมถึงให้ตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายเจริญ ว่า มีการยื่นการครอบครอง ส.ค.1 ที่นำมาอ้างอิงต่อ ป.ป.ช. หรือไม่ เพราะมีการระบุว่าครอบครองที่ดินดังกล่าวมากว่า 20 ปีแล้ว ก็ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. และจะทำหนังสือแจ้งไปยัง ส.ป.ก. ถึงความผิดปกติดังกล่าวด้วย เพราะเป็นการทำเป็นขบวนการ

ด้าน นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้มีอิทธิพล นักการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ที่ ส.ป.ก. และพื้นที่สาธารณะ ว่า ขอเสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้บัญญัติเรื่องคุณสมบัติของผู้ลงสมัคร ส.ส. หรือ ส.ว. หรือ รมว. เพิ่มอีกหนึ่งข้อ คือ “ต้องไม่บุกรุกที่สาธารณะของแผ่นดินไม่ว่ากรณีใด ๆ รวมถึงการใช้นอมินีถือครองแทนด้วย” หากกรรมการยกร่างฯบัญญัติข้อห้ามดังกล่าวไว้จะทำให้บุคคลเหล่านี้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองและใช้อิทธิพลทางการเมืองมาบุกรุกที่สาธารณะได้อีกต่อไป ทั้งนี้ ตนทราบจากนายมานิต สุขสมจิตร ว่า กรรมาธิการชุดเดิมทั้ง 36 คน ได้ทำสัญญาประชาคมแล้วว่าจะไม่มีใครรับตำแหน่งกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่อีกแม้แต่คนเดียว

ส่วนกรณีที่ คสช. ห้ามไม่ให้นักการเมืองทำป้ายประชาสัมพันธ์ ว่า นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ขู่จะฆ่าเอ็นจีโอที่สงขลา ซึ่งตนได้ร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วแต่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ และพบว่าเทศบาลห้วยงาม จังหวัดสงขลาได้ขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ขอบคุณนายธำรงค์ที่สร้างเสาไฟฟ้าจำนวน 50 เสา ไม่ทราบว่าเป็นการใช้เงินส่วนตัวหรือใช้งบประมาณแผ่นดิน หากเป็นเงินภาษีประชาชนก็จะไม่เป็นธรรมที่เอามาใช้หาเสียงให้ตัวเองเช่นนี้ จึงขอสอบถามว่า คสช. อนุญาตให้ข้าราชการขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ตัวเองได้หรือไม่







กำลังโหลดความคิดเห็น